มิถุนายน 2559 : สนช. เริ่มการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 2560 สนช. รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 60 สนช. รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับใหม่ ร่าง กม.เด็กและเยาวชนในสถานพินิจ : ยึดหลักนำคนดีกลับสู่สังคม ไทยได้เลื่อนอันดับบัญชีการค้ามนุษย์ สปท. เห็นชอบแผนปฏิรูปคุณภาพการศึกษา คสช. ใช้คำสั่ง ม.44 สั่งเรียนฟรีทุกอย่าง 15 ปี ตั้งแต่อนุบาลถึง ม.6 สนช. เห็นชอบ กม.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ ศาลฎีกา ยืนจำคุก วาสนา-ปริญญา” ผ่านกฎหมายตั้งกระทรวงดิจิทัล’ สปท. ชงรื้อระบบจ่ายเงินอุดหนุนพรรคการเมือง ครม. ไฟเขียว ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สนช. รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 60       เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบให้รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ด้วยคะแนน 189 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ 50 คน แบ่งเป็นตัวแทน สนช. 40 คน และตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) 10 คน แปรญัตติภายใน 15 วัน และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน       ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกรอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 2.733 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 13,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.5 ขณะที่ประมาณการรายได้ไว้ที่ 2.343 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 390,000 ล้านบาท เท่ากับงบประมาณ 2559 โดยงบประมาณรายจ่ายจำนวนดังกล่าว จะเป็นงบลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 คิดเป็นวงเงิน 540,000 ล้านบาท สนช.รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับใหม่       เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติรับหลักการวาระแรก ของร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา จำนวน 17 คน มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 60 วัน โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือเปลี่ยนแปลงจำนวนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จาก 11 คนเหลือเพียง 7 คน โดยเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม ด้านวิศวกรรม กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การคุ้มครองผู้บริโภค การสรรหา กสทช. กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา 7 คน ประกอบด้วย 1. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 2. ประธานศาลฎีกา 3. ประธานศาลปกครองสูงสุด 4. ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 5. ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 6. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ 7. ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการสรรหาต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครเป็น กสทช. ให้ได้จำนวนสองเท่าของจำนวน กสทช. จากนั้นส่งให้วุฒิสภาลงมติคัดเลือกให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันต่อไป ร่าง กม.เด็กและเยาวชนในสถานพินิจ : ยึดหลักนำคนดีกลับสู่สังคม       วันที่ 28 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่าง พ.ร.บ.การบริหาร การแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน รวมถึงมีการกำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจในการกำหนดนโยบายและทิศทางในการแก้ไข และออกกฎระเบียบ อย่างไรก็ตาม กำหนดให้อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีอำนาจกำหนดอำนาจและหน้าที่เจ้าหน้าที่พนักงานกรมพินิจห้ามใช้เครื่องพันธนาการใดๆ กับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานควบคุม เว้นแต่มีความจำเป็น เพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดีกลับสู่สังคม       นอกจากนี้ ครม. ยังได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยกำหนดงานที่มีลักษณะที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์ หรือเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ ได้กำหนดงานที่มีลักษณะงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์ และงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไทยได้เลื่อนอันดับในบัญชีการค้ามนุษย์       เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2559 ที่มีบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง ซึ่งประเทศไทยได้รับการเลื่อนอันดับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่ 2 หรือเทียร์ 2 แสดงว่ารัฐบาลไทยได้ดำเนินความพยายามอย่างมีนัยสำคัญในการขจัดการค้ามนุษย์ แม้ว่ายังไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำสุดอย่างครบถ้วน สปท. เห็นชอบแผนปฏิรูปคุณภาพการศึกษา       เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาเรื่อง การปฏิรูปแผนปฏิรูประบบการประกันคุณภาพการศึกษา ด้วยคะแนน 143 งดออกเสียง 2 คะแนน และให้ส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป       ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้เคยเสนอแผนเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาของระบบประกันคุณภาพการศึกษา ที่มีข้อเสนอแนะให้ชะลอการประกันคุณภาพการศึกษาภายในโดยหน่วยงานต้นสังกัด และการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกรอบที่ 4 ในอีก 2 ปี ไปจนกว่าการพัฒนาระบบคุณภาพการศึกษาจะแล้วเสร็จ ซึ่งระบบประกันคุณภาพการศึกษาสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการประเมินคุณภาพการศึกษาในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ผลการประเมินคุณภาพจริงของการศึกษา และนำผลประเมินไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพ ดังนั้น การประเมินจึงต้องสอดคล้องกับงานที่ทำประจำของบุคลากรและสถานศึกษาโดยไม่สร้างภาระงานเพิ่ม แต่สามารถสร้างการพัฒนางานประจำให้เกิดคุณภาพ และเกณฑ์คุณภาพจะต้องยืดหยุ่น เหมาะสมกับแต่ละระดับและประเภทการศึกษาที่แตกต่างกัน       ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอกตามระบบเดิม จะไม่ช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่ผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื่องจากระบบประกันคุณภาพในปัจจุบันมุ่งเน้นที่การตรวจสอบระบบ กลไก และเอกสารประกอบกระบวนการบริหารจัดการการศึกษามากกว่าการตรวจสอบผลลัพธ์ คือ คุณภาพของผู้เรียน และขัดต่อนโยบายคืนครูให้นักเรียน ทำให้ผู้สอนต้องทิ้งห้องเรียนมาเตรียมเอกสารรับรองการประเมิน ไม่มีเวลาเตรียมการสอน และถูกดึงเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ และผลการประเมินที่ออกมาไม่สะท้อนคุณภาพการศึกษาจริง ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอแผนประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวต่อจากแผนปฏิรูปเร่งด่วน คสช. ใช้ ม.44 สั่งเรียนฟรีทุกอย่าง 15 ปีตั้งแต่อนุบาล       เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ออกคำสั่งที่ 28/2559 เรื่องให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีให้กับเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. 3) หรือเทียบเท่าและให้หมายรวมถึงการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ด้วย โดยค่าใช้จ่ายทางการศึกษานั้น ได้แก่ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน, ค่าอุปกรณ์การเรียน, ค่าเครื่องแบบนักเรียน, ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและค่าใช้จ่ายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ สนช. เห็นชอบ กม.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์       วันที่ 10 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ การให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ให้บริการและส่งเสริมงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมกับมีคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายกแพทยสภา ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 5 คน เป็นกรรมการ       ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนน 148 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ยืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ‘วาสนา-ปริญญา’       วันที่ 3 มิถุนายน 2559 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ อ.1464/2549 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อายุ 67 ปี อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.), นายปริญญา นาคฉัตรีย์ อายุ 68 ปี, นายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคการแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 โดยพลันตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ. 2542 มาตรา 37, 48 จำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549 ให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา, นายปริญญา และนายวีระชัย จำเลยที่ 1-3 คนละ 3 ปี ขณะที่นำสืบจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยระหว่างฎีกาคดีนายวีระชัย จำเลยที่ 3 ได้เสียชีวิตลง ล่าสุดศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน ผ่านฉลุย‘กฎหมายตั้งกระทรวงดิจิทัล’       วันที่ 3 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 122 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ในวาระที่ 3 มีผู้งดออกเสียง 7 เสียง ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะออกมาเพื่อปรับโครงสร้างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเปลี่ยนชื่อเป็น “กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ สำหรับเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) มีทั้งหมด 23 มาตรา มีเนื้อหาสำคัญ คือ ให้เปลี่ยนชื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือกระทรวงไอซีที เป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน ส่งเสริม พัฒนา และดำเนินกิจการเกี่ยวกับดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การอุตุนิยมวิทยา การสถิติ และราชการอื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกระทรวงนี้จะประกอบด้วย สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานสถิติแห่งชาติ สปท. ชง รื้อระบบจ่ายเงินอุดหนุนพรรค       ประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูประบบพรรคการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางปฏิรูประบบพรรคการเมืองว่า อนุ กมธ. ได้ข้อสรุปการปฏิรูประบบพรรคการเมืองเรียบร้อยแล้ว มีสาระสำคัญ คือ การปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมือง มีอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกันอย่างแท้จริง ไม่ถูกครอบงำจากนายทุน โดยมีการเพิ่มเติมเนื้อหาสำคัญคือ การให้สมาชิกพรรคการเมืองชำระค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองรายปี รายละไม่เกิน 200 บาทต่อปี และให้รัฐอุดหนุนเงินเพิ่มเติมแก่พรรคการเมืองอีกครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียม ที่พรรคการเมืองได้รับ เช่น พรรค ก. มีสมาชิกพรรค 1 ล้านคน จะได้ค่าธรรมเนียมจากสมาชิกพรรคคนละ 200 บาท รวมเป็นเงิน 200 ล้านบาท และรัฐก็จะอุดหนุนเงินเพิ่มเติมแก่พรรคการเมืองอีกครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมจากสมาชิกพรรคคือ 100 ล้านบาท รวมแล้วพรรค ก. จะได้เงินอุดหนุนพรรค 300 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมี เพราะจากเดิมการสมัครเป็นสมาชิกพรรคไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่อนุ กมธ. เห็นว่า ควรให้เสียค่าธรรมเนียมเพื่อให้ประชาชนรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง และจะกระตุ้นพรรคการเมืองต้องทำนโยบายที่ดี เพื่อจูงใจให้ประชาชนมาเป็นสมาชิกพรรคมากๆ ส่วนกรณีการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินจ่ายไปจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนบริจาคเงินให้พรรคการเมืองมากขึ้น เหมือนกับการบริจาคเงินให้โรงเรียน วัด ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งอนุ กมธ. จะนำเสนอรายงานการปฏิรูประบบพรรคการเมืองต่อที่ประชุมคณะ กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองในวันที่ 17 มิถุนายน คาดว่าประมาณปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเสนอรายงานปฏิรูประบบพรรคการเมืองต่อที่ประชุม สปท. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ครม.ไฟเขียวร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง       วันที่ 7 มิถุนายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอแทน พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งหลังจากนี้จะนำหลักการดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อกฎหมาย และเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตรวจพิจารณาออกเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งหากไม่มีการปรับแก้ไข คาดว่าจะมีการบังคับใช้ให้ทันภายในเดือนมกราคม 2560       ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ จะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและทำให้เกิดความเป็นธรรมในการเก็บภาษีมากขึ้น รวมถึงท้องถิ่นจะมีเม็ดเงินรายได้ภาษีเข้ามาบริหารจัดการได้มากขึ้น โดยจะมีรายได้เฉลี่ย 64,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ได้ประมาณ 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 99.96 จะไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี และจะไม่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเสียภาษีที่อยู่อาศัยที่เกิน 50 ล้านบาท มีจำนวนเพียง 8,556 หลัง หรือ ร้อยละ 0.04 ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่