ธันวาคม 2559 : โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรี 10 ราย โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 12 รัฐมนตรี พร้อมเผย 4 รมต.ใหม่ แก้ พ.ร.บ.สงฆ์ ให้พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาพระสังฆราช "สนช." ผ่านร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สนช. เห็นชอบเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีบุคคล สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ.แร่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) "ผู้เสียหาย – พยานคคีค้ามนุษย์" อยู่ไทยต่อได้อีก 2 ปีหลังคดีจบ "ครม." เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันชีวิต-วินาศภัย ครม. ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ. ธปท. เพิ่มอำนาจกองทุนฟื้นฟู ครม. เห็นชอบ 2 กฎหมายจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ครม. เห็นชอบการกำหนดค่าจ้างแรงงานตามมาตรฐานฝีมือ 55 อาชีพ ครม. ไฟเขียวเพิ่มงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท กู้เพิ่ม 1.62 แสนล้าน "คสช. " ใช้ "ม.44" ออก 3 กฎหมาย “คสช.” ใช้ ม. 44 ยกเลิก 3 กม. จัดตั้ง 3 องค์กร " คสช." ใช้ "ม.44" ยุบ คตร. กรธ. เปิดร่างแรก พ.ร.บ.พรรคการเมือง 10 หมวด 129 มาตรา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรี 10 ราย       สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี ดังต่อไปนี้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายเกษม วัฒนชัย นายพลากร สุวรรณรัฐ นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ นายศุภชัย ภู่งาม นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พลเอกธีรชัย นาควานิช และ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา       ประกาศ ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 12 รัฐมนตรี เผย 4 รมต.หน้าใหม่       สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้       1. ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม       2. และให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิชิต อัคราทิตย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม       ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ แก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ ให้พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาพระสังฆราช       เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เสนอ โดยได้พิจารณาต่อเนื่องทั้งสามวาระ และในการลงมติในวาระที่ 3 ที่ประชุมมีมติ เอกฉันท์ เห็นชอบ 182 เสียง ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง 6 เสียง เห็นชอบข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 7 เป็น “พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” มติ สนช. 168:0 เสียงผ่าน พ.ร.บ.คอมฯ       เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 168:0 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ปรับแก้ไขมาตรา 20 เพิ่มจำนวนคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ จาก 5 คนเป็น 9 คน เพื่อเปิดทางให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน เพิ่มมากขึ้น       ขั้นตอนต่อจากนี้ที่ประชุม สนช. จะต้องส่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้คืนให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบก 120 วัน สนช.ไฟเขียวเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีบุคคล       เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเอกฉันท์ 191 เสียง ผ่านร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ที่มีสาระสำคัญให้เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ และค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสที่มีเงินได้ เป็นคนละ 60,000 บาท และเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ หรือบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้และบุตรบุญธรรม เป็นคนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน ส่วนในกรณีผู้มีเงินได้เป็นกองมรดก ให้หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท และในกรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้หักลดหย่อนได้ สำหรับผู้เป็นหุ้นส่วนหรือบุคคลในคณะบุคคลแต่ละคนซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120,000 บาท สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ.แร่ พร้อมอัตราค่าธรรมเนียม       เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนน 183 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ผ่าน ร่าง พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. . ที่มีทั้งหมด 188 มาตรา และมีบัญชีแนบท้ายเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียม       ร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบในลักษณะที่ไม่เห็นด้วยจากหลายภาคส่วน และเป็นร่าง พ.ร.บ. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้รับเรื่องร้องเรียนพร้อมข้อเสนอแนะจากองค์กรต่างๆ อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์กรพิทักษ์มนุษยชน กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ กลุ่มเครือข่ายฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กลุ่มองค์การโลกสีเขียว รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการอิสระ แผนพัฒนา ศก. ฉบับ 12 (พ.ศ. 2560-2564)       ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเรื่อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ซึ่งเป็นแผนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูป ประเทศด้านต่างๆ เพื่อใช้เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีสาระสําคัญ โดยได้น้อมนำหลัก “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นปรัชญานำทางในการพัฒนาประเทศต่อเนื่องจาก แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9-11 ในการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ซึ่งเป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) รวมทั้งการปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่ประเทศไทย 4.0 ตลอดจนประเด็นการปฏิรูปประเทศ นอกจากนั้น ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน รวมทั้งร่วมจัดทำรายละเอียดยุทธศาสตร์ของแผนฯ เพื่อมุ่งสู่ “ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” 'ผู้เสียหาย–พยานคคีค้ามนุษย์' อยู่ไทยต่อได้       เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศผ่อนผันให้ผู้เสียหาย หรือพยานในคดีค้ามนุษย์ สามารถอาศัย หรือทำงานอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวต่อได้อีก 2 ปี หลังการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น และขอต่ออายุอีกได้คราวละ 1 ปี แต่มีข้อแม้ว่าในระหว่างที่อาศัยอยู่จะต้องไม่มีพฤติการณ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากคราวที่ ครม. เคยมีมติอนุญาตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ให้ผู้เสียหาย และพยานสามารถอาศัยอยู่ในไทยได้เป็นกรณีพิเศษในระหว่างพิจารณาคดี ไม่เกิน 1 ปี และขอต่ออายุคราวละ 1 ปีตามความจำเป็น นอกจากนี้กระทรวงแรงงานจะต้องอนุญาตให้บุคคลดังกล่าวสามารถทำงานได้ทุกประเภท ตามที่ได้ตกลงกันไว้กับนายจ้าง และยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ด้วย ขณะเดียวกันทางกระทรวงสาธารณสุขจะทำหน้าที่ตรวจสุขภาพ เพื่อใช้ประกอบในการขออนุญาตทำงานตามระบบ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ด้วยเช่นกัน ครม.ไฟเขียว'ร่าง พ.ร.บ.ประกันฯ'ป้องกันหลอกลวง       เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันชีวิต (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... และ ร่าง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 1. การป้องกันการฉ้อฉล ได้แก่ กรณีตัวแทนหลอกลวงเบี้ยประกันจากประชาชน โดยไม่นำเบี้ยประกันส่งให้กับบริษัทประกันทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่ต้องการ 2. การกำกับดูแลตัวแทนในการทำธุรกิจประกันที่มีจำนวน 3 แสนคน 3. การประเมินความเสียหายจากเหตุวินาศภัยเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ และ 4. กรณีที่มีการทำธุรกิจผ่านการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด ทั้งนี้ การแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการปฏิรูปธุรกิจประกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากประเทศไทยมีกฎหมายดังกล่าวใช้มาแล้ว 24 ปี ครม.ไฟเขียวร่างพ.ร.บ.ธปท. เพิ่มอำนาจกองทุนฟื้นฟู       เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกการพิจารณาให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบวิกฤติทางการเงินอันอาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินและเพิ่มอำนาจหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินตามแผน แนวทาง และวิธีการที่ ครม. อนุมัติ รัฐบาลปฏิรูประบบราง สั่งปฏิรูปใหญ่การรถไฟ       เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกรมการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการจัดตั้งส่วนราชการระดับกรม และเป็นหน่วยงานกลางในการทำหน้าที่หลัก 3 ด้าน ได้แก่ เสนอแนะนโยบายและกำหนดยุทธศาสตร์ วางแผนโครงข่ายบริหารงานด้านการขนส่งทางรางของประเทศ เป็นผู้กำหนดและกำกับดูแลมาตรฐานระเบียบมาตรฐานความปลอดภัยในการซ่อมบำรุงการประกอบการ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางราง       รวมถึงเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางราง พ.ศ. .... ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก 4 ข้อ คือ กำกับดูแลมาตรฐานและความปลอดภัย กำกับการประกอบกิจการ การวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดนวัตกรรมในระดับประเทศและภูมิภาค ส่งเสริมการขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนการขนส่งรูปแบบอื่นๆ       หลังจากนี้ ครม. จะส่งร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาและประกาศใช้ต่อไป ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าจ้างแรงงานฝีมือ 55 อาชีพ       เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการกำหนดค่าจ้างแรงงานตามมาตรฐานฝีมือ จากมติคณะกรรมการไตรภาคี ครอบคลุม 3 กลุ่ม คือ กลุ่มจักรกลและโลหะการ กลุ่มเครื่องปรับอากาศ กลุ่มแม่พิมพ์ รวม 55 อาชีพ โดยแยกออกเป็น 2 ระดับ คือ       มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 1 ต้องเป็นผู้มีอายุมากกว่า 18 ปี มีประสบการณ์ทำงาน ประกอบอาชีพสาขาอาชีพตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพ เช่น ช่างเครื่องกล ค่าจ้าง 460 บาท ช่างเชื่อมเทคนิค 500 บาท ช่างเทคนิคระบบไฮโดรลิค 460 บาท ช่างขัดเงาแม่พิมพ์ 380 บาท ช่างห้องเย็น 385 บาท จากปกติค่าแรงงานขั้นต่ำ 310 บาทใน กทม. และปริมณฑล       สำหรับช่างมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 2 เป็นกลุ่มช่างฝีมือผู้ได้รับการทดสอบเพิ่มพูลประสบการณ์เป็นเวลา 1-2 ปี เพื่อเพิ่มคุณภาพแรงงานฝีมือในสาขาวิชาชีพที่ีเกี่ยวข้องนับตั้งแต่ได้รับใบหนังสือรับรองในระดับที่ 1 และต้องได้รับคะแนนรวมการทดสอบในระดับ 1 ไม่ต่ำกว่า 80% เช่น กลุ่มช่างเทคนิคเครื่องกล ช่างเทคนิคไฮโดรลิค ค่าจ้าง 550 บาท ช่างแอร์ขนาดใหญ่ 470 บาท ช่างประกอบแอร์ 455 บาท ช่างเครื่องกัดอัตโนมัติ 540 บาทต่อวัน       กำหนดค่าจ้างใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา อัดฉีดงบกลางปี 1.9 แสนล.       เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 หรืองบกลางปี วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท โดยมีแหล่งที่ของงบประมาณจาก 2 แหล่ง คือ ภาษีและรายได้อื่น 27,078 ล้านบาท เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 162,921 ล้านบาท       กรอบวงเงินสูงสุดที่รัฐบาลกู้ได้ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 ยังมีวงเงินกู้ที่สามารถกู้เพิ่มเติมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีก 2 .2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 31 มกราคม 2560 เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไปเพื่อพิจารณา 3 วาระ ก่อนส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ใช้ ม. 44 ออกคำสั่ง 3 ฉบับรวด       เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่ง คสช. มาตรา 44 ทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาตรการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (เฉลิมรัชมงคล) จากหัวลำโพง –บางซื่อ และสายสีม่วง จากบางใหญ่ – บางซื่อ คือการแต่งตั้งคณะทำงานปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านเข้ามาร่วมเป็นกรรมการ ประธาน และรองประธาน สนช. ประธานและรองประธาน สปท. รัฐมนตรี 2 ราย นอกจากนี้จะมีข้าราชการประจำ คือ เลขาสภาพัฒนาการเมือง เลขากฤษฎีกา และ ผอ.สำนักงบฯ และเลขาธิการนายกฯ รวมทั้งหมดจะมี 19 ราย ใช้ ม.44 ยกเลิก 3 กฎหมาย ซ้ำซ้อน       วันที่ 13 ธันวาคม 2559 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) มีคำส่งยกเลิกดังกล่าว       ก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 เพื่อยกเลิกกฎหมายดังกล่าวนั้น เพราะครบวาระและไม่จำเป็นต้องสรรหาต่อ อีกทั้งมีหลายหน่วยงานที่ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว จึงไม่อยากให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน สำหรับพนักงานประจำให้โอนกลับหน่วยงานเดิม หรือมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเปิดอัตราเพื่อรองรับ ใช้ 'ม.44' ยุบ 'คตร.' ลดทำงานซ้ำซ้อน       เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 70/2559 เรื่องการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญระบุว่า ตามที่ คสช. มีนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. ติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและถูกต้องภายใต้กรอบงบประมาณของรัฐ แต่ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หรือ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในลักษณะเดียว กับ คตร. อีกหลายแห่ง จึงสมควรปรับปรุงกลไกเพื่อลดความซ้ำซ้อน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ให้ยกเลิก คตร. และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป       สำหรับ คตร. ถูกตั้งขึ้นเพื่อติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ปัจจุบันมี พลเอกชาตอุดม ติตถะสิริ เป็นประธาน ซึ่งในระยะเริ่มต้นได้มีการตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท รวมงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท อาทิ โครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง       เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดแถลงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมืองซึ่งผ่านการพิจารณาเบื้องต้นเพื่อเผยแพร่ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเพื่อประกอบการรับฟังความคิดเห็น มีจำนวนทั้งหมด 10 หมวดและ 1 บทเฉพาะกาล จำนวน 129 มาตรา สรุปสาระสำคัญอยู่ที่มาตรา 23 การดำเนินงานกิจการของพรรคการเมืองต้องมีกิจกรรมตามที่กำหนด 4 ข้อ ถ้าขัดศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจในการยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้นได้       การตั้งพรรค ต้องมีสมาชิกผู้ก่อตั้งอย่างน้อย 500 มีเงินลงทุนประเดิมอย่างน้อยคนละ 2,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ทำให้มีทุนประเดิมอย่างน้อย 1 ล้านบาท มีบัญชีรายนามการจ่ายเงินเปิดเผยต่อนายทะเบียนพรรค ให้เลขาฯ กกต. ดำรงตำแหน่งแทนของเดิมที่กำหนดให้เป็นประธาน กกต. มีการประกาศให้รับทราบทั่วกันในราชกิจจานุเบกษา ภายในปีแรก พรรคจะต้องมีสมาชิกให้ได้ 5,000 คน และภายใน 4 ปีจะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 20,000 คน พรรคการเมืองต้องมีสาขาพรรคอย่างน้อย 1 สาขาพรรคต่อภาคและต้องมีสมาชิกพรรคที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่อย่างน้อย 500 คน ขณะที่ในระดับจังหวัดให้มีการตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดกี่คนก็ได้สำหรับจังหวัดที่มีสมาชิกอย่างน้อย 100 คน เป็นต้น