สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

พลังเยาวชนพลเมือง

      ปรากฏการณ์ของคนรุ่นใหม่ที่เป็นเยาวชนในระดับนักเรียนและนักศึกษาลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาลด้วยการเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หยุดคุกคามประชาชน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่มีมาก่อนแล้วจากลุ่มอื่นๆ ผ่านช่องทางต่างๆ แต่ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

      แต่เมื่อเป็นเยาวชนและนักศึกษาลุกขึ้นมาเสนอข้อเรียกร้องและสามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมตกใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองของเยาวชนเอง หรือ รัฐบาล

      เรียกว่า เป็นเสียงที่ทำให้ทุกคนต้องหันมามองและสนใจว่า เยาวชนของชาติเขาสนใจเรื่องบ้านเมือง เรื่องสังคม เรื่องการเมืองได้ขนาดนี้จริงหรือ

      และภาพการรวมตัวกัน สุ้มเสียงที่เปล่งออกมา แม้จะไม่เก๋าเกมส์แบบนักการเมืองที่เคยออกมาต่อสู้บนถนนเพื่อช่วงชิงอำนาจทางการเมืองเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็เป็นเรื่องที่มีค่า มีราคา สมกับเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับเรื่องของส่วนรวมที่จะไม่เป็นเพียงผู้เรียนหนังสือใส่ใจแต่เกรดคะแนน โดยไม่สนใจเรื่องความเดือดร้อนทางสังคมใดๆ

      เพราะห้องเรียนอยู่ในสังคมใหญ่ การเรียนรู้ในห้องเรียนต้องสัมพันธ์เชื่อมโยงกับโลกนอกห้องเรียน คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับชีวิตจริง สถานที่เรียนและสถาบันการศึกษาเองก็ควรนำโจทย์ของสังคมเข้าไปสู่การถกเถียงเรียนรู้อย่างมีเหตุผล มีวิจารณญาณได้ด้วย คุณค่าประชาธิปไตยจึงสามารถซึมซาบอยู่ในตัวผู้เรียน

      การที่เด็กๆ ที่เป็นเยาวชน กล้าที่จะตั้งคำถามกับสังคมและกล้าแสดงออกในการเรียกร้อง จึงนับว่าเขาเหล่านี้ได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกแล้วอย่างที่ควรจะเป็น และยังมีรัฐธรรมนูญได้ให้การรับรองไว้อีกด้วย

      น่าสนใจว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าว เป็นการตกผลึกของปัญหาทางสังคมการเมืองไทยที่รับรู้ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด เพราะมันเป็นวงจรอุบาทก์ของการเมืองไทยที่ยังหาทางออกไม่ได้
      เพราะการเมืองไทยถูกผูกขาดให้อยู่ในมือของธุรกิจการเมือง นักธุรกิจ นักการเมือง และข้าราชการมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง คือ ระบบอำนาจนิยมที่แฝงฝังหยั่งรากลึกอยู่ในสังคมนี้จริงๆ

      พลันที่มีเสียงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ลุกขึ้นมาคุมประเด็นเก่าๆ เหล่านี้เสียเอง จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และชวนรับฟังเป็นอย่างยิ่ง

      เราจึงควรเปิดโอกาสและฟังสิ่งที่จะได้ยินจากเขาด้วยหัวใจ และควรส่งเสริมการเปิดเวทีพูดคุยด้วยเหตุและผล ไม่ควรมีความพยายามใดๆ ที่จะแสดงการเห็นแย้งด้วยอคติ เพราะมันเป็นการไม่ฉลาดที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับผู้คนที่เป็นลูกเป็นหลานของเราเอง และไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้ หากชนรุ่นลูกหลาน หรือ คนรุ่นใหม่ ไม่ใส่ใจความคิด ประสบการณ์ดีๆ และศรัทธาของคนรุ่นก่อนที่ยังทรงคุณค่าต่อสังคมไทย

      เยาวชนทั้งที่เป็นนักเรียน นักศึกษาเองก็ยังต้องเรียนรู้ และเติบโตผ่านการประคับประคองจากสังคมผู้ใหญ่ การใช้เสรีภาพด้วยการแสดงออกอย่างมีเหตุผลให้ครบถ้วนทั้งปัญญาธรรม คารวะธรรม และสามัคคีธรรม ก็จะเป็นสิ่งที่จะช่วยค้ำจุน “เสียงที่เปล่งออกมา” ให้ได้รับการตอบรับจากคนทุกรุ่น ไม่ว่า รุ่นเก่า รุ่นใหม่ หรือ รุ่นกลางเก่ากลางใหม่

      คนไทยทุกๆ รุ่นอายุ จึงควรสามัคคีกันแก้ปัญหาของประเทศด้วยความรักต่อกัน จึงจะเห็นผลเป็นความสำเร็จ “รู้รัก สามัคคี” คำสอนที่พึงสืบสานและต่อยอดสำหรับคนไทยทุกๆ คน เพราะเพียงแค่เราเห็นในมุมมองที่ต่างกัน แต่เราต้องผสานทุกมุมมองให้มีที่ทางที่จะเดินได้ นี่เป็นภาระกิจของพลเมืองทุกรุ่นอายุที่กระตือรือร้นต่อเรื่องประเทศชาติ

      เยาวชนพลเมืองทั้งหลาย คือพลังแห่งอนาคต อยากให้สังคมช่วยกันอุ้มชูดูแลให้เขาเติบโตตั้งแต่วันนี้ เพื่อหล่อหลอมทุกคนให้อยู่ในเส้นทางของสังคมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
ผู้อำนวยการ สถาบันนโยบายศึกษา