เมษายน 2561 : ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ลงคะแนนเลือก "กกต." รอบใหม่ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ลงคะแนนเลือก "กกต." รอบใหม่ ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพได้เฮ ประกันสังคมประกาศคืนสภาพแล้ว สนช. ตีกลับบัญชีรายชื่อ กสทช. ทั้งหมด ครม.ไฟเขียว! แก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ ครม.ไฟเขียว ตั้ง สทป. จ่อร่วมทุนผลิตจำหน่ายอาวุธ สนช. เห็นชอบร่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สศค. ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 ขยายตัว 4.2% ส่งออก 8% 4 ชาติสมาชิกกลุ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เห็นพ้องเดินหน้าผลักดันให้ออกกฎ-ระเบียบปฏิบัติ ในการใช้แม่น้ำโขงร่วมกัน สทบ. อัดงบ 2 หมื่นล้าน กองทุนหมู่บ้านละ 3 แสน Big Data Analysis ชาวอเมริกันติดทีวีมากสุดในโลกปี 2560 ที่ประชุม 176 ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลือก 'ฉัตรไชย-ปกรณ์' ดันเป็น กกต.รอบ2       เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 ประธานศาลฎีกา ได้เรียกประชุมใหญ่ศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกา 176 คน เพื่อลงมติเลือกผู้สมควร ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สายศาล จำนวน 2 คน ตามสัดส่วนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 ขณะที่การคัดเลือก ผลปรากฏว่า นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้เสนอชื่อสมควรเป็น กกต. เพื่อเสนอให้ สนช. เห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป       การลงมติครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ให้ความเห็นชอบ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน พร้อมกับผู้ที่ได้รับเลือกจากกรรมการสรรหาอีก 5 คนด้วย ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จึงต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. บุคคลใหม่ ผู้ประกันตน ม.39 กว่า 7.6 แสนคน เฮ ประกันสังคมคืนสภาพ       นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการดำเนินการคืนสภาพผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน ได้กลับเข้าสู่ระบบประกันสังคมอีกครั้ง ว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2561 เป็นต้นไป ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพจำนวน 762,274 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2561) อยู่ในข่ายได้รับการคืนสภาพให้กลับเป็นผู้ประกันตนเช่นเดิม สนช. โหวตไม่รับบอร์ด กสทช. ชุดใหม่       เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติไม่รับรายชื่อของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ชุดใหม่ ทั้งสิ้น 14 คน ตามบัญชีที่คณะกรรมการสรรหาเสนอต่อที่ประชุม สนช. หลังจากที่พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมกรรมทางจริยธรรม ของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมลงมติในญัตติดังกล่าวผลปรากฏว่า เสียงข้างมากของ สนช. 118 เสียงเห็นควรไม่รับบัญชีรายชื่อผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็น กสทช. ที่กรรมการสรรหาเสนอ ขณะที่เสียงไม่เห็นด้วย 25 คน และงดออกเสียง 20 เสียง ทำให้การพิจารณาในวาระดังกล่าวต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่ โดย จากนี้ สนช. ต้องส่งบัญชีรายชื่อทั้งหมดกลับไปยังกรรมการสรรหา เพื่อให้เริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด โดยบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนยังมีสิทธิ์ที่จะกลับเข้าสมัครและรับการสรรหาได้อีก ครม. ไฟเขียวแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ เพิ่มส่วนแบ่ง       เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ...) พ.ศ. . สาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 จำนวน 17 มาตรา อาทิ กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม โดยจัดสรรเงินจากรายได้เข้ากองทุนร้อยละ 1 แต่ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนเกินให้เป็นรายได้ของแผ่นดิน ส่วนการจัดสรรเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 60% เป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่า 22% เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่เกิน 17% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจากเดิม 12% ซึ่งจะทำให้รายย่อยมีกำไรจากการจำหน่ายสลากใบละ 80 จาก 5.60 บาทต่อใบ เป็น 9.60 บาทต่อใบ โดยมีการกำหนดบทลงโทษการเสนอหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนดเดิมมีโทษปรับสถานเดียว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ครม. ไฟเขียว ตั้ง สทป. จ่อร่วมทุนผลิตจำหน่ายอาวุธ       เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอขออนุมัติหลักการในร่าง พ.ร.บ.เทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้มีหน่วยงานอย่างสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา แต่ติดข้อจำกัดคือไม่สามารถดำเนินการผลิต จำหน่ายได้ มีหน้าที่เพียงวิจัยพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันประเทศเท่านั้น และยังไปเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งโรงงาน วิจัยพัฒนา จำหน่ายยุทธภัณฑ์ ที่มีกฎหมายเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์อยู่ ทำให้การดำเนินการติดขัด จึงได้เสนอขอปรับปรุงจากสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) เป็นสำนักงานเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้กำหนดว่าการประกอบกิจการของเอกชน รัฐไม่สามารถไปแข่งขันได้ จึงมอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาว่าจะสามารถยกเว้น หรือไม่ยกเว้นในส่วนใดได้บ้าง สนช. เห็นชอบ ร่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา       เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เสนอ ด้วยเสียงเห็นชอบข้างมาก 147 เสียงต่อเสียงไม่เห็นชอบ 1 เสียง สำหรับการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ร่างกฎหมายกำหนดระยะแรกให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเป็นทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท ร่วมกับงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เงินที่รัฐบาลจัดสรรรายปี, เงินรายได้จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น สศค. ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 ขยายตัว 4.2% ส่งออก 8%       โฆษกสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า สศค. ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4.2 โดยมีการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ตามกรอบรายจ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2561 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การจัดทำงบประมาณกลางปี 2561 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษรวมทั้งการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนมีส่วนช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจ ในขณะที่ สศค. มองว่าการส่งออกในปีนี้จากขยายตัวร้อยละ 8 การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 12.5 อัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 1.2 และการลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 8.9 4 ชาติลุ่มน้ำโขง หนุนออกกฎใช้น้ำร่วม       พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 ที่เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้นำกัมพูชา ลาว เวียดนาม และรัฐมนตรีจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีนและเมียนมา พร้อมด้วยผู้แทนรัฐบาลประเทศหุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ ได้มีการแสดงจุดยืนและรับรองปฏิญญาเสียมราฐ 2561 ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิก ในการมุ่งเน้นความร่วมมือพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน 2538 และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนบน รวมถึงจีนและสหภาพเมียนมา ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้และการประยุกต์สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง สทบ. อัดงบ 2 หมื่นล้าน กองทุนหมู่บ้านละ 3 แสน       ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ได้เห็นชอบการจัดสรรวงเงินให้กองทุนหมู่บ้านที่มีความพร้อมแห่งละ 200,000 บาท ภายใต้โครงการประชารัฐ เพิ่มเติมอีก 2,665 กองทุน วงเงินรวม 533 ล้านบาท ขั้นตอนต่อไปคณะอนุกรรมการจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ อนุมัติภายในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจึงโอนเงินลงไปยังบัญชีของกองทุนหมู่บ้านเพื่อไปดำเนินโครงการต่างๆ ตามที่เสนอมา       ส่วนการดำเนินโครงการประชารัฐในปี 2561 นั้น ได้รับการงบกลางปี 2561 จำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อไปดำเนินโครงการใหม่ คือ โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ โดยการดำเนินโครงการในปีนี้ จะพิจารณาจัดสรรวงเงินให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ แห่งละไม่เกิน 3 แสนบาท โดยจะดูความพร้อมของกองทุนหมู่บ้านแต่ละแห่งว่ามีโครงการอะไรที่เป็นการต่อยอด หรือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานครั้งนี้ โดยเน้นการทำโครงการที่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (เอสดีจี) ของสหประชาชาติ หรือสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับศาสตร์พระราชา และโครงการประชารัฐ ชาวอเมริกันติดทีวีมากสุดในโลกปี 2560       ยูโร ดาต้า ทีวี เวิร์ลด์ไวด์ เผยผลสำรวจว่าผู้คนทั่วโลกนั่งหน้าจอโทรทัศน์มากขึ้นเฉลี่ยวันละเกือบ 3 ชั่วโมง โดยชาวอเมริกันและแคนาดาจัดว่าเป็นพวกติดทีวีมากที่สุดโดยดูทีวีเฉลี่ยวันละ 4.03 ชั่วโมง แม้ว่าในโลกยุคปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่จะหันไปใช้บริการสตรีมมิงออนไลน์ อย่างเน็ตฟลิกซ์และอเมซอนมากขึ้นก็ตาม รองลงมาถือชาวยุโรป ที่ดูทีวีเฉลี่ยวันละ 3.49 ชั่วโมง ส่วนชาวเอเชียใช้เวลานั่งดูทีวีวันละ 2.25 ชั่วโมง เช่นเดียวกับในจีนประชาชนดูทีวีลดลงวันละ 2.12 ชั่วโมง       ส่วนในไทย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) สำรวจพฤติกรรมการดูทีวีของคนไทยปี 2560 พบว่า 53% ดูทีวีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และที่ดูทีวีจริงมี 47% ส่วนพฤติกรรมการดูทีวีของคนกรุงเทพฯในปีเดียวกัน แยกเป็นช่วงเวลาได้ดังนี้ เวลา 21.00-23.59 น.คนกรุงเทพฯ ดูทีวี 33.96% ช่วง 18.00-20.59 น. ดูทีวีในสัดส่วน 23.64% และช่วงเวลา 06.00-08.59 น. ดูทีวี 21.85% แม้คนรุ่นใหม่จะดูทีวีกันน้อยลงเพราะหันไปบริโภคข้อมูลข่าวสารตลอดจนรายการทีวีผ่านแพลตฟอร์มอื่น แต่ผลสำรวจ ล่าสุดของยูโรดาต้าชิ้นนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าทีวียังไม่ตาย