กันยายน 2559 : รัฐบาลแถลงผลงาน 2 ปี ทั้งประเทศดีขึ้น นรม. แถลงประเทศไทยดีขึ้น เดินหน้าสู่แผน ไทยแลนด์ 4.0 2 ปี มีกฎหมายใหม่ 187 ฉบับ เอกฉันท์ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาทโครงการจำนำข้าว งบประมาณรายจ่าย 2560 วงเงิน 2.73 ล้านล้านบาท ปรับ เปลี่ยน เพิ่ม สมาชิก "คสช." ศาลฎีกาฯ ให้ยึดบ้าน อดีต รมว. สมศักดิ์ เป็นของแผ่นดิน "ศาล รธน." วินิจฉัยชี้ร่างฯ แก้ไขของ กรธ. ขัดประชามติ ครม. เห็นชอบแจกเงินเกษตรกรรายย่อย 3,000 บาท กทม." เก็บภาษีปี 59 ทะลุเป้า 7.1 หมื่นล้านบาท ปฏิบัติการ "ประเทศไทยไร้ขยะ" ใน 1 ปี ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. แยกตลาดขายตรงและตลาดแบบตรง ครม. เห็นชอบ "พ.ร.บ.ผังเมือง" ฉบับใหม่ สนช. ถอดถอน "พล.อ.อ.สุกำพล" ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ครม. เห็นชอบ ร่าง กม. พิจารณาคดีลับหลังจำเลย ต่ออายุ VAT 7% อีก 1 ปี ประกาศ"คสช." ยกเลิกขึ้นศาลทหาร เว้นแต่กระทำผิดมาก่อนประกาศ แก้ กม. กองทุน กยศ. เพิ่มประสิทธิภาพการติดตามชำระเงินคืน "ป.ป.ช." ลงมติเอกฉันท์ สร้างอุทยานราชภักดิ์ไร้โกง ให้ศึกษาความคุ้มค่าสร้างรถไฟใต้ดินในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ คนว่างงานเดือน ส.ค. 3.6 แสนคน บัณฑิตไร้งานสูงสุด นายกรัฐมนตรีนำทีมแถลงผลงานรัฐบาล 2 ปี       เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แถลงผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล ว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ “ดีขึ้น” อย่างน่าพอใจในหลายๆ ด้าน เช่น : ด้านเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง “ดีขึ้น 7 อันดับ” จาก อันดับที่ 58 ในปี2557 มาอยู่ที่อันดับที่ 51 ในปีนี้ ด้านความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ “ดีขึ้น 22 อันดับ” จาก อันดับที่ 57 ในปี 2557 เป็นอันดับที่ 25 ในปีนี้ ด้านความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขัน ทางเศรษฐกิจและสังคม มี ผลการประเมินที่น่าสนใจ เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จาก 0.8% ในปี 2557 เป็น 3.2% ในปีนี้       นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันเป็นระยะที่ 2 ของ Road Map คือการเริ่มต้นปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง ปฏิรูปการบริหารราชการ และการจัดทำแผนที่นำทางไปสู่อนาคตตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในเรื่อง การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เร่งผลักดัน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ หรือกลุ่ม S Curve และอุตสาหกรรมอนาคต หรือ New S Curve และการปฏิรูปการเกษตรกรรมโดยใช้องค์ความรู้และ เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลในอนาคตมีภารกิจสำคัญ คือ การเตรียมคนไทยสู่ความเป็นประเทศโลกที่ 1 ตามโมเดล “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วย 10 ภารกิจหลัก เช่น การเร่งพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ, การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต, การสร้างความเข้มแข็งในวิสาหกิจไทย, การบูรณาการ อาเซียน และการเชื่อมโยงไทยสู่ประชาคมโลก รวมทั้งการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านกลไก “ประชารัฐ” ผลงาน สนช. 2 ปี ออก กม. 187 ฉบับ       เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แถลงว่า นับแต่ คสช. เข้ามาในเดือนกันยายน 2557 จนถึงปัจจุบัน กันยายน 2559 เป็นเวลา 2 ปี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ออกกฎหมายทั้งหมด 187 ฉบับ มีอีก 27 ฉบับกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนปัญหาเล็กน้อย คสช. ได้ใช้มาตรา 44 ออกเป็นกฎหมายอีก 104 ฉบับ และอีก 1 ปีนับจากนี้ รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายอื่น ๆ เช่น กฎหมายวิธีการงบประมาณฉบับใหม่ กฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ กฎหมายสรรพสามิต กฎหมายกองทุนกู้ยืมการศึกษา และแก้กฎหมายพื้นฐานอื่นๆ รวมถึงออกกฎหมายตามที่ร่างรัฐธรรมนูญบังคับ หลังประชามติผ่าน อีก 59 ฉบับ       สำหรับ 7 ปีก่อนที่ คสช. จะเข้ามานั้น (2551 – 2557) มีถึง 4 รัฐบาล แต่ออกกฎหมายได้เพียง 120 ฉบับ เฉลี่ยปีละ17 ฉบับ เพราะสถานการณ์ไม่อำนวยให้ทำได้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ชดใช้จำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท       อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แถลงว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ชี้มูลความผิดอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึง 13 ครั้ง ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ละเลยความเสียหายโครงการดังกล่าวจนก่อให้เกิดความเสียหายจริงใน 2 โครงการ คือ โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2555/2556 และปีการผลิต 2556/2557 เป็นเงินความเสียหาย 1.78 แสนล้านบาท นางสาวยิ่งลักษณ์ จะต้องชดใช้จำนวน 20% ของมูลค่าความเสียหาย คิดเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท       หากนางสาวยิ่งลักษณ์ จะคัดค้านมตินี้ สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ แต่หากไม่คัดค้าน ก็จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายต่อไป พ.ร.บ.งบประมาณปี 60 วงเงิน 2.73 ล้านล้านบาท       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีทั้งหมด 59 มาตรา เป็นวงเงินจํานวนรวมทั้งสิ้น 2,733,000,000,000 บาท ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ปรับ เปลี่ยน เพิ่ม คณะ 'คสช.'       เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2559 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 23 กันยายน พุทธศักราช 2558 ข้อ 2 แต่งตั้งให้บุคคลดังต่อไปนี้ ดํารงตําแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลตํารวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเรือเอก ณะ อารีนิจ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลตํารวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็น สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ข้อ 3 ให้สํานักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทําหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ       ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เป็นต้นไป ศาลฎีกาฯสั่งยึดบ้านอดีต รมว. ศึกษาฯ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล       เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ ให้บ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่ปลูกสร้างเมื่อปี 2541 มูลค่า 16 ล้านบาทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ องค์คณะฯ พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้       คดีนี้เป็นไปตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 16 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน กรณีสืบเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเสียงข้างมาก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม2558 ชี้มูลความผิดจากการไต่สวนกรณีการร่ำรวยผิดปกติของนายสมศักดิ์ ซึ่งจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ไม่แสดงบ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่ปลูกสร้าง เมื่อปี 2541และก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี 2544 ไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินในช่วงที่นายสมศักดิ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ศาล รธน. ชี้ร่างฯ แก้ไขของ กรธ. ขัดประชามติ       ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้แก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องคือมาตรา 272 ให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติ และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานั้นไม่ชอบด้วยผลประชามติ จึงให้ กรธ. ดำเนินการแก้ไขตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คือ 1. ผู้มีสิทธิเสนอขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯ จากผู้อยู่ในบัญชี คือ สมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนที่มีทั้งหมดของสองสภา และ 2. กำหนดเวลาและวันเริ่มนับเวลาตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคหนึ่งและวรรคสอง คือ ระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตาม รธน. นี้ ครม.เห็นควรให้แจกเงินเกษตรกรรายย่อย 3,000 บาท       วันที่ 27 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ได้ร่วมลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรที่มีรายได้น้อยให้มีเงินเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรที่ลงทะเบียนฯ และได้รับการตรวจสอบและรับรองเบื้องต้นจากหน่วยงานราชการแล้ว ว่าเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี เป็นเงินคนละ 3,000 บาท และผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินโอนคนละ 1,500 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. แบ่งเป็น 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการปลดเปลื้องหนี้สินให้เกษตรกรรายย่อยที่มีเหตุผิดปกติ โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้สินให้เกษตรกร และ โครงการ ชำระหนี้ดีมีคืนแก่เกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้       ทั้งนี้คาดว่ารวมทุกโครงการแล้ววงเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 ล้านบาท กทม.เก็บภาษีปี 59 ทะลุเป้า 7.1 หมื่นลบ.       ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีของกรุงเทพมหานคร ในปี 2559 ขณะนี้ ณ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2559 สามารถจัดเก็บได้แล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 71,105,714.06530 บาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ 101.58 สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 70,000 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นรายได้ที่ กทม. จัดเก็บเอง จำนวน 15,200 ล้านบาท และรายได้ที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ จำนวน 54,800 ล้านบาท ครม.ดันแผน 'ประเทศไทย ไร้ขยะ'       เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการ "ประเทศไทยไร้ขยะ" ตามแนวทาง "ประชารัฐ" ระยะ 1 ปี (พ.ศ. 2559 - 2560) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลงานให้จังหวัดและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เตรียมออกกฎหมายคุมขายตรง       เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตลาดขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. . ซึ่งมีหลักการที่จะแยกตลาดขายตรงแบบมีการชักชวนบุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่าย โดยตกลงให้ผลประโยชน์ตอบแทนลักษณะแชร์ลูกโซ่ และอาจส่งผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก ออกจากการจำหน่ายสินค้ากับลูกค้าโดยตรง ให้มีการกำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน มีการรับประกันสินค้า และจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล ด้วยทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ห้ามไม่ให้เป็นบุคคลธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ สำหรับสินค้าตลาดตรง คือ การขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ สื่อประเภทต่างๆ ซึ่งรัฐบาลกำลังให้การสนับสนุน จึงเปิดให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดำเนินการได้ จึงไม่ต้องกำหนดเรื่องการจดทะเบียนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้เอสเอ็มอี สินค้าโอทอปเติบโตได้มากขึ้น       บทกำหนดโทษของตลาดขายตรงเนื่องจากกระทบคนจำนวนมาก การกระทำความผิดมีโทษปรับ 20,000 บาทต่อวันตลอดระยะเวลาการฝ่าฝืน ขณะที่บุคคลธรรมดากระทำผิดตลาดแบบตรงมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับสูงสุด 100,000 บาท หรือปรับ 10,000 บาทตลอดระยะเวลากระทำความผิด       หลังกฎหมายประกาศบังคับใช้ให้ผู้ประกอบการเร่งปรับคุณสมบัติให้สอดคล้องภายใน 60 วัน ครม.เห็นชอบ 'พ.ร.บ.ผังเมือง' ฉบับใหม่       เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การผังเมือง โดยยกเลิก พ.ร.บ.ผังเมือง พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดประเภทของผังเมืองออกเป็นผังนโยบาย (ผังประเทศ ผังภาค ผังจังหวัด) และผังปฏิบัติ (ผังเมืองรวม ผังเมืองเฉพาะ) และกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ คณะกรรมการผังเมือง คณะกรรมการผังเมืองจังหวัด และคณะกรรมการบริหารการผังเมืองส่วนท้องถิ่น โดยคณะกรรมการผังเมือง โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานผังเมืองให้ความเห็นชอบผังจังหวัดและผังเมืองรวม เป็นต้น คณะกรรมการผังเมืองจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ       ทั้งนี้ให้ผังเมืองแต่ละประเภทไม่มีอายุการบังคับใช้ แต่ใช้ระบบประเมินผลผังในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี สนช. ถอดถอน "พล.อ.อ.สุกำพล" ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี       เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติด้วยคะแนน 159 ต่อ 27 งดออกเสียง 1 เสียง ถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง กรณีแทรกแซงการทำงานก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการในการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เนื่องจากได้จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) และ(2) รวมถึงขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 ข้อ 15       ผลการลงมติถอดถอนดังกล่าวส่งผลให้ พล.อ.อ.สุกำพล ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือรับตำแหน่งทางราชการ ครม. เห็นชอบกฎหมายใหม่ พิจารณาคดีลับหลังจำเลย       เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีสาระสำคัญ 3 ข้อ ดังนี้ ในชั้นพิจารณาคดีหรือชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หากจำเลยคนใดไม่มีทนายความคอยช่วยเหลือหรือหาทนายไม่ได้ ให้ขอรับการสนับสนุนทนายความจากภาครัฐได้ อนุญาตให้ศาลสามารถพิจารณาไต่สวนลับหลังจำเลยได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีกรณีที่จำเลยไม่อยู่หรือหลบหนีคดี ทำให้การพิจารณาคดีไม่มีความคืบหน้า จนเกิดปัญหาคดีค้างศาลจำนวนมาก นอกจากนั้น ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล โดยมีสาระสำคัญให้ผู้ที่กระทำความผิด ต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ไม่ให้เหมารวมถึงคณะกรรมการบริหารทั้งคณะ เว้นแต่จะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดด้วย ต่ออายุ VAT ที่อัตรา 7% อีก 1 ปี       การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560       คาดว่าการเลื่อนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป 12 เดือนจะทำให้รัฐสูญรายได้ 256,000 ล้านบาท 'คสช.' ยกเลิกคำสั่งขึ้นศาลทหาร       คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งฉบับที่ 55/2559 เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ให้การกระทำความผิดตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 107-112 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 38/2557 คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกัน อาทิ ทำความเกี่ยวกับระเบิด ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 คดี คือ มีคดีระเบิดมีไว้ในความครอบครอง ต้องต้องขึ้นศาลทหาร แต่เมื่อเกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นความผิดเป็นความผิดอาญา ให้ขึ้นศาลยุติธรรม แต่เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวโยงจึงต้องขึ้นศาลทหาร ส่วนประกาศที่ 50/2559 ให้ศาลทหารมีอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด หลังจากประกาศฉบับที่ 55/2559 หากมีผู้กระทำความผิดเกิดขึ้น ให้ดำเนินคดีขึ้นศาลยุติธรรม ส่วนคดีที่เกิดขึ้นก่อนการประกาศฉบับนี้ให้พิจารณาพิพากษาในชั้นศาลทหารจนกว่าจะสิ้นสุดคดี แก้ กม. กยศ. เพิ่มประสิทธิภาพการติดตามเงินยืม       เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ ... ในวาระที่ 1. ซึ่งมีหลักการและเหตุผลว่าเพื่อ ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ปี 2541 โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและสำนักงานขึ้น พร้อมกับจัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการชำระเงินคืนกองทุน เพื่อทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและกำกับดูแลให้การชำระเงินคืนกองทุนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขของคณะกรรมการ โดยให้อธิบดีกรมบัญชีกลาง ทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการ       ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ด้วยคะแนนเห็นด้วย 141 ไม่เห็นด้วย 1 งดออกเสียง 4 พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาจำนวน 15 คน 'ป.ป.ช.' เอกฉันท์ อุทยานราชภักดิ์ ไร้โกง       เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง จากการไต่สวนกรณีก่อสร้างโครงสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติทุกประการ ทั้งจากเอกสารหลักฐาน และพยานปากคำ       เรื่องนี้เป็นไปตามคำร้องของนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ที่ขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้ศึกษาความคุ้มค่ารถไฟใต้ดินเกาะรัตนโกสินทร์       เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี – สำนักงานเขตคลองสาน - ประชาธิปก เพื่อเชื่อมต่อและเพิ่มการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากได้เคยมีมติ ครม. เมื่อปี 2537 ห้ามยุ่งเกี่ยวกับบางพื้นที่ เนื่องจากถือเป็นการบดบังทัศนียภาพในเกาะรัตนโกสินทร์ แต่ ครม. ไม่ได้กำหนดกรอบว่าจะต้องกลับมารายงานที่ประชุม ครม. เมื่อใด บัณฑิตจบใหม่ตกงานมากสุด 1.6 แสนคน       สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยภาวะการทำงานของคนไทยในเดือนสิงหาคม 2559 พบว่า จำนวนผู้ว่างงานในเดือนนี้ยังมีอยู่สูงถึง 360,000 คน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่าการว่างงานจะเริ่มปรับลดลง 17,000 คน จากปีก่อน และลดลงจากเดือนก่อนหน้า 31,000 คน ในจำนวนนี้ผู้ว่างงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นจำนวนสูงสุดถึง 168,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น ประมาณ 11,000 คนจากปีที่ผ่านมา รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ตามลำดับ