ตุลาคม 2559 : ไทยวิปโยค ถวายอาลัยพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ไทยวิปโยค ถวายอาลัยพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต เปิด "ร่าง รธน." ฉบับสมบูรณ์ ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง สมาชิกก่อตั้งพรรค 500 คนกระจาย 4 ภาค ครม. เห็นชอบงบกลาง 1.8 หมื่น ลบ. ลง 74,455 หมู่บ้านทั่วประเทศ "สปท." เห็นชอบกรอบการวางแผนพัฒนากำลังคนภาครัฐเชิงยุทธศาสตร์ ครม. อนุมัติร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ เจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวจำนำข้าว 986 คดี สั่งไต่สวนแล้ว 125 คดี อกำหนดฐานภาษีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ ใหม่ ศาลฎีกา มีมติไม่รับอุทธรณ์ คดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ครม. เห็นชอบ เพิ่มอัตรา "ผช.รมต." เป็น 40 คน "ครม." เห็นชอบ 6 "ยุทธศาสตร์ ป้อง-ปราบโกง กยศ. ต่อเวลาปิดบัญชีชำระหนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 59 ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปชช. 74% เชื่อใจ "ประยุทธ์" เป็นผู้นำซื่อสัตย์ สนช. รับหลักการร่าง กม.ยาเสพติด สนช. รับหลักการร่างกฎหมาย "ป.ป.ช." ศาลฎีกาพิพากษายืน ยกฟ้อง "เริงชัย" อดีตผู้ว่า ธปท. ปวงชนชาวไทยวิปโยค พระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต       เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2559 สำนักพระราชวังออกประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 15:52 น.       ในวันที่ 14 ตุลาคม ได้เคลื่อนพระบรมศพออกจากศิริราชพยาบาลไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยาในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทางมีปวงชนชาวไทยถวายความอาลัยอย่างเนืองแน่น และเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นมาทุกวันมีพระราชพิธีพระบรมศพสวดพระอภิธรรม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง และสำนักพระราชวังได้จัดสถานที่ให้ประชาชนลงนามแสดงความอาลัย ตั้งแต่วันที่ 14 - 28 ตุลาคม 2559 มีผู้ไปลงนามจำนวนทั้งสิ้น 4,357,122 ราย ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีสวดอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 14 - 28 ตุลาคม 2559 จำนวนทั้งสิ้น 6,669,798 คน ทุกเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตรที่ท้องสนามหลวง มีผู้เข้าร่วม ตั้งแต่วันที่ 14 - 28 ตุลาคม 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,371,465 คน       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ต่อจากพระเชษฐา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ซึ่งทรงพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม” ตลอดเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ได้มีพระราชกรณียกิจในการที่จะทำนุบำรุงราษฎรโดยเฉพาะกลุ่มผู้ยากไร้ในต่างจังหวัดทุรกันดารให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนกล่าวได้ว่าได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรในทุกๆ พื้นที่ ได้ทรงริเริ่มให้มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมุ่งพัฒนาชนบทที่ครอบคลุมเรื่องดิน น้ำ ป่า และวิศวกรรม ให้ประชาชนพึ่งตนเองได้       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลและเกียรติยศสำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งจากบุคคลและคณะบุคคล ทั้งภายในประเทสและนานาประเทศ หรือองค์กรสำคัญของกลุ่มประเทศมอบให้ อันเนื่องมาจากพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงงาน อาทิเช่น “เหรียญทองเฉลิมพระเกียรติคุณในการนำชนบทให้พัฒนา” (เอไอที : พ.ศ. 2530) “เหรียญทองประกาศพระเกียรติคุณด้านสิ่งแวดล้อม” (สหประชาชาติ : พ.ศ. 2535) “เหรียญทองสาธารณสุขเพื่อมวลชน” ( World Health Organization : พ.ศ. 2535) “เหรียญรางวัลเทอดพระเกียรติในการสงวนรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ” (International Society of Chemical Ecology : พ.ศ. 2536) “รางวัลสดุดีพระเกียรติคุณในฐานะที่ทรงเป็นนักอนุรักษ์ดินและน้ำ” (International Bank for Reconstruction and Development; IBRD: พ.ศ. 2536) “รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์” (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award : พ.ศ. 2549) “เหรียญรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา Global Leaders Award” (World Intellectual Property Organization : พ.ศ. 2552) “รางวัล Gold Medal with Mention ในผลงานการประดิษฐ์คิดค้นโครงการน้ำมันไบโอดีเซล โครงการทฤษฎีใหม่ และโครงการฝนหลวง”       และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ (International Union of Soil Sciences) ได้ถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม (The Humanitarian Soil Scientist) และตั้งแต่ พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป สำนักงานใหญ่องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติได้มีมติให้วันคล้ายพระราชสมภพ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันดินโลก” (World Soil Day)       หลังเสด็จสวรรคต เมื่อ 28 ตุลาคม 2559 เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 71 ได้จัดพิธีถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยประธานในที่ประชุมนายปีเตอร์ ธอมสัน นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ประธานภูมิภาคยุโรปตะวันออก ประธานภูมิภาคยุโรปตะวันตก ประธานภูมิภาคแอฟริกา ประธานภูมิภาคเอเชีย ผู้แทนถาวรสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ และ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ เป็นผู้กล่าวคำสดุดี เปิด! 'ร่าง รธน.' ฉบับสมบูรณ์       ตามที่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้ส่ง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้ รัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไปนั้น ล่าสุดได้มีการแผนแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านการแก้ไขตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทางเว็บไซต์ http://cdc.parliament.go.th/draftconstitution2/ewt_dl_link.php?nid=803&filename=index ทั้งนี้ การแก้ไขเป็นการแก้ไขในมาตรา 272 โดยระบุว่า "มาตรา 272 ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภา ร่วมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น       ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้" ร่าง พ.ร.บ. พรรคการเมือง       โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุม กรธ. วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่ปรับปรุงโดยคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า การพิจารณามีความคืบหน้าและพิจารณาแล้วเสร็จ ส่วนของการจัดตั้งและจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยเนื้อหาที่พิจารณาในเบื้องต้น คือ กำหนดให้การจัดตั้งพรรคการเมือง สามารถดำเนินการได้ โดยการริเริ่มจัดตั้งพรรคการเมือง โดยคณะผู้เริ่ม ไม่น้อยกว่า 15 คน ซึ่งยื่นรายละเอียดไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากนั้นให้ผู้ริเริ่มดำเนินการหาสมาชิกพรรคการเมือง ให้ได้ไม่น้อยกว่า 500 คน ซึ่งต้องมีสัดส่วนสมาชิกที่กระจายตัวไปในแต่ละภูมิภาค คือ ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และด้วยวิธีการที่ผู้ริเริ่ม พร้อมด้วยสมาชิก ซึ่งไม่น้อยกว่า500คนสามารถยื่นจัดตั้งพรรคการเมือง ต่อ กกต. ได้ทันที       เดิม กกต. เสนอให้มีสมาชิกพรรคเริ่มต้น 5,000 คน ภาคละไม่น้อยกว่า 500 คน ให้ผู้ริเริ่ม และสมาชิกพรรคการเมือง ชำระเงินเพื่อเป็นทุนประเดิมให้พรรคการเมือง ประมาณ 2,000 บาท เพื่อใช้ในกิจกรรมทางการเมืองของพรรค ซึ่ง กรธ. ประเมินว่าเมื่อช่วงก่อตั้งพรรคการเมือง ควรมีเงินทุนดำเนินการ อย่างน้อย1ล้านบาท ซึ่งได้จากสมาชิกพรรคผู้ก่อตั้ง และเพื่อเป็นหลักที่ทำให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในพรรคได้ ครม.อัดงบ 1.8 หมื่นล้านพยุงเศรษฐกิจ       เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐประจำปีงบประมาณ 2560 โดยอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2560 เพื่อดำเนินการรวมวงเงิน 18,760 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปแก่หมู่บ้านแห่งละ 250,000 บาท จำนวน 74,655 หมู่บ้าน วงเงินรวม 18,663.75 ล้านบาทและค่าดำเนินโครงการจำนวน 96.25 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการ3เดือน สิ้นสุดในเดือน มกราคม 2560 สำหรับโครงการนี้การดำเนินงานต่อเนื่องขยายผลจากมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือตำบลละ5ล้านบาท และโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐระยะที่ 1 หมู่บ้านละ 200,000 บาท สิ้นสุดโครงการไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 สปท. วางแนวปฏิรูปกรอบจริยธรรมข้าราชการภาครัฐ       ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบ151 ต่อ 1 งดออกเสียง 8 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง ในการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การวางแผนกำลังคนภาครัฐเชิงยุทธศาสตร์ และ แนวทางการกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมและการบังคับใช้กระบวนการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานภาครัฐ พร้อมร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยสาระสำคัญเพื่อให้มีคณะกรรมการจริยธรรมกลางในการบูรณาการประมวลจริยธรรมของข้าราชการทุกหน่วยงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้นำข้อมูลด้านจริยธรรมดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาคัดเลือกบุคคลให้เข้าสู่ตำแหน่งในองค์กร ทั้งนี้หลังจากที่ประชุม สปท. เห็นชอบแล้ว ทาง กมธ.ฯ จะนำไปปรับปรุงเนื้อหาก่อนส่งต่อไปยังคณะรัฐบาลให้พิจารณาปฏิบัติต่อไป ครม.ไฟเขียวร่างกฎกระทรวงระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ       เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง คือ 1. กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบกิจการระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ 2. กำหนดให้ระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อต้องแสดงรายละเอียดของแผนผังโดยสังเขป 3. กำหนดมาตรฐานการออกแบบ การก่อสร้าง การทดสอบและตรวจสอบ 4. กำหนดคุณสมบัติของท่อขนส่งน้ำมัน 5. กำหนดการตรวจสอบพื้นที่แนวท่อส่งน้ำมัน 6. กำหนดมาตรการเพื่อการป้องกันและระงับอัคคีภัย เป็นต้น เรียกค่าเสียหายจนท.รัฐเอี่ยวจำนำข้าว 986 คดี       นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาการเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่เหลือร้อยละ 80 ว่า ศอตช.จะบูรณาการทุกหน่วยงานในภาพรวมทั้งหมด แต่ในส่วน ป.ป.ท. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นคดีความที่ ป.ป.ท. พิจารณาดำเนินการอยู่ จากเดิมที่มี 853 คดี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสำนวนเข้ามาเพิ่มเติมเข้ามารวมเป็น 986 คดี ซึ่ง ป.ป.ท. ได้ทยอยส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาและมีมติสั่งให้ไต่สวนแล้ว 125 คดี จากนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตามจำนวนคดี และตั้งเป้าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนก่อนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาชี้มูลต่อไป หากเห็นว่ามีมูล ถ้าเป็นคดีอาญาจะส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องร้อง หากเป็นเรื่องของวินัย หรือค่าเสียหายจะส่งให้ต้นสังกัดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ครม.กำหนดฐานภาษีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ       เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (การกำหนดฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 49 ทวิ โดยกำหนดให้ใช้ราคาที่ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กันตามความเป็นจริง หรือตามราคาประเมินทุกทรัพย์ที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าเป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม จากการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวนั้น จะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีอากรมีประสิทธิภาพ โดยทำให้การจัดเก็บภาษีเงินได้ตามราคาที่แท้จริงจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ฐานในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากรมีสอดคล้องกับฐานในการคำนวณการจัดเก็บภาษีกรณีรายได้หรือราบรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะจัดเก็บตามราคาที่ซื้อขายกันตามจริง ที่ประชุมใหญ่ 'ศาลฎีกา' ไม่รับอุทธรณ์คดีปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย       เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติไม่รับอุทธรณ์ ของนายพงศธร ศิริโยธิน จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นอดีตประธานกรรมการสินเชื่อ ของ ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 20 ในคดีหมายเลขดำ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 (หลบหนีคดีศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวจนกว่าจะได้ตัวมา), ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหาร ธ.กรุงไทยฯ , นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการ ธ.กรุงไทยฯ และพนักงาน ธ.กรุงไทย ฯ กับ นิติบุคคลและกรรมการนิติบุคคล ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 2-27 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ยักยอก, ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ก็ได้พิจารณาความเห็นขององค์คณะพิจารณาอุทธรณ์แล้ว มีมติเห็นชอบตามสำนวนความเห็นขององค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าว จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์นี้ไว้พิจารณา ทั้งนี้เมื่อที่ประชุมใหญ่ มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยของคดีทุจริตการพิจารณาสินเชื่อของ ธ.กรุงไทยฯ ไว้พิจารณาแล้ว คดีจึงถึงที่สุดที่จำเลยจะต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ซึ่งปัจจุบันจำเลยที่ถูกลงโทษก็ถูกคุมขังอยู่ ในเรือนจำและทัณฑสถานหญิงกลาง ครม.เห็นชอบ เพิ่ม 'ผช.รมต.’       เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่...) พ.ศ. . ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 โดยแก้ไขระเบียบฯ ดังกล่าวเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ช่วยรัฐมนตรีจากเดิม 30 คน เป็น 40 คน เพื่อให้เข้ามาเร่งรัดและขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามนโยบาย และตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกี่ยวกับแผนการปฏิรูปประเทศและการกำหนดยุทธศาสตร์ที่มีมากขึ้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบ พ.ศ. 2546 มีวาระ 1 ปี และได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 50,000 บาท และให้ถือว่าเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ไฟเขียว 6 ยุทธศาสตร์'ป.ป.ช.' ป้อง-ปราบโกง       เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอร่างยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมกระบวนการดำเนินงาน ด้านการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบใน 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริต และ ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย       นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐแปลงแนวทางและมาตรการตามยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว สู่การปฏิบัติ โดยกำหนดไว้ในแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีและสนับสนุนงบประมาณตามแผนงานบูรณาการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ และให้สำนักงาน ป.ป.ช. รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กยศ. ต่อเวลาปิดบัญชีชำระหนี้ ถึง 31ธันวาคม 59       ผู้จัดการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบขยายเวลามาตรการจูงใจให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้ปิดบัญชี โดยจะลดเบี้ยปรับ 100% ให้กับผู้กู้ยืมที่มีหนี้ค้างชำระและมาชำระหนี้ปิดบัญชีทั้งจำนวน และคืนเงินตอบแทน 3% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่ค้างชำระหนี้และมาชำระหนี้ปิดบัญชีทั้งจำนวนต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จากเดิมที่กำหนดการสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2559 เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมได้ร่วมส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง ครม.ไฟเขียวทบทวนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร       เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทบทวนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2559/2560 รวม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/2560 และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกปีการผลิต 2559/2560 เพื่อจูงใจให้มีการเก็บสต๊อกเพื่อเพิ่มรักษาระดับราคาข้าวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยของประมาณเพิ่มเติมจาก 940 ล้านบาท เป็น 1,306.50 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังมีมติให้ชดเชยความเสียหายให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่น้ำท่วม 3,000 บาทต่อครัวเรือน ว่า มีการอนุมัติแล้ว 3,000 บาทต่อครัวเรือน ที่เดิมให้เพียงไร่ละ 1,000 บาท ปชช.74% เชื่อ'ประยุทธ์'ซื่อสัตย์-ไม่เชื่อแก้ ศก. ได้       สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่องประชาชน “เชื่อใจ" และ “ไม่เชื่อ" อะไร? ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สรุปผลได้ ดังนี้       เมื่อถามว่าสิ่งที่ประชาชน “เชื่อใจ" รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คือ อันดับ 1 ตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 74.36% อันดับ 2 การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น จัดระเบียบสังคม 72.57% อันดับ 3 เป็นรัฐบาลทหารที่ไม่มีนักการเมืองมาร่วม 61.85% อันดับ 4 จะมีการจัดการเลือกตั้ง 60.06% อันดับ 5 การพัฒนาระบบคมนาคม ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน 56.49%       เมื่อถามว่าโดยสิ่งที่ประชาชน “ไม่เชื่อใจ" รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คือ? อันดับ 1 ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ 78.09% อันดับ 2 การสร้างความปรองดองในบ้านเมือง 67.60% อันดับ 3 ความซื่อสัตย์สุจริต 65.73% อันดับ 4 การใช้อำนาจพิเศษ 55.94% และ อันดับ 5 การบริหารงานของรัฐบาล50.35% สนช. รับหลักการร่าง กม. ยาเสพติด       ในการประชุมสภานิติบัญญัติญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ที่มีหลักการและเหตุผลว่า เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันมีบทบัญญัติบางส่วนกำหนดว่าผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติให้โทษประเภท 1,2 ,4 ,5 โดยมียาเสพติดให้โทษเกินปริมาณที่กำหนดให้ถือว่าเป็นเด็ดขาดว่ากระทำเพื่อจำหน่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริงในคดี ดังนั้นจึงควรแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติให้มีลักษณะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสพิสูจน์ความจริงได้       นอกจากนี้ยังปรับปรุงอัตราโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า หรือส่งออกยาเสพติดประเภท 1 ที่กำหนดโทษให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งล้านถึง 5 ล้านบาทหรือประหารชีวิตให้การลงโทษผู้กระทำผิดมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ครม. ได้ขอรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ไปพิจารณา โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เชิญตัวแทนกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้แสดงความเห็นโดยเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นี้ พร้อมให้ข้อสังเกตต่อการร่างกฎหมายต่อไป       ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการวาระแรกวาระแรกด้วยคะแนน 175 งดออกเสียง 4 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาต่อไป 'สนช.' รับหลักการร่างกฎหมาย 'ป.ป.ช'       ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติรับหลักการวาระแรก ด้วยคะแนน 187 เสียง งดออกเสียง 1 เสียงไม่ลงคะแนน 2 เสียง ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... ในเรื่องที่เกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนเกี่ยวกับการรวบรวมหลักฐานของคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบของการทุจริตที่ต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งคดีค้างการพิจารณาของ ป.ป.ช. มีจำนวนกว่าหมื่นคดี จึงควรที่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานไต่สวนและหัวหน้าพนักงานไต่สวน ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานได้ตั้งแต่ชั้นก่อนการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยให้มีอำนาจเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเอกสารหรือหลักฐานหรือบุคคลมาให้ถ้อยคำ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. ตั้งแต่ในชั้นก่อนการไต่สวนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คนให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป ยกฟ้อง 'อดีตผู้ว่า ธปท.' คดีเงินบาทลอยตัว       เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2559 ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนรักษาระดับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้องนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่า ธปท. เป็นจำเลย เรื่องละเมิด จากกรณีออกคำสั่งทำธุรกรรมใช้เงินทุนสำรองไปปกป้องค่าเงินบาท (สวอป) เพื่อปกป้องค่าเงินบาท เมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินบาทลอยตัว ปี 2540 อันเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเรียกค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 186,015,830,720 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าการกระทำของนายเริงชัย ไม่ได้เป็นการกระทำละเมิด และไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1.8 แสนล้านบาท เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงถือว่าผลคดีเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกา ทั้งนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 ให้นายเริงชัย จำเลย ใช้เงิน 185,953,740,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2541 แก่ ธปท. โจทก์ที่ 1 และยกฟ้องกองทุนฯ โจทก์ที่ 2 เนื่องจากไม่มีหน้าที่ทำธุรกรรมค่าเงินบาท ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง