ตุลาคม 2561 : โปรดเกล้าฯ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ราชกิจจาฯ ประกาศ โปรดเกล้าฯ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) กกต. มีมติรับรองจัดตั้ง 5 พรรคการเมืองใหม่ "รัฐบาล" ผุดโครงการบ้านผู้สูงอายุ รองรับครอบครัวชนชั้นกลางที่ต้องมีการดูแล ครม. ไฟเขียวร่างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ "ครม." เห็นชอบ แก้ไข พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ เพิ่มบทบัญญัติขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง สนช. มีมติ รับร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. . ด้วยคะแนน 191 เสียง ครม. ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัล เปลี่ยนระบบราชการใน 5 ปี เดินหน้า 5 โครงการใหญ่อีอีซี ลงทุน 6 แสนล้าน ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 61 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 4.5 กกร. มีมติให้มะพร้าวเป็นสินค้าควบคุม ขนย้ายไม่แจ้ง มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ สนค. แถลง ส่งออก ก.ย. ติดลบ 5.2% ครั้งแรกรอบ 19 เดือน กรมสรรพากรประชาสัมพันธ์การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต่อไปอีก 1 ปี โปรดเกล้าฯ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี       เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 -2580) โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศให้ใช้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 ตุลาคม พุทธศักราช 2561 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ       ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้ดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบกับ ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติแล้ว กกต. มีมติรับรองจัดตั้ง 5 พรรคการเมืองใหม่       เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม และวันที่ 30 ตุลาคม ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง จำนวน 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคแผ่นดินธรรม พรรคประชาชาติ พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาธรรมไทย และพรรคคลองไทย นอกจากนี้ กกต. ยังประกาศให้พรรคคนไทยสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคคนไทยมีมติให้เลิกพรรคคนไทยตามข้อบังคับพรรค โดยทั้ง 2 กรณีดังกล่าวข้างต้นจะนำไปประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป จึงทำให้ปัจจุบันมีพรรคการเมือง จำนวน 81 พรรค จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ จำนวน 16 พรรค และพรรคการเมืองเดิม จำนวน 65 พรรค โครงการบ้านผู้สูงอายุรองรับครอบครัวชนชั้นกลาง       เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการจัดทำที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ โดยชื่อโครงการบ้านเคหะกตัญญู มีสองโครงการ คือ ที่คลองหลวง 1 โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีรายได้ครัวเรือน ณ ปี 2561 ต่อเดือน 59,701 บาท อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล โดยจะตอบโจทย์สำหรับครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการเตรียมตัวเองจะเป็นผู้สูงอายุในวันข้างหน้า และคลองหลวง 2 จ.ปทุมธานี แต่เนื่องจากโครงการที่คลองหลวง 2 เป็นอาคารสูงหลายชั้น ต้องผ่านขั้นตอนอีไอเอ หรือรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน ครม.ไฟเขียวแผนพัฒนาเด็กแห่งชาติ       เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอร่างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ปี 2560-2564 โดยมีต้นเรื่องมาจาก พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ มาตรา 11(1) กำหนดว่า คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติต้องเป็นผู้เสนอนโยบาย และแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ทั้งนี้ ร่างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ปี 2560-2564 จะต่อยอดสิ่งที่ประสบผลสำเร็จ และกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ข้อ ได้แก่ 1. พัฒนาศักยภาพและสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก เด็กและเยาวชนต้องได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่เต็มศักยภาพเพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์ 2. การสร้างความเข้มแข็งของกลไกสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ 3.การเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดและทำกิจกรรต่างๆ 4.ส่งเสริมบทบาทและระดมความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้เยาวชน และ 5.การพัฒนานวัตกรรมบริหารจัดการเด็กและเยาวชน อาทิ บุคลากร เป็นต้น ครม.เห็นชอบแก้ไข พรบ.ทารุณกรรมสัตว์ ปรับ 2.5 หมื่น       เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการของร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอ เพื่อเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ที่ต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง และค่าธรรมเนียมปรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่เกิน 25,000บาท ทั้งนี้ เนื้อหาที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวจะบังคับใช้กับสัตว์ทุกประเภท โดยให้ท้องถิ่นเป็นผู้ออกข้อบัญญัติเพื่อบังคับใช้ในแต่ละพื้นที่อีกครั้ง แต่ในช่วงแรกหลังแก้ไขข้อบัญญัติที่ท้องถิ่นจะกำหนดบทบังคับให้ขึ้นทะเบียนสุนัขและแมวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถือเป็นสัตว์ที่ส่งผลกระทบและสร้างปัญหาให้กับสังคม ขณะที่สัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น นก จะอยู่ในลำดับถัดไป สนช. ผ่าน พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ อนาคตการบริหารบนเอกภาพ       เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. . ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา หลังพิจารณาวาระ 2 โดยให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ รับไปแก้ปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนลงมติในวาระ 3 ต่อไป โดยการพิจารณา วาระ 3 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... เป็นกฎหมายได้ ด้วยคะแนน 191 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง จากจำนวนผู้เข้าประชุมจำนวน 199 คน สำหรับกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดการปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริง ที่ช่วยสร้างรากฐานในการบริหารจัดการน้ำให้มีเอกภาพ และครอบคลุมน้ำทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันเรามีเสาหลักด้านองค์กรกลางที่มีเอกภาพ และมีเสาหลักด้านแผนยุทธศาสตร์น้ำที่อยู่ระหว่างทบทวนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัล เลิกใช้สำเนาติดต่อราชการ       เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติรัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. .... ตามที่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เสนอเพื่อให้ส่วนราชการปรับตัวให้ทันกับเทคโนโยลีสมัยใหม่ เชื่อมโยงข้อมูลถึงกันทุกหน่วยงาน หวังยกระดับการให้บริการกับประชาชน โดยแผนระยะสั้น เมื่อชาวบ้านไปติดต่อส่วนราชการไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่พิมพ์เอกสารมาให้แล้วเป็นผู้ลงนามรับรอง ประชาชนไม่ต้องลงนามรับรอง เพียงยื่นบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดให้เจ้าหน้าที่ติดต่องาน และภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 นี้ ส่วนราชการทุกแห่งต้องใช้ระบบรับ-จ่ายเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ รองรับนโยบาย E-Payment ของรัฐบาล ขณะที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เปิดช่องทางรับร้องเรียนจากประชาชน ให้แจ้งว่าหน่วยงานใดไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดเพื่อนำมาแก้ไขและสั่งการลงโทษ จากนั้นในปี 2562 ในส่วนระบบสาระสนเทศ การเชื่อมโยงข้อมูลทุกด้านของส่วนราชการ ต้องเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ โดยประชาชนไม่กรอกข้อมูลพื้นฐานซ้ำซ้อนเพิ่มเติมทุกครั้งที่ติดต่อส่วนราชการ อาจตอบคำถามเพิ่มเติมบางส่วนสำหรับงานเฉพาะด้านที่ขออนุญาต เพื่อลดการใช้สำเนาต่างๆ จากนั้นในปี 2563 สำนักงาน ก.พ.ร.พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ เพื่อเรียกดูข้อมูลออนไลน์จากส่วนราชการได้ครอบคลุมทั้งหมด โดยกำหนดให้ทุกส่วนราชการจัดทำข้อมูลดิจิทัลเชื่อมโยงกับหน่วยงานราชการอื่น ประมวลผลการใช้งาน เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะที่ควรรับรู้ได้ เพื่อให้ชาวบ้านเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และถูกต้อง ทันสมัย รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางแห่งชาติ โดยใช้เงินประมาณ 30,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงข้อมูลดิจิทัล ครม. ไฟเขียวเดินหน้า 5 โครงการใหญ่อีอีซี ลงทุน 6 แสนล้าน       เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ จ.เชียงราย มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เสนอให้ ครม. เห็นชอบเดินหน้าคัดเลือกเอกชนผู้ลงทุนในโครงการการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในอีอีซี รวม 5 โครงการวงเงินลงทุนรวม 6 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีการเปิดขายซองประมูลไปก่อนหน้านี้ และอีก 4 โครงการที่กำลังจะเริ่มขายซองประมูล ได้แก่ ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มาบตาพุดเฟส 3 โดยเห็นชอบให้ออกทีโออาร์และเปิดให้เอกชนเข้ามาซื้อซองประมูลภายในเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าจะสามารถคัดเลือกเอกชนผู้ลงทุนในโครงการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยคาดว่าเมื่อมีการลงทุนทั้งหมดจะเกิดผลประโยชน์กับประเทศเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 800,000 ล้านบาท คลังประเมิน เศรษฐกิจไทยปี 61 คาดขยายตัว 4.5%       เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนตุลาคม 2561 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.3 – 4.7) เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งด้านการบริโภคและการลงทุนที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการจ้างงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นตามปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามายังประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.0 – 1.4) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ กกร.มีมติให้มะพร้าวเป็นสินค้าควบคุม ขนย้ายไม่แจ้งเจอคุก 5 ปี       เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้นำสินค้ามะพร้าว ทั้งมะพร้าวผล มะพร้าวแห้ง และเนื้อมะพร้าวแห้งเข้าสู่บัญชีสินค้าควบคุม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยใช้มาตรการกำหนดให้การนำเข้ามะพร้าวสามารถนำเข้าได้จาก 2 ด่านเท่านั้น คือ ด่านกรุงเทพฯ และด่านแหลมฉบัง อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ประกอบการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดจะมีโทษจำคุก 5 ปีและปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้าสินค้ามะพร้าวเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบด้านสุขอนามัย ส่งออก ก.ย. ติดลบ 5.2% ครั้งแรกรอบ 19 เดือน       ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เดือนกันยายน 2561 พบว่ามีมูลค่า 20,699 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนในอดีต แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วลดลง 5.2% ถือเป็นการกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน แต่ถ้าหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำจะหดตัว 1.9% โดยการนำเข้าเดือนกันยายนมีมูลค่า 20,212 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 9.9% ได้ดุลการค้า 487 ล้านดอลลาร์ เมื่อรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกมีมูลค่า 189,729 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.13% การนำเข้ามีมูลค่า 186,891 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.2% ได้ดุลการค้า 2,838 ล้านดอลลาร์ กรมสรรพากร ขยายเวลาลดภาษี VAT 7% ไปอีก 1 ปี       กรมสรรพากรขยายเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 ทั้งนี้ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 669) พ.ศ. 2561 โดยให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 รวมภาษีท้องถิ่น (ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 6.3 และภาษีท้องถิ่นร้อยละ 0.7) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ส่วนการที่ระบุว่าเป็นการลดอัตราภาษีลงมานั้น เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 จึงจำเป็นต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลงมาที่อัตราร้อยละ 7 รวมภาษีท้องถิ่น การขยายเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราเดิมร้อยละ 7 ดังกล่าว เพื่อเป็นการกระตุ้นกลไกเศรษฐกิจ และช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ในการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ให้สามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง อันจะทำให้การบริโภคและการลงทุนของประเทศมีการขยายตัวต่อไป