ผู้ลงคะแนนเสียงที่มีคุณภาพ จากระนอง ถึง ชุมพร       ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน 2559 สถาบันนโยบายศึกษา ร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ คือ คณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม - คปจ.จังหวัดระนอง และวิทยาลัยชุมชน จ.ระนอง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 และ คปจ.จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 โดยได้รับความร่วมมือและประสานงานในพื้นที่สนับสนุนการทำงานจากสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง คุณนนทวี เขตจำนันท์ จังหวัดระนอง และคุณธวัช คล้ายรุ่ง จังหวัดชุมพร ทำให้การทำงานราบรื่น และผู้เข้าร่วมทุกคนจากทั้งสองพื้นที่ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ คุณยศวดี บุณยเกียรติ มอบของที่ระลึก ให้กับคุณปรีชา หนูน้อย ผอ.วิทยาลัยชุมชนระนอง       โดยที่จังหวัดระนองนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการมาจากวิทยาลัยชุมชน สาขาการเมืองการปกครอง ซึ่ง คุณปรีชา หนูน้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนระนอง ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ และแสดงถึงความตั้งใจที่จะให้นักศึกษาที่มาในครั้งนี้ได้รับความรู้และแสดงทัศนะ ความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมตัวเป็นผู้ที่จะไปลงคะแนนเสียงอย่างมีคุณภาพ เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งนักศึกษาวิทยาลัยชุมชนอยู่กับชุมชน ทำงานในชุมชนจะได้นำความคิด ความรู้ไปพิจารณาเพื่อการเลือกทางการเมืองที่ปกป้องประโยชน์ของชุมชน และทำให้ชุมชนเข้มแข็งให้ได้ คณะวิทยากรถ่ายภาพร่วมกับผู้เข้าร่วมที่ จ.ระนอง คุณทิพย์พร ตันติสุนทร กล่าวแนะนำสถาบันนโยบายศึกษา มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ และความเป็นมาของโครงการ       ส่วนจังหวัดชุมพรนั้น ผู้เข้าร่วมสัมมนามาจากทั้ง กศน.จ.ชุมพร และนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนศรียาภัย และโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ในโอกาสนี้ คุณธวัช คล้ายรุ่ง สมาชิกสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดชุมพร ได้กล่าวต้อนรับและพูดถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชน ซึ่งจะต้องเตรียมตัวให้มีความรู้และความคิด รู้ปัญหาของสังคมประเทศชาติ ไม่เพิกเฉยต่อการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องรู้จักพื้นที่จังหวัดของตัวเอง จะได้รู้ว่าสภาพปัญหา จุดเด่น จุดด้อยของจังหวัดชุมพรคืออะไร ใครจะมาเป็นผู้แทน จึงต้องเข้าใจความต้องการของชาวชุมพรได้ด้วย นักเรียนและนักศึกษาที่มาในวันนี้จึงนับว่าได้รับโอกาสที่ดีที่จะได้ทำงานร่วมกันในการสร้างตัวตนของการเป็นผู้ลงคะแนนเสียงที่มีคุณภาพ เมื่อมีการลงประชามติหรือการเลือกตั้งในอนาคต       วิทยากรสองท่านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ คือ ดร.เชาวนะ ไตรมาศ ที่ปรึกษา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และ คุณสมชาติ เจศรีชัย กรรมการอนุกรรมการและเลขานุการฯ ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งท่านแรกได้เป็นวิทยากรในช่วงเช้า เพื่อให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเมืองในสังคมประชาธิปไตย และพัฒนาการประชาธิปไตยในประเทศไทย ดร.เชาวนะ ไตรมาศ ได้เน้นถึงสิ่งที่ผู้ไปใช้สิทธิทางการเมืองและการเลือกตั้ง พึงพิจารณา 3 ประการ คือ เรื่องแรก พื้นฐานสิทธิประโยชน์ที่จะปูทางอนาคตให้กับเรา คือ เมื่อเป็นนักศึกษา ก็ควรพิจารณาเรื่องการศึกษาซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาของทุกคนให้ได้โอกาสอย่างเสมอภาค ไปจนถึงการพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ และประเทศจะได้อะไร เรื่องที่สอง ให้ดูฐานอำนาจ คือ ดูว่าใครควรที่จะไปเป็นผู้แทนของเรา เขามีภูมิหลัง ความรู้ ความสามารถ ที่จะไปรับผิดชอบดูแลผลประโยชน์ของประเทศหรือของกลุ่มผลประโยชน์กับใคร กลุ่มไหน ต้องศึกษาพินิจพิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ เยาวชนจึงควรติดตามข่าวสารทางการเมืองและสังคมด้วย สัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดย คุณสมชาติ เจศรีชัย นักเรียนเข้าคิวถาม ดร.เชาวนะ ไตรมาศ และถ่ายภาพร่วมกับวิทยากร ที่จังหวัดชุมพร       เรื่องที่สาม คือ อุดมการณ์ ให้พิจารณาดูว่า ผู้ที่เราเลือกเข้าไปเป็นผู้แทนฯ นั้น เขามีอุดมการณ์เพื่อชาติไหม เขาจะไปถึงจุดที่ทำหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะอุดมการณ์เป็นศูนย์รวมของเป้าหมายการปกครอง ไม่ว่าจะคิดแตกต่างกันอย่างไร สุดท้ายก็ต้องมีอุดมการณ์แห่งชาติ คือการสร้างสังคมที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การสร้างสังคมที่มีความสุข สันติ ของทุกคน โดยมีศาสนธรรม และประชาชนร่วมในเส้นทางการสร้างสังคมประชาธิปไตย การจะไปลงคะแนนเสียงครั้งใดจึงพึงคำนึงถึงฐานอำนาจทั้งสามประการนี้ เพื่อสร้างประเทศชาติให้มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ต่อไปได้ คุณสมชาติ เจศรีชัย กับปฏิบัติการกลุ่มที่ จ.ชุมพร       ในขณะที่เรายังไปไม่ถึงประชาธิปไตย ขณะนี้ก็มาเริ่มที่กติกาคือรัฐธรรมนูญ และกำลังจะทำประชามติ เพื่อหาทางจัดรูปแบบสังคมและการเมือง จึงต้องช่วยกันสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยคุณภาพใหม่และสร้างสรรค์ เพราะการเมืองเป็นอย่างไรรัฐธรรมนูญก็จะเป็นอย่างนั้น และในทางกลับกัน รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร การเมืองก็เป็นอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องพิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ซึ่งจะอาศัยรัฐธรรมนูญที่เป็นตัวกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขที่พฤติกรรมของคนในสังคมด้วย ปัญหาของเราจึงปรากฏอยู่ในส่วนของพฤติกรรมด้วย ดังนี้ทุกๆ คนจึงต้องมีส่วนในการปฏิรูปสังคมด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อประโยชน์ของประเทศก่อนอื่นใด การสร้างคุณภาพการเลือกตั้งจึงต้องแก้ที่คุณภาพของผู้ไปใช้สิทธิทางการเมืองและการเลือกตั้งเป็นสำคัญด้วย       เป็นที่น่าสังเกตว่า การบรรยายโดย ดร.เชาวนะ ไตรมาศ ทั้งสองแห่งนั้นนักเรียนและนักศึกษาได้แสดงออกด้วยการตั้งคำถามกันมากโดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพรนั้น มีนักเรียนได้ออกมาเข้าคิวเพื่อตั้งคำถาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้เป็นนักเรียนก็สนใจติดตามเรื่องการเมืองเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่เยาวชนตื่นตัวทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงก่อนวันไปลงประชามติ       ในช่วงบ่าย คุณสมชาติ เจศรีชัย ได้ใช้กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการให้ผู้เข้าร่วมทุกคนได้มีส่วนร่วมตลอดเวลาในการช่วยกันคิดเพื่อพิจารณาลักษณะของการรณรงค์ทางการเมืองและผู้ลงคะแนนเสียงที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นไปอย่างคึกคักและสนุกสนาน       การประชุมกลุ่มได้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่า เยาวชนแสดงทัศนสอดคล้องกันที่ไม่ต้องการเห็นการเมืองแบบเดิมๆ คือ การเลือกตั้งแบบเดิมๆ ที่มีการทุจริตการหาเสียงและซื้อเสียง นักการเมืองไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชน นักการเมืองว่าร้ายผู้สมัครพรรคอื่น โจมตีกันจนสร้างปัญหาวุ่นวายให้กับประเทศ ผู้สมัครไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่มีฐานะ มีชื่อเสียงทางสังคม นักการเมืองไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีคุณธรรม นักการเมืองไม่ทำประโยชน์ให้กับประเทศ แต่ทำให้กับพรรคพวกของตน นักการเมืองคอร์รัปชั่น       การที่จะได้นักการเมืองในอนาคตจึงต้องมีลักษณะตรงกันข้ามจากที่กล่าวมาแล้ว และเมื่อพูดถึงคุณลักษณะในเชิงคุณภาพของผู้ลงคะแนนเสียงนั้น เยาวชนได้สรุปสาระสำคัญดังนี้ คือ ผู้ลงคะแนนเสียงต้องเตรียมตัวในการศึกษาหาข้อมูลทั้งตัวนักการเมืองและพรรคการเมือง โดยศึกษาภูมิหลังและประสบการณ์ทางการเมืองด้วย ติดตามข้อมูลข่าวสารทางการเมือง รู้จักคิดวิเคราะห์และเปรียบเทียบนโยบายแต่ละพรรค รู้จักดูพฤติกรรมการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างความร้าวฉานในสังคม ศึกษาขั้นตอนและวิธีการลงคะแนน ตรวจสอบชื่อในการไปใช้สิทธิให้ถูกต้อง การไปใช้สิทธิเลือกเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัว ร่วมรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิเพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไปลงคะแนนเสียงอย่างอิสระ ไม่ลงคะแนนเสียงตามกระแสสังคมหรือตามผู้อื่น คณะวิทยากรถ่ายภาพร่วมกับนักเรียนที่เข้าร่วมสัมมนาที่ จ.ชุมพร       ทั้งหมดนี้คือเสียงของคนรุ่นใหม่ เยาวชนไทยใน 2 จังหวัด ทั้งที่ระนองและชุมพรในภาคใต้ของประเทศ ซึ่งสะท้อนเสียงให้สังคมได้ตระหนักถึงความคิด ความอ่าน ของพวกเขาที่คิดใหม่และพร้อมที่จะไปโหวตอย่างมีคุณภาพ จากการคิดที่ปราศจากการครอบงำและมีวิจารณญาณที่จะเลือกได้ด้วยตัวของเขาเอง