มีนาคม 2562 : กกต. ประกาศผลเลือกตั้งที่ยังไม่เป็นทางการ กกต. ประกาศผลเลือกตั้งที่ยังไม่เป็นทางการ อภิสิทธิ์ลาออก ศาล รธน. มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรค ทษช. พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 พ.ร.บ. ไซเบอร์ สมาร์ทวีซ่า อบจ. มีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มปี 61 ถึง 8.8 พันล้านบาท เพิ่มเป้าหมายเกษตรกรในโครงการสวนปาล์มน้ำมัน คาดปีนี้ “เอลนีโญ” ทำฝนตกน้อย “แล้งเร็ว-แล้งนาน” ยกฟ้อง 21 พธม. ปิดสภา ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน “อภิรักษ์” ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหม 1.2 พันล้าน กกต. ประกาศผลเลือกตั้งที่ยังไม่เป็นทางการ       หลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เสร็จสิ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้เปิดเผยข้อมูลผลการรวมคะแนนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไม่เป็นทางการในเย็นวันที่ 28 มีนาคม ว่า จากคะแนนที่มีผู้ออกมาเลือก ส.ส. เขตทั้งหมด 35,532,610 คะแนน พรรคที่ได้คะแนนรวมเป็นลำดับที่ 1-5 ได้แก่ 1. พลังประชารัฐ 8,433,060 คะแนน 2. เพื่อไทย 7,920,561 คะแนน 3. อนาคตใหม่ 6,265,918 คะแนน 4. ประชาธิปัตย์ 3,947,706 คะแนน และ 5. ภูมิใจไทย 3,732,940 คะแนน       ทั้งนี้ ทั่วประเทศมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 51,229,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,366 คน เท่ากับร้อยละ 74.69 ของผู้มีสิทธิ อีกร้อยละ 25.31 หรือ 12,971,263 คน ไม่มาใช้สิทธิ จากจำนวนบัตรทั้งสิ้น 38,268,366 เป็นบัตรดี 35,532,645 ใบ เท่ากับร้อยละ 92.85 บัตรเสีย 2,130,327 ใบ เท่ากับร้อยละ 5.57 และบัตรไม่เลือกผู้สมัครใดเลย 605,392 ใบ เท่ากับร้อยละ 1.58       ก่อนหน้านี้ในวันที่ 26 มีนาคม เวลา 16.00 น. กกต. ได้เปิดเผยผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการร้อยละ 95 รวม 350 เขต 77 จังหวัด ว่า ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเป็นที่หนึ่งใน 137 เขต พรรคพลังประชารัฐ 97 เขต พรรคภูมิใจไทย 39 เขต พรรคประชาธิปัตย์ 33 เขต พรรคอนาคตใหม่ 30 เขต พรรคชาติไทยพัฒนา 6 เขต พรรคชาติพัฒนา 1 เขต และพรรครวมพลังประชาติไทย 1 เขต อย่างไรก็ตาม ยังจะต้องมีการยืนยันตัวเลขที่แน่นอนซึ่งตามรัฐธรรมนูญและระเบียบ กกต. จะต้องประกาศผลภายใน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2562       สำหรับ ส.ส. แบบปาร์ตี้ลิสต์นั้น มีทั้งสิ้น 150 ที่นั่ง โดยจะนำคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับจากทั่วประเทศมาคำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 และภายใน 15 วันหลังการประกาศผลการเลือกตั้ง จะมีการนัดประชุมรัฐสภาครั้งแรก ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 และ ส.ว. อีก 250 เพื่อเสนอผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีให้สมาชิกทั้ง 750 คนเลือก ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้คะแนนเสียงเกินครึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา หรือ มากกว่า 376 คะแนน       การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรมีผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 101,004 คน คิดเป็นร้อยละ 84.7       สำหรับยอดการออกมาใช้สิทธิ์ครั้งนี้ มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 74.69 ต่ำกว่าที่ กกต. ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 80 และใกล้เคียงกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในปี 2554 ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 75.01       สำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดทั่วประเทศที่จัดขึ้นในวันที่ 17 มีนาคม 2562 มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์ 2.6 ล้านคน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์คิดเป็นร้อยละ 86.98 และมีหลายแห่งใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 90       ในระหว่างที่ กกต. ยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ กกต. ได้เตือนให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแชร์ข้อมูลต่อในสื่อออนไลน์ หากมีการกระทำใส่ความใดที่น่าจะทำให้ กกต. เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง อาจเป้นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากมีการส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือนหรือใส่ร้ายหรือปลอมหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2560 อภิสิทธิ์ลาออก       ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 หลังจากที่ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนที่เข้ามาน้อยเกินคาด โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งในฐานที่มั่นภาคใต้และกรุงเทพมหานคร ที่ตัวเก็งและบุคคลสำคัญหลายคนลงชิงชัย ต่างพ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้าว่า หากพรรคไม่สามารถจะได้ ส.ส. ถึงร้อยที่นั่งตามที่ตั้งเป้าไว้จะขอยุติบทบาท ศาล รธน. มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรค ทษช.       วันที่ 7 มีนาคม 2562 องค์คณะคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และมีมติ 6 ต่อ 3 เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี       สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 หรือไม่ จากการที่เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในรายชื่อผู้สมัครเป็นนายกรัฐมนตรี       ทั้งนี้ คณะตุลาการได้ให้เหตุผลในการยุบพรรคว่า “การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติในการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและในกระบวนการให้ความเห็นชอบบุคคลในนามพรรคการเมืองเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้ว่าการปกครองของไทยจะแปรเปลี่ยนไปสู่สภาพที่สถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาใช้อำนาจทางการเมืองปกครองประเทศ สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมมีผลให้หลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลายให้เสื่อมทรามไปโดยปริยาย        ดังนั้น แม้พรรคไทยรักษาชาติ จะมีสิทธิดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดโดยสมบูรณ์ แต่การใช้สิทธิเสรีภาพย่อมต้องอยู่บนความตระหนักว่าการกระทำนั้น จะไม่เป็นการอาศัยสิทธิและเสรีภาพให้มีผลกะทบย้อนกลับมาทำลายหลักการพื้นฐานและคุณค่าของรัฐธรรมนูญเสียเอง เพราะประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามนิติราชประเพณีของไทยมั่นคงในสถานะมาแต่โบราณ โดยพระองค์จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม        พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า ทรงเคารพกฎหมายและโบราณราชประเพณี และทรงอยู่เหนือการเมือง ทั้งยังต้องระมัดระวังไม่ให้สถาบันถูกนำไปเป็นคู่แข่งหรือฝักใฝ่ทางการเมือง เพราะหากถูกกระทำด้วยวิธีการใดๆสภาวะความเป็นกลางทางการเมืองของสถาบันฯ ต้องจะสูญเสียไปก็ย่อมไม่สามารถดำรงพระองค์ให้อยู่เหนือการเมืองได้ ซึ่งถ้าปล่อยให้การณ์เป็นไปเช่นนั้นสถาบันฯ ก็จะไม่อยู่ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยอีกต่อไป นั่นย่อมทำให้การปกครองของไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยจะต้องเสื่อมโทรมหรือถึงกับสูญสิ้นไป ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้น        เมื่อการกระทำของผู้ถูกร้องมีหลักฐานชัดเจนว่าได้กระทำโดยรู้สำนึก และสมัครใจอย่างแท้จริง กรรมการบริหารพรรคย่อมรู้ดีว่า ทูลกระหม่อมฯ เป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ และเป็นเชษฐภคินี แม้จะถวายบังคมลาจากฐานันดรศักดิ์ แต่ยังคงดำรงเป็นสมาชิกแห่งพระบรมจักรีวงศ์ การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง ทั้งยังเป็นการกระทำที่วิญญูชน คนทั่วไปรู้สึกได้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องถูกนำมาใช้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองอย่างแยบยล ให้ปรากฏผลเหมือนฝักใฝ่ทางการเมืองและมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงหลักการพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตยฯ สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียฐานะที่ต้องอยู่เหนือการเมืองและเป็นกลางทางการเมือง เป็นจุดเริ่มต้นของการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม เป็นเหตุให้เข้าข่ายเป็นการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ตามมาตรา 92 จึงมีมติเอกฉันท์สั่งยุบพรรคการเมืองผู้ถูกร้อง” พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562       ในวันที่ 12 มีนาคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ส่วนการจัดเก็บภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายฉบับนี้ จะใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป       การประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้มีผลให้ยกเลิกกฎหมายถึงสามฉบับ คือ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ และ พ.ร.บ.กำหนดราคาปานกลางของที่ดินสำหรับการประเมินภาษีบำรุงท้องที่       พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บภาษี โดยแบ่งที่ดินออกเป็นสี่ประเภท คือ 1) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม 2) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้อยู่อาศัย 3) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่น นอกจาก 1) หรือ 2) และ 4) ที่ดินทิ้งไว้ว่างเปล่า       โดยที่ดินประกอบเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับการยกเว้นภาษีใน 50 ล้านบาทแรก และที่ดินใช้อยู่อาศัยที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและมีชื่อในทะเบียนบ้านก็จะได้รับการยกเว้นภาษีใน 50 ล้านบาทแรก และหากเป็นเจ้าของแค่สิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี ใน 10 ล้านบาทแรก       และสำหรับที่ดินอื่นๆ นอกจากประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าวแล้ว ในช่วงสองปีแรกจะถูกเก็บภาษีในอัตราต่างๆ กัน หลังจากที่นำมูลค่าที่ได้รับการยกเว้นมาหักออกไปแล้ว และหลังจากสองปีแรกก็จะมีการเก็บภาษีในอัตราต่ำสุด ร้อยละ 0.15 ถึง สูงสุด ร้อยละ 3.00 ตามประเภทของที่ดิน       กล่าวโดยสรุปคือ สำหรับบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน หรือคอนโด พร้อมมีชื่อในทะเบียนบ้าน จะได้รับการยกเว้นภาษีจากมูลค่า 50 ล้านบาทแรก ส่วน 25 ล้านบาทถัดไปจะเสียภาษีร้อยละ 0.03 ต่อปี       และบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน หรือคอนโด แต่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน จะเสียภาษีร้อยละ 0.02 ในมูลค่า 50 ล้านบาทแรก และค่อย ๆ ขึ้นไปจนถึงอัตราสูงสุดร้อยละ 0.10       สำหรับนิติบุคคลจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี คือจะต้องเสียภาษีในอัตราที่กฎหมายกำหนด พ.ร.บ. ไซเบอร์       ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ฯ โต้กระแส กฎหมายให้อำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ ยืนยันมุ่งใช้กับอาชญากรที่โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ ไม่เกี่ยวกับประชาชนทั่วไป และยังต้องอยู่ใต้อำนาจศาล จะให้ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาเฉพาะกรณีวิกฤติฉุกเฉินมีผู้คนล้มตายเท่านั้น       จากกรณีที่มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และมีความกังวลว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลนั้น นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมายสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคล พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. . ได้ชี้แจงว่ากฎหมายฉบับนี้มีเพื่อป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายที่จะสร้างความเสียหายเท่านั้น และใช้กับอาชญากรที่โจมตีระบบสาธารณูปโภคจนล่ม ไม่เกี่ยวกับประชาชนทั่วไป ซึ่งหากเกิดกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องขออำนาจศาลก่อนกระทำการใดๆ       ในกรณีที่มีภัยคุกคามระดับวิกฤติ เป็นสถานการณ์ฉุกฉินที่มีคนล้มตายจำนวนมาก สภาความมั่นคงแห่งชาติจึงจะยื่นมือเข้ามา       และความผิดในการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น โทษจำคุกมีเฉพาะกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เปิดเผยข้อมูลที่ได้มาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับประชาชน สมาร์ทวีซ่า       ในวันที่ 5 มีนาคม 2562 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart VISA) เพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้ที่มีทักษะความเชี่ยวชาญสูง นักลงทุน นักบริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น โดยจะมีการเพิ่มเติมอีก 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. การบริการด้านการระงับข้อพิพาททางเลือก 2. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 3. การบริหารการจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน อบจ. มีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มปี 61 ถึง 8.8 พันล้านบาท       วันที่ 5 มีนาคม 2562 กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้ทำการโอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าบัญชีเงินฝากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประเภทภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร เพื่อส่งมอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 6,673,331,766.33 บาท และบัญชีเงินฝากองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประเภทภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรเพื่อรอจ่ายคืน ที่เหลือจากการสำรองไว้ใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 2,167,414,000 บาท รวมทั้งสิ้น 8,840,747,766.33 บาท เข้าบัญชีเงินฝากขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่ง       ในปีงบประมาณ 2560 กรมสรรพากร ได้โอนจัดสรรเงิน ให้ อบจ. จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 7,883,515,187.71 บาท แบ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 5,806,079,187.71 บาท และบัญชีเงินฝาก อบจ. ประเภทภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรเพื่อรอจ่ายคืนที่เหลือจากการสำรองไว้ใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 อีก 2,077,436,000 เพิ่มเป้าหมายเกษตรกรในโครงการสวนปาล์มน้ำมัน       ในวันที่ 26 มีนาคม 2562 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเพิ่มเป้าหมายเกษตรกรในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ จากเดิม 150,000 ครัวเรือน เป็น 249,918 ครัวเรือน (เพิ่มเป้าหมาย 99,918 ครัวเรือน) เนื่องจากมีเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ คิดเป็นวงเงินรวมจำนวน 1,348.87 ล้านบาท และสมควรได้รับการช่วยเหลือในอัตราไร่ละ 1,500 บาทไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รายละ 7 บาท รวมเป็นเงิน 0.70 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวขอใช้จ่ายจากกรอบวงเงินเดิมภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ได้รับการอนุมัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561       และในวันเดียวกัน ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เพื่อใช้ป้องกันการหลบหนีเมื่อนำตัวเยาวชนออกนอกสถานที่ควบคุม หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเอง หรือบุคคลอื่น ในกรณีที่เกิดความไม่สงบในสถานที่ควบคุม       เครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน จะมีเฉพาะกุญแจมือ 3 แบบ คือ สายรัดข้อมือพลาสติกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด แบบล็อกตัวเอง ห่วงทำด้วยโลหะมีฟันเฟืองโลหะเพื่อใช้รัดข้อมือซ้ายและข้อมือขวาให้แน่น ห่วงทำด้วยโลหะมีฟันเฟืองโลหะเพื่อใช้รัดข้อมือซ้ายและข้อมือขวาให้แน่น ระหว่างตัวห่วงโลหะทั้งสองข้างเชื่อมติดกันด้วยบานพับโลหะที่มีจุดยึดติดกับตัวห่วงโลหะอย่างน้อยข้างละสองจุด คาดปีนี้ “เอลนีโญ” ทำฝนตกน้อย “แล้งเร็ว-แล้งนาน”       วันที่ 21 มีนาคม 2562 5 หน่วยงานนำโดย กองทัพบก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แถลงข่าวเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2562 เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่คาดว่าจะรุนแรงกว่าทุกปี เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญมาเร็วและปริมาณฝนลดลงอย่างต่อเนื่อง ต่ำกว่าค่าปกติเฉลี่ย       โดย กปภ. ได้เตรียมพร้อมรับมือเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำดิบในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วยการวางมาตรการและแนวทางการให้บริการ โดยเน้นย้ำให้ทุกสาขาเร่งสำรวจและประเมินปริมาณน้ำดิบ จัดเตรียมกำลังคน รถยนต์บรรทุกน้ำ ตรวจสอบสภาพ เครื่องสูบน้ำ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมวางแผนบริหารจัดการให้เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาตลอดฤดูแล้งนี้ รวมถึงสนับสนุนน้ำประปาโดยไม่คิดมูลค่าให้แก่รถบรรทุกน้ำของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่นำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน และยังสนับสนุนน้ำประปาสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค ณ จุดจ่ายน้ำของ กปภ. ทั้ง 234 สาขาทั่วประเทศ โดยไม่คิดมูลค่า       สำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล มูลนิธิมูลนิธิอุทกพัฒน์ได้ทำการขุดลอกแหล่งน้ำไปหลายพื้นที่แล้ว ส่วนมาตรการเฉพาะหน้าหากตำบลใดมีปัญหาขาดแคลนน้ำสามารถแจ้งทั้ง 5 หน่วยงานได้ทันที ทุกหน่วยงานพร้อมเข้าไปบรรเทาความเดือดร้อน โดยกองทัพบกได้สนับสนุน กำลังพล ยานพาหนะ ทรัพยากร เครื่องมือ อุปกรณ์ในการแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้กับประชาชนที่ศูนย์รวมหมู่บ้าน เช่น วัด โรงเรียน สถานีอนามัย เป็นต้น รวมถึงแจกจ่ายฟางแห้งสำหรับอาหารสัตว์ในพื้นที่ประสบภัยแล้งด้วย ยกฟ้อง 21 พธม. ปิดสภา       วันที่ 4 มีนาคม 2562 ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง 21 แกนนำพันธมิตร ชุด 1-2 “สนธิ ลิ้มทองกุล” กับแนวร่วมบุกปิดล้อมรัฐสภาเมื่อปี 2551 พ้นความผิด 5 ข้อหา ชุมนุมล้อมรัฐสภา ขวางรัฐบาล “สมชาย” แถลงนโยบาย ชี้ชุมนุมโดยสงบตามสิทธิรัฐธรรมนูญ       สำหรับจำเลยทั้ง 21 คน ประกอบด้วย 1. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำพธม. 2. นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. 3. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. 4. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อายุ 65 ปีเศษ อดีต ส.ว.สกลนคร และอดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2 5.นายประพันธ์ คูณมี อายุ 61 ปีเศษ อดีต สนช. 6. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. 7. นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปีเศษ อดีตผู้ประสานงาน พธม. 8. นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี อายุ 58 ปีเศษแนวร่วม พธม. 9. นายสำราญ รอดเพชร อายุ 60 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2 10. นายศิริชัย ไม้งาม อายุ 57 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2       11. นายสาวิทย์ แก้วหวาน อายุ 56 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2 12. นายพิชิต ไชยมงคล อายุ 37 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 13. นายอำนาจ พละมี อายุ 52 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.14. นายกิตติชัย ใสสะอาด อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 15. นายประยุทธ วีระกิตติ อายุ 63 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 16. นายสุชาติ ศรีสังข์ อายุ 58 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 17. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อายุ 61 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 18. นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี อายุ 59 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 19. น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม. 20. นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 อายุ 64 ปีเศษ และ 21. นายวีระ สมความคิด อายุ 61 ปีเศษ นักสิทธิมนุษยชน ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน “อภิรักษ์” ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหม 1.2 พันล้าน       เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 1,296,794,910 บาท แก่ กทม. จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีมูลความผิดฐานกระทำทุจริตต่อหน้าที่ในโครงการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย       เนื่องจากศาลฯ เห็นว่านายอภิรักษ์ ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอสมควรแก่เหตุตามกรอบอำนาจหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ไม่ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้ กทม. ได้รับความเสียหาย ไม่ถือเป็นการกระทำละเมิด จึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าว       ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ศาลปกครองสูงสุดก็ได้เพิกถอนคำสั่งที่ให้นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,434,463,937 บาทแก่ กทม. เช่นกัน