กรกฎาคม 2560 : ศาลฎีกาฯ นัด 25 ส.ค. อ่านคำพิพากษา คดีจำนำข้าว ศาลฎีกาฯ นัด 25 ส.ค. อ่านคำพิพากษา คดีจำนำข้าว สนช. ลงมติท่วมท้น 194 เสียง เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ป. กกต. นายกฯ สั่งลุยกล้อง "ซีซีทีวี" กว่า 3 แสนตัวทั่วประเทศ เลขาฯ ปปง. เผยไทยหลุดแบล็กลิสต์เสี่ยงฟอกเงิน "ครม." อนุมัติแผนแม่บท "ภูทับเบิก" แก้ปัญหาการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา จำเลยกว่า 100 คน ครม. เห็นชอบ "กพยจ." สร้างเสริมให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม "สนช." เห็นชอบ กม.อาญานักการเมือง เปิดทางไต่สวนลับหลัง แม้เจ้าตัวหนีคดี สปท. เห็นชอบรายงานปฏิรูปสื่อออนไลน์ คุมเข้มลงทะเบียนซิมการ์ด ครม. อนุมัติงบทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-บัตรรักษาพยาบาลข้าราชการ บีโอไอ เผย ครึ่งปีแรกไฟเขียวลงทุน 3.41 แสนล้าน ครม. อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ครม. อนุมัติรถไฟความเร็วสูง เส้นกรุงเทพ-โคราช วงเงิน 179,413 ล้านบาท 25 ส.ค.วันพิพากษา 'ยิ่งลักษณ์-พวก28ราย' คดีจำนำข้าว       ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนำข้าว 25 สิงหาคม 2560 เวลา 09.30 น.โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดีด้วยวาจา 1 สิงหาคม 2560 ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวเป็นการนัดพิพากษาในวันเดียวกันกับคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และนายภูมิ สาระผล อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 28 ราย คดีทุจริตระบายข้าว โดยเหตุที่ศาลฎีกาฯ นัดพิพากษาคดีโครงการจำนำข้าว ตรงกับสำนวนคดีฟ้องนายบุญทรง กับพวก เนื่องจากข้อเท็จจริงและหลักฐานที่เสนอในคดีเชื่อมโยงกัน อีกทั้งองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 2 สำนวนมีจำนวน 5 คนที่ร่วมพิจารณาทั้งสองสำนวน ในคดีนี้ศาลให้โอกาสอัยการโจทก์นำพยานบุคคลไต่สวนแล้วถึง 15 ปาก ใช้เวลา 10 นัด และฝ่ายจำเลยไต่สวนพยาน 30 ปาก ใช้เวลา 16 นัด ดังนั้นศาลจึงเห็นว่าให้โอกาสคู่ความทุกฝ่ายเต็มที่ในการนำพยานบุคคลไต่สวนแล้วตามหลักเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามหลักกฎหมายแล้ว ดังนั้น ที่จำเลยยื่นขอส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบทกฎหมายเรื่องดุลพินิจศาลในการไต่สวนพยานจึงไม่มีเหตุตามรัฐธรรมนูญฯ ก็ให้ยกคำร้องนั้น สนช. ลงมติ ผ่านร่าง พ.ร.บ. กกต.       เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้งด้วยคะแนน 194 ต่อ 0 งดออกเสียง7       ในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ คณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย สนช. 5 คน คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 5 คน และประธาน กกต. 1 คน ได้รายงานผลการพิจารณากรณีที่ กกต. โต้แย้งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว 6 ประเด็น ว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้แก่       1. มาตรา 11 วรรค 3 การกำหนดคุณสมบัติของกรรมการสรรหาเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ       2. มาตรา 12 วรรค 1 การกำหนดคุณสมบัติของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ       3. มาตรา 26 หน้าที่และอำนาจของ กกต. แต่ละคน       4. มาตรา 27 อำนาจการจัดการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น       5. มาตรา 42 การบัญญัติให้ กกต. มอบอำนาจการสอบสวนได้       6. มาตรา 70 วรรค 1 การให้ประธาน กกต. และ กกต. ที่ดำรงตำแหน่งในวันก่อนที่ พ.ร.บ.คณะกรรมการเลือกตั้งใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้บังคับ       หลังจากพิจารณาแล้ว ที่ประชุม สนช. มีมติเสียงข้างมากในแต่ละประเด็นว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และตรงตามเจตนารมณ์ทุกประการ จึงไม่มีการแก้ไขร่างที่ สนช. ให้ความเห็นชอบแล้วแต่อย่างใด       ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช. ส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ถือเป็นร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ สนช. ให้ความเห็นชอบและเสร็จสิ้นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนด ติดซีซีทีวี 3 แสนกว่าตัวทั่วประเทศ       เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า สมช. ยังรับทราบผลการดำเนินการปรับปรุงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ซึ่งตนได้สั่งการในระยะแรกให้ซ่อมแซมกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นของรัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ โดยใช้เวลาให้สั้นที่สุดโดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่มีผลต่อประชาชนต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมหรือติดตั้งเพิ่มก็ต้องเสนอเป็นแผนงานเพื่อขอใช้งบประมาณ ฉะนั้นระยะแรกต้องทำให้ครบทุกพื้นที่ก่อน ส่วนระยะ 2 คือการปรับเปลี่ยนคุณภาพของกล้องให้ดีขึ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทั้งหมด 3 แสนกว่าตัวทั่วประเทศ โดยจะมีการทยอยดำเนินการเพื่อให้กล้องที่ติดไปแล้วต้องมีคุณภาพเท่าเทียมกัน อย่างการบันทึกภาพที่จะต้องบันทึกได้ 30 วัน รวมถึงการร่วมใช้ประโยชน์จากกล้องซีซีทีวีตามกฎหมาย เพราะเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเอกชนหรือหน่วยงานอื่นจะต้องให้ความร่วมมือ และต้องไม่มีการอ้างว่ากล้องเสีย โดยจะต้องมีระบบควบคุมและการตรวจสอบ ไทยหลุดแบล็กลิสต์เสี่ยงฟอกเงิน       เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยได้เข้ารับการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti-Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism - AML/CFT) ในฐานะสมาชิกกลุ่มต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Group on Money Laundering - APG) ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เข้ารับการประเมินมาแล้ว 2 รอบในปี พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2550 และล่าสุดเป็นการประเมินในรอบที่ 3 (พ.ศ. ‪2559-2560)‬ โดย ปปง. ทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานหลัก ล่าสุดที่ประชุมใหญ่ APG ได้ชื่นชมประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่สามารถแสดงประสิทธิผลได้ในระดับสูงเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา และเป็นประเทศที่มีผลการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ จากผลการประเมินที่ได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ APG ส่งผลให้ประเทศไทยจะไม่ถูกกำหนดอยู่ในรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านฟอกเงิน เหมือนเช่นที่เคยถูกประกาศอยู่ในรายชื่อประเทศเสี่ยงเมื่อปี 2555 อย่างแน่นอน‬‬‬‬‬‬‬ ครม.อนุมัติ แผนแม่บทแก้ปัญหา 'ภูทับเบิก'       เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแผนแม่บทการแก้ปัญหาภูทับเบิก ประจำปี 2560 -2565 ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ เนื่องจากพื้นที่ภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ. เพชรบูรณ์ มีพื้นที่ 13,447 ไร่ ได้รับการจัดตั้งเป็นนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ตามมติ ครม. วันที่ 18 มกราคม 2509 ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังใช้ประโยชน์ โดยราษฎรใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและทำกิน อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าในบริเวณภูทับเบิก มีการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างในลักษณะของรีสอร์ท ร้านอาหาร และร้านค้าเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผลกระทบต่อสภาพภูมิทัศน์ และเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ผิดวัตถุประสงค์       ทั้งนี้ แผนงานที่ได้อนุมัติไว้นี้มี 6 ด้าน ได้แก่ 1. แผนการบริหารและการจัดการพื้นที่ภูทับเบิก 2. แผนการบริหารจัดการพื้นที่ผ่อนปรน 3.แผนการจัดการพื้นที่อยู่อาศัย 4. แผนการจัดการพื้นที่ทำกิน 5. แผนการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และ 6. แผนการจัดการพื้นที่ส่วนกลาง ศาลอ่านคำพิพากษามาราธอน 12 ชม.คดีค้ามนุษย์โรฮีนจา       เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 องค์คณะผู้พิพากษาแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา รวม 11 สำนวน ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยรวม 103 คน โดยหนึ่งในนั้นมี พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก รวมอยู่ด้วย เป็นจำเลยที่ 54 รวมจำคุก พล.ท.มนัส 27 ปี ขณะที่นายปัจจุบัน หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล จำเลยที่ 29 ศาลพิพากษาจำคุก 75 ปี ส่วนจำเลยรายอื่นๆ เช่น นายบรรจง หรือจง ปองผล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 1 นายอ่าสัน หรือหมู่สัน หรือบังสัน อินทธนู อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 2 นายประสิทธิ์ หรือเดช หรือบังเบส หรือบังเค เหล็มเหล๊ะ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 6 ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 78 ปี โดยจำเลยที่ศาลพิพากษาจำคุกเกิน 50 ปี ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลย 62 คน โดยได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4- 94 ปี และยกฟ้องจำเลยทั้งสิ้น 40 คน แต่ให้ขังจำเลยไว้ในระหว่างอุทธรณ์ 28 คน โดยให้จำเลยที่ศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์ ร่วมกันชดใช้สินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายชาวโรฮีนจา 58 คน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,400,250 บาท เป็นที่น่าสังเกตว่า องค์คณะผู้พิพากษา 9 คนได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาคดีนี้ที่มีจำนวนมากกว่า 500 หน้า ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง 'ครม.' ตั้ง 'กพยจ.' เน้นเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม       เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด (กพยจ.) ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดย กพยจ. ได้บูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันเพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนในจังหวัดเข้าถึงการบริการในกระบวนยุติธรรม รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการในกระบวนการยุติธรรม สนช. เห็นชอบ กม.อาญานักการเมือง       เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุม ส.น.ช. ได้ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. .... ด้วยคะแนน 176 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง       โดยที่หลักการของร่างกฎหมายฉบับนี้คือให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาไต่สวนคดีลับหลังจำเลยได้ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ได้อภิปรายสอบถามถึงความชัดเจนในมาตรา 26-27 ว่าด้วยการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาไต่สวนคดีลับหลังจำเลยว่าจะถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นจำเลยหรือไม่ เพราะโดยหลักทั่วไปของการพิจารณาคดีอาญาจะต้องไต่สวนคดีต่อหน้าจำเลย ไม่อาจไต่สวนลับหลังจำเลยได้       ขั้นตอนต่อจากการเห็นชอบของ ส.น.ช. คือการส่งร่างให้กับศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่าเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมีเนื้อหาตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ต่อไป สปท. เห็นชอบรายงานปฏิรูปสื่อออนไลน์       เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้พิจารณารายงานเรื่องผลการศึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิรูปการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media) โดย พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน เสนอแนวทางปฏิรูปของคณะกรรมาธิการฯ โดย แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ 1. ระยะเร่งด่วนที่ต้องทำให้แล้วเสร็จในปี 2562 อาทิ การเพิ่มมาตรการจัดระเบียบการลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะระบบเติมเงิน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2. สำหรับแนวทางปฏิรูปในระยะยาว ที่ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี อาทิ การเสริมสร้างปลูกจิตสำนึกที่ดีมีจริยธรรมในการใช้สื่อออนไลน์ การให้ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี การสร้างภูมิคุ้มกัน และความตระหนักรู้ รวมถึงการใช้มาตรการทางกฎหมาย       ทั้งนี้ ที่ประชุม สปท. มีมติ 144 ต่อ 1 คะแนนเห็นชอบกับรายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งตามขั้นตอนจะส่งรายงานฉบับนี้ไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป ไฟเขียวงบ 1,700 ลบ. ทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ       เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้จัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำปี 2560 จำนวน 14 ล้านใบ ใช้งบประมาณ 1,581 ล้านบาท จากยอดผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ 14.12 ล้านคน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อผลิตบัตรสวัสดิการเสร็จเตรียมเปิดให้ประชาชนรับบัตรได้ตามสถาบันการเงินที่ลงทะเบียน       สำหรับลักษณะของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีชิพฝัง 2 อัน ชิพแรก เป็นข้อมูลสำหรับค่าโดยสารสาธารณะและบริการอื่น ๆ นอจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้จัดทำบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อใช้กับข้าราชการ ลูกจ้าง และบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิรักษาพยาบาลประมาณ 4.5 ล้านคน ใช้งบประมาณผลิตบัตร 124 ล้านบาท โดยบัตรสวัสดิการ 2 ประเภท ทั้งรักษาพยาบาลและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 'บีโอไอ' เผยครึ่งปีแรกไฟเขียวลงทุน 3.41 แสนล.       เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอได้รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2560 โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 612 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 291,790 ล้านบาท เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 302 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 133,494 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46 ของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม และมั่นใจว่าในปีนี้ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจะเป็นไปตามเป้าที่ 600,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดอนุมัติส่งเสริมการลงทุนรวมครึ่งปีแรกมีมูลค่ากว่า 341,310 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีก่อน ไฟเขียวรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ คาดเปิด พ.ค. 67       เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตรในกรอบวงเงินรวม 101,112 ล้านบาท หลังจากนี้ รฟม. จะเริ่มดำเนินการประกวดราคางานก่อสร้างงานโยธาในเดือนตุลาคมนี้ และทราบผลภายในเดือนสิงหาคมปีหน้า แต่จะลงนามสัญญาได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับทราบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว จากนั้นจะก่อสร้างในปลายปี 2561 และเปิดให้บริการภายในปี 2566-2567 โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะมีสถานีรวม 17 แห่งและระยะทางรวม 23.6 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางตั้งแต่ จ.นนทบุรี กรุงเทพฯ ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี จนถึง จ.สมุทรปราการ ครม.ไฟเขียวรถไฟความเร็วสูงวงเงิน 1.79 แสนลบ.       เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพ-โคราช) วงเงิน 179,413 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี โดยรัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100% สำหรับการดำเนินการนั้น โดยการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 3 ช่วง ซึ่งครั้งนี้ดำเนินการช่วงแรกระยะที่ 1 กรุงเทพ-หนองคาย (ช่วงกรุงเทพ-โคราช) และระยะที่ 2 คือ โคราช-หนองคาย และระยะที่ 3 ช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด รวมทั้งสิ้น 250 กิโลเมตร และมีพื้นที่ที่ต้องเวนคืน 10-15% หรือ 2,815 ไร่ ประกอบด้วย ช่วงบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง นครราชสีมา เพื่อให้สามารถเดินรถได้ความเร็วที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง       อนึ่ง โครงการดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณารายละเอียดจากคณะกรรมการพัมนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 และได้นำผลจากการประชุมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติดังกล่าว