“การให้การศึกษาทางการเมือง เพื่อพัฒนาวัฒนธรรมประชาธิปไตย”       เดือนมิถุนายน 2561 สถาบันนโยบายศึกษา โดยการสนับสนุนของมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ได้จัดกิจกรรมขึ้น 2 ครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมประชาธิปไตย ภายใต้การสัมมนาหัวข้อ “การให้การศึกษาทางการเมือง เพื่อพัฒนาวัฒนธรรมประชาธิปไตย” คือเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่จังหวัดตาก ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และวันที่ 29 มิถุนายน ที่จังหวัดเพชรบุรี ด้วยความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทั้งสองครั้ง ได้รับความสนใจจากทั้งนักศึกษา สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจการเมืองเข้าร่วมกิจกรรมอย่างดียิ่ง       ที่จังหวัดตากนั้น คุณอุดร ตันติสุนทร ได้ให้เกียรติมาร่วมงานและได้กล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำความสำคัญของวัฒนธรรม ซึ่งหมายถึงวิถีชีวิต อีกทั้งได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ มูลนิธิการกุศลทางการเมือง และการกระจายอำนาจของโลก ซึ่งตั้งชื่อตามนามของคอนราด อาเดนาวร์ ผู้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองโคโลญจน์ 2 สมัย และเป็นนายกรัฐมนตรีของเยอรมันตะวันตก 3 สมัยติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นรัฐบุรุษที่มีความเป็นนักการเมืองและเป็นคนดีและคนเก่ง การปกครองบ้านเมือง ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทว่า “ต้องให้คนดีปกครองบ้านเมือง” สำหรับประเทศไทย ต้องถามว่าปกครองบ้านเมืองนั้น ใครเป็นผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่ประชาชน นาย ก นาย ข 67 ล้านคน จะปกครองบ้านเมืองได้อย่างไร คนที่มีอำนาจปกครองคือนักการเมืองเท่านั้น แล้วนักการเมืองเหล่านี้มาจากไหน ก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งนักการเมืองระดับชาติ ส.ส. ก็มี 500 คน จาก 67 ล้านคน ทุกวันนี้เรารังเกียจคำว่า “นักการเมือง” เพราะนักการเมืองฉ้อฉล จนกระทั่งเกิดเรื่องการต่อต้านเล่นงานกัน เดินประท้วงกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนว่า ประชาชนเริ่มตื่นตัวแล้วว่าการเมืองต้องได้คนซื่อสัตย์ คนดี มาปกครองบ้านเมือง แต่วัฒนธรรมเฉไปแล้ว คือ เงินไม่มา กาไม่เป็น       ดังนั้น การปกครองบ้านเมืองของประเทศเป็นเรื่องใหญ่ การจัดงานวันนี้ที่มูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และวิทยาลัยชุมชนตาก มาร่วมด้วย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ดังเช่นที่ประเทศเยอรมันการจะปกครองบ้านเมืองต้องมีบุคคลที่เชี่ยวชาญจริงทางด้านวิชาการหลากหลายสาขาให้มีอยู่ในสภาด้วย ในเยอรมัน มี 300 คน พรรคเป็นคนเชิญให้มาอยู่ในพรรค ส่วนอีก 300 คน เป็น ส.ส. ทั้งหมดในสภามี 600 คน ประเทศเยอรมันเป็นประเทศอันดับที่ 1 เป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคมไทย เพื่อที่เราจะสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้ และการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยจะค่อยๆ ดีขึ้น เราไม่ได้หวังว่าจะดีขึ้นโดยทันที และเปรียบว่า “กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว” เราจึงต้องช่วยกันให้ความคิด ช่วยกันกระตุ้นประชาชน แม้ว่าการซื้อเสียงจะยังมีอยู่ แต่อาจจะน้อยลง การเลือกตั้งอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจดีขึ้น โดยยกตัวอย่าง อบต. ที่จังหวัดตาก ที่ก็ยังมีจุดอ่อนซึ่งจังหวัดอื่นก็เช่นกัน การแลกเปลี่ยนสร้างความเข้าใจในเรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองประชาธิปไตย จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับคนไทยมีความก้าวหน้าในทางการเมือง ดังเช่นที่คอนราด อาเดนาวร์ เป็นคนเยอรมัน ได้ทำให้ไม่มีความคิดฮิตเล่อร์ เกิดขึ้นอีกต่อไป       คุณสุทธดา คงเดชา ผอ.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวพอสรุปได้ว่า เยาวชนที่มาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี มีความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะการเมืองเกี่ยวข้องกับทุกๆ คน และอยู่ในวิถีชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ราคาของใช้ประจำวันถูกกำหนดจากการเมือง กระทั่งถึงวันที่ต้องไปเลือกตั้งก็เป็นเรื่องการใช้สิทธิของแต่ละคน เพื่อเลือกคนที่จะไปดูแลประเทศ การพิจารณาเลือกคนที่จะไปเป็นผู้แทนนั้น เยาวชนจึงต้องศึกษาหาข้อมูลคนที่จะเลือก และยังต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมายเลือกตั้ง ต้องศึกษารัฐธรรมนูญ ต้องเข้าใจกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเราและสังคม รวมถึงต้องรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อประกอบการพิจารณาคนที่เหมาะสมไปทำหน้าที่ให้ถูกต้อง การทำหน้าที่ของเยาวชนกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง จึงมิใช่รอเฉพาะวันไปเลือกตั้ง แต่ทุกๆ คนควรให้ความสนใจ ติดตามข่าวสารของสังคม การเมืองอยู่เสมอ เพื่อเป็นข้อมูลความรู้นำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้รอบตัวเรา และยังกล่าวอีกว่า กกต. จะเข้าไปให้ความรู้และจัดกิจกรรมในสถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่ง ในโอกาสต่อไปอีกด้วย       คุณทิพย์พาพร ตันติสุนทร เป็นวิทยากรที่ตั้งประเด็นเรื่องค่านิยมและวัฒนธรรมสังคมไทย มีผลต่อการพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองประชาธิปไตย โดยให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พบเห็นค่านิยม และวัฒนธรรมทางสังคมที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย และให้เปรียบเทียบกับค่านิยมประชาธิปไตย ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมทั้ง 2 จังหวัด และได้นำเสนอมุมมอง ความคิดที่ได้นำเสนออย่างวิพากษ์วิจารณ์ ในการนี้ คุณวรินทร์ เทียมจรัส ซึ่งเป็นวิทยากรร่วมด้วย ได้เข้ามาเสนอแง่คิดและประสบการณ์จากการเป็นนักกฎหมาย การเป็น ส.ว. ที่เคยปฏิบัติงานในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้นำตัวอย่างรูปธรรมในเรื่องของค่านิยม และวัฒนธรรมของสังคมไทยทั้งที่เป็นประโยชน์และเกื้อหนุนต่อวัฒนธรรมประชาธิปไตย และมีค่านิยมอีกมากที่แฝงฝังอยู่ในวิถีชีวิต ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาทิ การหลงบูชาในตัวบุคคลมากกว่าการใช้เหตุผล และการยึดประโยชน์ส่วนรวม การเคารพผู้อาวุโสโดยจำยอมและปราศจากเหตุผล การเห็นแก่ตัวและพวกพ้อง การยอมเชื่อและตามคนอื่นง่ายๆ โดยไม่มีความคิดของตัวเอง การให้ความสำคัญกับเรื่องเงิน ชื่อเสียง มากกว่าเกียรติและความถูกต้อง การชอบคนมีอำนาจ ดังนี้เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวิธีคิดและนำไปสู่พฤติกรรมที่ปฏิบัติในสังคมไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นการลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของแต่ละปัจเจกบุคคล และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์ในสงคมประชาธิปไตยอีกด้วย       ส่วนในช่วงบ่าย คุณสมชาติ เจศรีชัย ได้ให้ความคิดและความรู้เรื่องกระบวนการเลือกตั้ง แนวทางปฏิบัติของการไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งที่จะมีในอนาคต รวมทั้งข้อมูลใหม่เกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ปรากฏในพระราชบัญญัติทั้ง 4 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ทั้งการได้มาของ ส.ส. และ ส.ว. พรรคการเมือง และการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจำเป็นที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องรู้และสร้างความเข้าใจล่วงหน้า ซึ่งถือว่าเป็นทั้งสิทธิและความรับผิดชอบของพลเมือง ที่ต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญทางการเมืองนี้ การสัมมนาภาคบ่ายนี้ วิทยากรได้จัดให้มีการแบ่งกลุ่มประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องการเลือกตั้ง การเลือกผู้แทนอย่างมีวิจารณญาณและการเตรียมตัวไปเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพว่าควรพิจารณาอะไรบ้าง เพื่อเลือกคนที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ ไม่ใช่ดีที่สุดเพื่อการตอบแทนกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นปรับเปลี่ยนแนวคิด และค่านิยมที่บิดเบี้ยวอื่นๆ อีกมาก ให้เข้าใจยิ่งขึ้น การประชุมเชิงปฏิบัติการทั้ง 2 จังหวัด ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ทั้งแง่คิด ความเข้าใจ และความสนใจเรื่องการเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเลยเวลาที่กำหนดไว้