ตุลาคม 2562 : สหรัฐฯ ตัด จีเอสพี ไม่เกี่ยวกรณีไทยแบนสามสารพิษ “สมคิด” ยัน ตัด จีเอสพี ไม่เกี่ยวการแบนสามสารพิษ เกษตรกร 6 จังหวัดฟ้องศาลปกครอง ระงับมติแบน 3 สารพิษ นายกฯ ย้ำ พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ มุ่งต้านภัยคุกคาม มติ ครม. ไฟเขียวมาตรการ'ชิม-ช้อป-ใช้' เฟส 2 สภาฯ ผ่าน พ.ร.ก.โอนย้ายหน่วยทหาร ศาล รธน. รับวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ‘นวัธ’ พรัอมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลสั่ง 3 แกนนำ นปช. ชดใช้ 21 ล้าน คดีเผาตึกอนุสาวรีย์ชัยฯ มั่นใจกระตุ้น ศก. มาถูกทาง รัฐบาลหนุนท่องเที่ยวต่อเนื่อง ‘บิ๊กแดง’ลั่น รธน. ‘มาตรา1’ แก้ไม่ได้ ‘ศาล รธน.’ วินิจฉัย เรื่อง ‘รมต.’ ที่เป็น ส.ส. โหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบฯ ครม. ไฟเขียวปรับเกณฑ์เช็ค ‘ลูกค้าแบงก์’ ปิดช่องฟอกเงิน-สนับสนุน ครม. ไฟเขียว 3 มาตรการ กู้วิกฤติฝุ่นพิษ “สมคิด” ยัน ตัด จีเอสพี ไม่เกี่ยวการแบนสามสารพิษ       เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบ ถึงเรื่องที่สหรัฐอเมริกาจะตัดจีเอสพี ว่า กรณีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ในขณะนี้ยังอยู่ที่การพูดจากัน       ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าการที่สหรัฐฯ จะตัดจีเอสพีไทยนั้น เกี่ยวกับการที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติยกเลิกสารพิษ 3 ชนิด ซึ่งนายสมคิด กล่าวว่า มันเป็นเรื่องความบังเอิญของเวลา และไม่เกี่ยวกับการเมืองของประเทศ       เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางการสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับข้อตกลงตามมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้าบางชนิดที่นำเข้าจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุผลว่าทางการไทยไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ว่า เรื่องดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อครั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา มาร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่ไทย เกษตรกร 6 จังหวัดฟ้องศาลปกครอง ระงับมติแบน 3 สารพิษ       เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสารักแม่กลอง เป็นตัวแทนกลุ่มเกษตรกรที่ประกอบอาชีพปลูกผลไม้และพืชไร่ จาก 6 จังหวัด คือ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดระยอง จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1,091 คน เดินทางมายื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อศาลปกครองกลาง ว่าเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมในการมีมติยกเลิกการใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส โดยให้มีผลวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และไม่มีแผนรองรับผลกระทบ ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบต่อต้นทุนและประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืช เป็นการละเมิดสิทธิเกษตรกรทั่วประเทศ       โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย และมติของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ที่ระงับการผลิต จำหน่าย นำเข้า และครอบครอง สารเคมีเกษตร พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ให้กลับไปเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้กรมวิชาการเกษตร หน่วยงานในสังกัด กำหนดแผนหรือมาตรการรองรับแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบจากมติให้ยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าว รวมถึงให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดการบริหารจัดการสารเคมี 3 ชนิด เพื่อไม่ก่อผลกระทบต่อเกษตรกรผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม หรือตามที่ศาลเห็นสมควร       นางสาวอัญชุลี กล่าวว่า การลงมติของคณะกรรมการฯ ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการตกค้างของสารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ในสินค้าเกษตรมาแสดงชัดเจน และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่มีมาตรการรองรับหรือแก้ปัญหาให้เกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างไร สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ นายกฯ ย้ำ พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ มุ่งต้านภัยคุกคาม       เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2019: ASEAN Connectivity” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมมอบรางวัล Prime Minister’s Award เพื่อประกาศความสำเร็จที่โดดเด่นของผลงานนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งในระดับเยาวชน ชุมชนดิจิทัล ธุรกิจดิจิทัล Digital Startup และองค์กรดิจิทัล       พลเอกประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของประเทศไทยในเวที ASEAN Connectivity” ตอนหนึ่งว่า วันนี้เรากำลังเดินหน้าสู่โลกแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งจะเชื่อมโยงแค่ภายในประเทศไม่เพียงพอ แต่ต้องเชื่อมโยงกับต่างประเทศและรอบบ้านด้วย ดังนั้น ต้องทำให้ดิจิทัลเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพและทุกรายได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้นำดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ เพื่อก้าวสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ต้องใช้ Big data มาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการมากยิ่งขึ้น การเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้วตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องมีแผนภูมิและโรดแมปเพื่อเดินหน้าประเทศ เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายตัว       สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง วันนี้มีการใช้สื่อออนไลน์อย่างมหาศาล ดังนั้นความมั่นคงและความความปลอดภัยทางไซเบอร์ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งภัยก่อการร้ายก็มีการใช้ดิจิทัลมาสนับสนุนเช่นกัน       รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมและป้องกัน โดยได้ออกกฎหมายไว้รองรับ อาทิ พระราชบัญญัติความมั่นคงทางไซเบอร์ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทุกวันนี้มีการหลอกลวงทางสื่อสังคมดิจิทัลมาก ทำให้คนหลงเชื่อ ดังนั้นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทยทุกคนให้เข้มแข็ง มีสติ และต้องพัฒนาคนด้วย       นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันกติกาในโลกใบนี้เราจะก้าวล่วงกฎหมายใครไม่ได้และคนอื่นจะก้าวล่วงเราไม่ได้เช่นกัน เราจะหาประโยชน์ร่วมกันอย่างไรทั้งในด้านการค้าและการลงทุน โลกปัจจุบันมีปัญหาในเรื่องดิจิทัล และการคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง ดังนั้นการพูดจาอะไรต่างๆ ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด       ทั้งนี้ ต้องร่วมมือกันพัฒนาทั้งการศึกษาและพัฒนาคนให้มีความพร้อม และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้นำมาพัฒนาและใช้ประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข รวมถึงด้านการเกษตรฯ และ เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ก็ต้องนำดิจิทัลเข้าไปเสริมและต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยนำดิจิทัลแบบง่ายๆ ไปใช้ มติ ครม. ไฟเขียวมาตรการ 'ชิม-ช้อป-ใช้' เฟส 2       เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 นางสาวไตรสุรี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 ในระยะที่ 2 จำนวน 4 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ หรือ มาตรการ ชิม-ช้อป-ใช้ ระยะที่ 2 ที่จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนจำนวน 3 ล้านคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 กำหนดให้ลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีการขยายมาตรการถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 โดยผู้ลงทะเบียนทั้ง 3 ล้านคนจะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกันกับผู้ลงทะเบียน 10 ล้านคนแรก โดยรัฐบาลจะสนับสนุนวงเงินซื้อสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง คนละ 1,000 บาท       หากผู้ลงทะเบียนเติมเงินสำหรับการใช้จ่ายจะได้รับเงินชดเชย หรือ แคชแบ็ก ในอัตราร้อยละ 15 ตามวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท และเพิ่มเติมหากใช้จ่ายตั้งแต่ 30,000-50,000 บาท จะได้รับแคชแบ็ก ร้อยละ 20 สำหรับงบประมาณจำนวน 3,000 ล้านบาท ที่ใช้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาตรการนี้ นำมาจากงบกลางจำนวน 2,000 ล้านบาท และงบของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีก 1,000 ล้านบาท       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี(ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า จากการจัดเก็บข้อมูลในช่วงวันหยุดเทศกาลออกพรรษายาว 3 วันที่ผ่านมา (12-14 ตุลาคม) พบว่ามีประชาชนเดินทางออกไปใช้จ่ายในโครงการ “ชิม-ช้อป-ใช้” จำนวนมาก ทำให้ร้านอาหารและร้านค้ารายย่อย โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ มียอดการใช้จ่ายอย่างคึกคัก ส่งผลให้เม็ดเงินสะพัดออกสู่ต่างจังหวัดตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เช่น ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชาชนต่างพากันเดินทางท่องเที่ยวและใช้เงินจำนวนมาก       โครงการ ชิม-ช้อป-ใช้ เฟส 1 ถือว่าเป็นความสำเร็จในการจุดประกายให้เกิดสังคมไร้เงินสดเป็นวงกว้าง เป็นการสร้างฐานผู้ใช้ e-wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างยอดผู้ใช้ได้เป็น 10 ล้านคนในคราวเดียว พ่อค้า แม่ค้า คนสูงวัย ประชาชนในต่างจังหวัด ร้านค้าที่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ประชาชนจะคุ้นเคยและเห็นแล้วว่าเพิ่มโอกาสให้ได้ บางร้านเล็กๆ ขายผักในตลาดมีเงินเพิ่มจากช่องทางนี้ สำหรับคนค้าขายรายย่อยคือกำลังใจและโอกาส       สำหรับเฉพาะ ในช่วงวันหยุดยาว 3 วัน (12-14 ตุลาคม) มียอดการใช้จ่าย 1,842 ล้านบาท ตัวเลขการใช้จ่ายรวมตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ถึง 14 ตุลาคม 2562 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,071.1 ล้านบาท สภา ฯ ผ่าน พ.ร.ก.โอนย้ายหน่วยทหาร       เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา มีการพิจารณาพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน โดยมี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผล ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้อภิปรายถึงเรื่องดังกล่าว       ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ที่ประชุมมีการลงมติ เห็นด้วย 374 ต่อ 70 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และจะได้ส่งต่อให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 20 ตุลาคม นี้ ศาล รธน.รับวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ‘นวัธ’ พรัอมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่       เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต และให้คุมขังนายนวัธ ไว้ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ไว้พิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากต้องด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 82 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7(5)       และมีคำสั่งให้นายนวัธ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องปรากฏชัดเจนว่า ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายนวัธ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ และศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์นายนวัธ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 เป็นต้นไป จึงปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องแล้ว       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณาความเป็นสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง กรณีนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขต 7 จังหวัดขอนแก่น ที่ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิตและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล คณะกรรมการการเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากจึงมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงตามมาตรา 82 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า นายนวัธ เตาะเจริญสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดขอนแก่น มีเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) ศาลสั่ง 3 แกนนำ นปช. ชดใช้ 21 ล้าน คดีเผาตึกอนุสาวรีย์ชัยฯ       เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก มีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ 1762/2554 ที่นายประสงค์ กังวาฬวัฒนา เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทบางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน), นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), และ น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), เป็นจำเลยที่ 1-10 กรณีสืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐทำการสลายการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งต่อมาเกิดเหตุการณ์เผาอาคารหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสำนวนนี้เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเผาอาคารพาณิชย์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วันและอาคารดอกหญ้า       ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษา พร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหาย จำนวน 21,356,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2553 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับค่าขาดผลประโยชน์ 1,200,000 บาท ละชำระเพิ่มอีกเดือนละ 1 แสนบาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 พฤษภาคม 2554) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้เสียค่าเสียหายได้ไม่เกิน 24 เดือน อย่างไรก็ตาม ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนทรัพย์สินโจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 1 แสนบาท       คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 8-10 (แกนนำ นปช.) ร่วมกันชำระเงิน 30,509,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระเงิน 638,710 บาท ให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 50,000 บาท มั่นใจกระตุ้น ศก.มาถูกทาง รัฐบาลหนุนท่องเที่ยวต่อเนื่อง       เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เห็นชอบใน 18 มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา 39 ล้านคน อันเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต แก้ไขปัญหาสภาวะเศรษฐกิจโลกและการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยคาดว่าการท่องเที่ยวจะเป็นทางออกจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก       สำหรับ 18 มาตรการนั้น ประกอบด้วยมาตรการระยะสั้น กลาง ยาว สำหรับมาตรการระยะสั้น มีทั้งมาตรการด้านการเงิน การคลังและกฎหมาย รวมถึงมาตรการกระตุ้นตลาด เช่น โครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges” ซึ่งมีส่วนลด 30-70 เปอร์เซ็นต์ต่อนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ส่วนมาตรการระยะกลาง-ยาว เช่น การส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสถานพักแรม และให้สินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ประกอบการสถานพักแรม การจัดกิจกรรมมหกรรมระดับโลกหรือกิจกรรมขนาดใหญ่ เป็นต้น       หนึ่งในมาตรการคือ โครงการ “ถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย” ที่แบ่งออกเป็น 2 มาตรการ คือ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” และ “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” โดย “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ 4 วัน คือ วันที่ 11-12 พฤศจิกายน, วันที่ 11-12 ธันวาคม ผ่านเว็บไซต์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยให้สิทธิ์วันละ 10,000 รายการ รวม 4 วันเป็น 40,000 รายการ ส่วน “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” เปิดให้สามารถใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวได้ในวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี ซึ่งจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ ‘บิ๊กแดง’ ลั่น รธน. ‘มาตรา 1’ แก้ไม่ได้       เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก มีผู้สนใจเข้าฟังบรรยายประมาณ 500 คน       พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองทั้งภายในและนอกประเทศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลากองทัพบกในฐานะที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงของชาติ จึงจำเป็นต้องปรับองค์กรและภารกิจให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงโดยยึดมั่นในการดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในทุกโอกาส       ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร ประชาชนเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกและแยกกันไม่ได้ โดยในช่วงหนึ่งได้ฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 แต่งเครื่องแบบทหารร่วมปฏิบัติการปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ในยุทธการบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย เมื่อปี 2519 โดยร่วมรบกินนอนกับทหารกระทั่งคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง จากนั้นคอมมิวนิสต์กลับออกจากป่ากลายมาเป็นนักการเมือง แต่ก็ยังฝังชิพลัทธิคอมมิวนิสต์ในหัว เป็นพวกหัวเดิมๆ ซึ่งปัจจุบันสงครามมีความซับซ้อนเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง อาทิ ขาดความสามัคคี การก่อการร้าย สงครามการค้าและความขัดแย้งของคนในชาติ ที่เกิดจากการปลุกปั่นของคนในชาติกันเอง       สิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เริ่มจาก ปี 2545 ยุคของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมกับประกาศว่า “ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้วพวกที่เหลือเป็นแค่เพียงโจรกระจอก” ทุกคนที่นั่งตรงนี้จำได้เพราะเกิดทัน หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเริ่มยุทธการใบไม้ร่วง ลอบยิง วางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เป็นเป้าหมายหลัก และมีการก่อเหตุหลายครั้ง       เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 เกิดเหตุการณ์ปล้นปืน 431 กระบอก ที่กองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรอบใหม่ หลังจากนั้นรัฐบาลสั่งให้กองทัพบกจัดหน่วยทหารเฉพาะกิจจากกรมทหารราบ กองทัพภาคที่ 1, 2 และกองทัพภาคที่ 3 ลงไปดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐน้อมนพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของในหลวงรัชการที่ 9 เป็นไฟส่องทาง และในปี 2557 ยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์ภาคใต้เริ่มดีขึ้น รัฐบาลสั่งลดกำลังทหารทยอยออกจากพื้นที่ทั้งหมด เหลือแต่ทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4       การต่อสู้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคนไหนคือประชาชน หรือผู้ก่อการร้าย เพราะแต่งตัวเหมือนกัน ความกดดันจึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ที่ต้องการโจมตีหน่วยงานความมั่นคงและรัฐบาล พยายามสร้างตัวเลขให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่ได้แยกว่าเป็นการเสียชีวิตจากเรื่องของความมั่นคง หรืออาชญากรรม       หลังเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคม 2562 เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีคนเข้ามาลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ 8 จุด หลังจากนั้นมีคนหนึ่งกลุ่มลงไปนั่งเสวนากับนักวิชาการ อาจารย์บางคนนั่งเทียนแล้วบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญในภาคใต้ ต้องแก้ปัญหาแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าจะต้องยึดตามมาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ‘ศาล รธน.’ วินิจฉัย เรื่อง ‘รมต.’ที่เป็น ส.ส. โหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบฯ       เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เพจเฟซบุ๊ก “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560” โพสต์ข้อความ ระบุว่า “กรณีมีข้อถกเถียงกันว่า รัฐมนตรีซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถลงคะแนนเสียง (โหวต) ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอได้หรือไม่นั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยในประเด็นนี้ไว้แล้ว ในคำวินิจฉัยที่ 14/2551 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 125 ตอนที่ 127ก วันที่ 4 ธันวาคม 2551 ผู้สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตาม link ดังต่อไปนี้ http://www.constitutionalcourt.or.th/occ_web/download/article/file_import/center14_51.pdf       ดังนั้น ก่อนตั้งคำถามเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ สมควรที่ผู้ตั้งคำถามจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วนก่อน เพื่อจะได้สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันของประชาชนในสังคม ครม. ไฟเขียวปรับเกณฑ์เช็ค 'ลูกค้าแบงก์' ปิดช่องฟอกเงิน-สนับสนุน       เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การตรวจสอบลูกค้า ตัดช่องทางการฟอกเงินและการสนับสนุนผู้ก่อการร้าย ยกระดับมาตรฐานการทำงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เทียบเท่าสากล ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ       โดยร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของ ปปง. ให้เสมอกับมาตรฐานสากล เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าให้สอดคล้องมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และเพื่อให้การบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น       สาระของร่างกฎกระทรวงมีประเด็นสำคัญ อาทิ การกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เช่น ผู้ค้าอัญมณี ผู้ค้าหรือเช่าซื้อรถยนต์ นายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์) ต้องดำเนินการประเมิน บริหาร และบรรเทาความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ หากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินฯ สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องไม่ทำธุรกรรมกับลูกค้าดังกล่าว และรายงานเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยต่อสำนักงาน ปปง. มากไปกว่านั้น กรณีที่มีการให้บริการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามประเทศที่มีมูลค่าตั้งแต่ห้าหมื่นบาทขึ้นไป สถาบันการเงินผู้สั่งคำสั่งโอนและสถาบันการเงินผู้รับคำสั่งโอนต้องดำเนินการส่งและรับข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอนพร้อมคำสั่งโอนเงิน โดยคำสั่งโอนเงินต้องมีข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอน ครม. ไฟเขียว 3 มาตรการ กู้วิกฤติฝุ่นพิษ       เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในการแก้ปัญหาฝุ่นละออง ที่มีแนวทางแก้ปัญหา 3 มาตรการ คือ       มาตรการที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการเชิงพื้นที่ แก้ปัญหาระยะเร่งด่วนและช่วงวิกฤติ       มาตรการที่ 2 ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด การแก้ปัญหาระยะสั้น และระยะยาว และ       มาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ (การแก้ปัญหาระยะสั้น และระยะยาว)       แผนดังกล่าวดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งวิกฤติฝุ่น PM 2.5 ขณะนี้อยู่ในระยะก่อนเกิดวิกฤติ จึงให้หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมกันรับผิดชอบและต้องปฏิบัติตามเมื่อเข้าสู่มาตรการขั้นต่างๆ       กระทรวงมหาดไทยได้ย้ำกับผู้ว่าราชการจังหวัดให้เตรียมการเฝ้าระวังในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการเผาในที่โล่ง ซึ่งเดือนพฤศจิกายนจะเก็บเกี่ยวข้าวกันแล้ว ต้องมีมาตรการจัดเก็บ แปรรูป และนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งฟางข้าว อ้อย ข้าวโพด ถ้านำไปเผาจะทำให้เกิดปัญหาหมอกควันขึ้นอีก นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบต่อเนื่อง และประสานกระทรวงสาธารณสุขแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนอย่างทั่วถึง       กองทัพบกได้สั่งการให้หน่วยทหารจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจสุขภาพ แจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่น ขณะเดียวกันกองทัพบกจะสนับสนุนรถบรรทุกน้ำและกำลังพลปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ในการล้างทำความสะอาดพื้นที่และฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและลดฝุ่นละอองในอากาศ จนกว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานจะคลี่คลาย