ธันวาคม 2560 : ของขวัญปีใหม่จากรัฐ 85 โครงการ ครม.ไฟเขียวมาตรการของขวัญปีใหม่ 85 โครงการ ของขวัญปีใหม่ 2561 จากรัฐ 85 โครงการ ครม. มีมติเยียวยาประชาชน 3 รายที่ได้รับผลกระทบด้านที่อยู่จากเหมืองแม่เมาะ สนช. เห็นชอบกฎหมายต่ออายุ ป.ป.ช. "สมช." ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก 3 เดือน ครม. ไฟเขียวมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยว 55 จังหวัดเมืองรอง "บอร์ด ขสมก." ไฟเขียวผลการประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันราคากลาง 4,020 ล้านบาท ครม. ไฟเขียวกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 61 ที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% รัฐบาลทุ่มงบ 3 พันล้านให้ปชช.รายได้น้อยใช้เน็ตชายขอบฟรี 3 ปี ครม. ไฟเขียวบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรจ่ายโบนัสไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือน อียูมีมติฟื้นความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับไทย หลังชะงักตั้งแต่รัฐประหารปี 57 ครม. ไฟเขียวมาตรการของขวัญปีใหม่ 85 โครงการ       เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบมาตรการของขวัญปีใหม่ในปี 2561 รวม 85 โครงการ โดยมีทั้งของขวัญสำหรับประชาชนทั่วไป, ผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร, คนรักสุขภาพ และเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส โดย 85 โครงการ อาทิ ด้านการเดินทาง ด้านการท่องเที่ยว ลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง ด้านการสื่อสาร ติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (เน็ตประชารัฐ) ฟรีหมู่บ้านละ 1 จุด รวม 24,700 หมู่บ้าน ด้านการใช้จ่าย เปิดตลาดประชารัฐ ด้านศาสนา จัดกิจกรรมส่งเสริมด้านศาสนา ด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มช่องทางร้องทุกข์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านระบบ HOT LINE 10 คู่สาย ด้านนโยบายสินเชื่อ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ด้านโยบายเกษตร ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คืนดอกเบี้ย 30% ของดอกเบี้ยที่ชำระให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ไม่เกิน 3 แสนบาท, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คืนเงิน 1 พันบาทสำหรับลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีย้อนหลัง 48 เดือน, และจัดสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย บุคลากรภาครัฐและผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษต่ำสุดที่ 2.5% ต่อปี, สำนักงานธนานุเคราะห์ขยายเวลาลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย, โครงการตลาดประชารัฐ พัฒนาตลาดใหม่และขยายพื้นที่ตลาดเดิมให้แก่เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ไม่มีสถานที่ค้าขาย, เพิ่มพลังปีใหม่ ซื้อสินค้าเกษตรไทยคุณภาพดีในราคาพิเศษ, ให้บริการขนส่งข้าวเพื่อช่วยชาวนาและขนส่งสินค้าเกษตร/เกษตรแปรรูปในอัตราพิเศษ ด้านของขวัญสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ได้แก่ ให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจังหวัดละ 65 คน โดยมอบเช็คเงินสด/ชุดของใช้มูลค่า 1 พันบาท, เยี่ยมบ้านและมอบของขวัญให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป มูลค่ารายละ 1-2 พันบาท, มอบ DEPA Literacy Voucher แก่ผู้พิการไทย 200 รายๆ ละ 1 หมื่นบาท เพื่อเพิ่มโอกาสด้านการเรียนรู้, พัฒนาเครื่องแสดงผลอักษรเบรลล์เพื่อมอบให้โรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศ 200 เครื่อง, เปิดศูนย์บริการคนพิการ 4 มุมเมือง (สายไหม มีนบุรี อ้อมน้อย และลาดกระบัง) ด้านของขวัญสำหรับคนรักสุขภาพ ได้แก่ พัฒนาระบบบริการการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ (One Day Surgery) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านการแพทย์อย่างรวดเร็ว, พัฒนานวัตกรรมโมบายแอพพลิเคชั่น "RDU รู้เรื่องยา" เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลยาได้ทั่วถึงและเป็นประโยชน์ต่อการเข้ารับการรักษาจากบุคลากรทางการเพทย์ มติ 'ครม.' เยียวยา ปชช. ได้รับผลกระทบจากเหมืองแม่เมาะ       เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เสนอ ซึ่งสืบเนื่องจากการทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ที่แม่เมาะ จ.ลำปาง ตั้งแต่ในอดีตมีประชาชนส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง แต่ได้แก้มาเป็นระยะๆ โดยการย้ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบไปอยู่ในที่แห่งใหม่ ทั้งสิ้นกว่า 2,600 ราย 3,819 แปลง ในส่วนของที่ดินอยู่อาศัยให้เป็นโฉนด ถ้าเป็นที่ดินทำกินให้เป็นที่ดิน ส.ป.ก.4-01 และใน 2,600 รายมี 3 รายที่มีปัญหา โดย 2 รายแรกที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยไปอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาในรอบที่ 2 จัดที่อยู่ใหม่ ให้ค่าขนย้ายประมาณ 5 ล้านบาท และอีก 1 ราย มีที่อยู่อาศัยบางส่วนไปทาบทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้ขยับออกมา สนช. เห็นชอบกฎหมาย ป.ป.ช. แล้ว       เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนน 197 ต่อ 1 เสียงงดออกเสียงจำนวน 7 เสียง เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... ทั้งนี้ ตามขั้นตอนจะต้องมีการส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อพิจารณาว่าการแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายของ สนช. ขัดต่อเจตนารมณ์หรือไม่ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่ายระหว่าง ป.ป.ช. กรธ. และ สนช. อย่างไรก็ตาม หากทั้ง ป.ป.ช. และ กรธ. ไม่เสนอให้ประธาน สนช. ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป สมช. ขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 จว.ใต้       เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 3/2560 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ จ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ยกเว้น อ.แม่ลาน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และสามารถสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดให้ขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2560 จนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2561 สำหรับการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 50 ที่รัฐบาลกำหนดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ครม. ไฟเขียวมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง       เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และร่างกฎกระทรวง ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง นำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 31 ธันวาคม 2561 สำหรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 55 จังหวัดเมืองรอง ที่นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ประกอบด้วย ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าทัวร์ ค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว โดยใช้หลักฐานที่เป็นใบเสร็จรับเงิน โดยไม่ต้องเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ จากร้านค้าและสถานประกอบการการท่องเที่ยวในเมืองรองมาใช้ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้เพื่อให้เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวกระจายสู่ท้องถิ่นมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการกระจายรายได้ไปสู่ชนบท 'บอร์ด ขสมก.' ไฟเขียวรถเมล์เอ็นจีวี       เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 คณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีมติเห็นชอบผลการประมูลโครงการจัดซื้อรถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน ราคากลาง 4,020 ล้านบาท ที่มีกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก เบื้องต้นจะมีการส่งมอบรถ 100 คันแรกภายใน 90 วันหรือประมาณเดือนมีนาคม 2561 ซึ่งก็จะนำมาให้บริการประชาชนทันช่วงเปิดเทอมใหม่ และจะส่งมอบครบทั้ง 489 คันภายใน 180 วันหลังลงนามสัญญา ครม. ไฟเขียวกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปปี 61       เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2561 โดยกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2561 ที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับปี 2560 ซึ่งยังเป็นระดับที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ยังได้ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2561 จะปรับสูงขึ้น และจะอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย รัฐบาลทุ่มงบ 3 พันล้านให้ ปชช. รายได้น้อยใช้เน็ตชายขอบฟรี 3 ปี       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายให้ใช้อินเทอร์เน็ตในโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบฟรี เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากการติดตั้งโครงข่ายโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบจำนวน 3,920 หมู่บ้าน ครอบคลุม 607,000 ครัวเรือนของ กสทช. นั้น จากการสำรวจของกระทรวงการคลังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นครัวเรือนที่มีรายได้น้อย 86% (ประมาณ 520,000 ครัวเรือน ) จึงให้เปิดบริการใช้ฟรีตามกำหนดเวลาข้างต้น ในระยะต่อไป กสทช. จะร่วมกับกระทรวงการคลังจัดทำฐานข้อมูลประชาชนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่โครงการฯ โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2561 ทั้งนี้ งบประมาณที่รัฐบาลจะใช้ในการสนับสนุนโครงการฯ รวม 3,000 ล้านบาท (ปีละ 1,000 ล้านบาท) สำหรับความคืบหน้าในการติดตั้งโครงข่ายคาดว่าโครงการฯ จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จสิ้นทั้งหมดและเปิดให้บริการภายในเดือนสิงหาคม 2561 เมื่อฐานข้อมูลเสร็จแล้วรัฐบาลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานในพื้นที่ที่ไปลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยไว้สามารถไปติดต่อกับผู้ให้บริการในพื้นที่เพื่อใช้บริการ ครม. ไฟเขียวบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจจ่ายโบนัส       เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทในเครือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ถือหุ้น และได้จัดทำแนวทางการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยปัจจุบันมีบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 158 แห่ง ถือหุ้นโดยบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจ 23 แห่ง แต่มีบริษัท 117 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ซึ่งจะให้เป็นไปตามเงื่อนไขและกลไกของตลาด ส่วนที่เหลืออีก 41 แห่ง พบว่า มีบริษัทที่เข้าเกณฑ์การจ่ายโบนัสในหลักการดังกล่าวได้รวม 9 บริษัท สำหรับเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรณีที่มีกำไรไม่เกิน 100 ล้านบาท ให้จัดสรรโบนัสให้กรรมการที่ 3% ของกำไร แต่ไม่เกิน 60,000 บาท และให้จัดสรรตามขั้นบันได โดย 11,001-13,000 ให้ได้รับโบนัสแต่ไม่เกิน 130,000 บาท ขณะที่พนักงานให้จ่ายในอัตรา 9% ของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือน กรณีวงเงิน 9% ของกำไรสุทธิต่ำกว่า 1 เท่าของเงินเดือน แต่มีกำไรสุทธิมากกว่า 1 เท่าของเงินเดือน ให้จ่ายในอัตรา 1 เท่าของเงินเดือน เป็นต้น และให้รัฐวิสาหกิจแม่รายงานผลการจัดสรรโบนัสให้กระทรวงการคลังรับทราบต่อไป อียูมีมติฟื้นความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับไทย       เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 เฟซบุ๊กของสหภาพยุโรปในประเทศไทย ได้เผยแพร่ผลประชุมของคณะมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ที่ตกลงจะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแผนการดำเนินงานสู่ประชาธิปไตย โดยแบ่งเป็น 14 ข้อ สรุปว่า       1. คณะมนตรีต่างประเทศอียู ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างอียูและประเทศไทย และเล็งเห็นถึงคุณค่าของบทบาทที่ไทยมีในฐานะประเทศผู้ประสานการเจรจาและสนับสนุนการขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศอียู-อาเซียนในปัจจุบัน       2. คณะมนตรีฯ ย้ำถึงข้อเรียกร้องให้ไทยคืนสู่กระบวนการด้านประชาธิปไตยอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยผ่านการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย รวมถึงเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน       3. คณะมนตรีฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง และเสรีภาพ ซึ่งได้ถูกลิดรอนไปอย่างรุนแรงในไทยหลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 นอกจากนี้นักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนยังคงเผชิญกับการคุกคามทางกฎหมาย คณะมนตรีฯ ตอกย้ำถึงความสำคัญของเสรีภาพขั้นพื้นฐานดังกล่าวที่ต้องได้รับการฟื้นฟูขณะที่ประเทศไทยดำเนินการไปสู่ประชาธิปไตย       4. คณะมนตรีฯ ส่งเสริมให้ผู้มีอำนาจของไทยดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่ไทยได้ให้คำมั่นระหว่างการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายใต้กลไก UPR (Universal Periodic Review) ครั้งที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2016       5. คณะมนตรีฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การเตรียมความพร้อมในทางนิติบัญญัติเพื่อจัดการเลือกตั้งในไทยกำลังมีความคืบหน้า คณะมนตรีฯ ยอมรับแถลงการณ์ของหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ซึ่งระบุว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561 พร้อมเรียกร้องให้มีการประกาศใช้กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และให้เคารพกำหนดการจัดการเลือกตั้งตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ       6. คณะมนตรีฯ เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของไทยไม่ดำเนินคดีต่อพลเรือนในศาลทหาร ซึ่งรวมถึงความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 12 กันยายน 2559       7. คณะมนตรีฯ ทบทวนผลสรุปการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่อียูตัดสินใจที่จะทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าเรื่องต่างๆ ที่กล่าวแล้ว คณะมนตรีฯ จึงเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเริ่มกลับมาปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทยอย่างช้าๆ       8. คณะมนตรีฯ ตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกการเจรจาในประเด็นที่มีความสำคัญร่วมกัน รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแผนการดำเนินงานสู่ประชาธิปไตย       9. คณะมนตรีฯ อยากเห็นความสัมพันธ์กับไทยก้าวหน้ามากขึ้น หลังจัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และการปรับปรุงของสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน อียูหวังให้ผู้มีอำนาจของไทยดำเนินการให้ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมสามารถทำงานได้อย่างเสรี       10. ในบริบทนี้ คณะมนตรีฯ ขอให้คณะกรรมาธิการยุโรปสำรวจความเป็นไปได้ในการกลับมาเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างยุโรป-ไทย       11. การลงนามในกรอบข้อตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ และการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศไทย จะสามารถดำเนินการได้กับรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่       12. คณะมนตรีฯ ย้ำอีกครั้งว่า จะยังคงพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับประเด็นต่างๆ เช่น การยกเลิกข้อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพสื่อ ตลอดจนเสรีภาพในการชุมนุมและการรวมกลุ่ม การยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมืองและองค์กรภาคประชาสังคม การจัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ฯลฯ       13. อียูพร้อมที่จะช่วยเหลือไทยให้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วยเจตนารมณ์ของความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วน       14. คณะมนตรีฯ ขอให้ผู้แทนระดับสูงของอียูและคณะกรรมาธิการยุโรป ร่วมกันติดตาม สังเกตการณ์ และแจ้งให้คณะมนตรีฯ ทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าที่เกิดขึ้น