พฤศจิกายน 2558 : อนุมัติ 911 ล้านช่วยภัยแล้ง ครม.อนุมัติงบช่วยภัยแล้ง 911 ล้านบาท ออก ก.ม. ใหม่คุ้มครองนักโทษหญิงแม่ลูกอ่อน กกต. ฟ้องเรียกค่าเสียหายเลือกตั้ง 697 คดี กว่า 100 ล้านบาท ศาลมีคำพิพากษา 'คุณหญิงจารุวรรณ' ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ครม. ให้ใช้งบกลาง จ่ายค่าโง่คลองด่าน จำคุกตลอดชีวิต 2 อดีตการ์ด นปช. ยิง “เอ็ม 79” ใส่ผู้ชุมนม กปปส. กรธ. มั่นใจ ร่าง รธน. เสร็จตามกำหนด 180 วัน อัยการ สั่งฟ้อง 2 มือบึ้ม ราชประสงค์-ท่าเรือสาทร โจมตี “ปารีส” หลายจุดพร้อมกัน ตายกว่า 150 รฟท.จัดรถไฟฟรี 160 ขบวนต่อวัน อีก 6 เดือน "ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์" ยึดมั่นการจัดตั้ง "ประชาคมอาเซียน" ยืดเวลาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไปอีก 1 ปี ครม. ปลดล็อกข้อจำกัดห้ามตั้งโรงงานบางประเภทในผังเมืองรวม สบน. ไม่กังวลหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เอฟทีเอไทย-ชิลี มีผลใช้ 5 พ.ย. นี้ ชี้ สินค้า 90% ภาษีเหลือ 0% ทันที เงินเฟ้อ ต.ค. ทรุดตัวต่อเนื่อง คาดราคาน้ำมัน-อาหารปีนี้ติดลบ 1% ครม.ไฟเขียวอนุมัติงบช่วยภัยแล้ง       เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบประมาณจำนวน 911 ล้านบาทเพื่อการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี 2558-2559 เงินจำนวนนี้จะใช้เพื่อการสร้างรายได้เพื่อทดแทนในทำนาปรัง โดยการปลูกพืชทดแทน เลี้ยงปศุสัตว์ ทำการประมง และการปรับปรุงพัฒนาดิน นอกจากนี้ยังอนุมัติให้ขยายเวลาการชำระหนี้จำนวนเงิน 216 ล้านบาทออกไปด้วย ประชากรกว่า 385,000 ครัวเรือนจะได้รับความช่วยเหลือจากงบประมาณจำนวนนี้ ออก ก.ม. คุ้มครองนักโทษแม่ลูกอ่อน       เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ พ.ศ. . ที่มีสาระสำคัญด้านมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนสอดคล้องกับข้อกำหนดสหประชาชาติ โดยกำหนดให้กรมราชทัณฑ์ต้องจัดอาหารที่เพียงพอในเวลาเหมาะสมให้แก่ผู้ต้องกักขังหญิงที่ตั้งครรภ์ ทารก เด็ก และมารดาที่ให้นมบุตร และต้องมีแผนการดูแลเด็กที่เกิดจากผู้ถูกกักขังหญิง จัดให้ผู้ต้องกักขังหญิงสามารถให้นมบุตร และมีเวลาดูแลหรืออยู่ร่วมกันกับบุตรตามความเหมาะสม รวมทั้งให้คำแนะนำทางด้านสุขภาพและโภชนาการที่ได้รับการรับรองแก่ผู้ต้องกักขังหญิงที่ตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตรอีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอในเรื่องดังกล่าว กกต. ฟ้องเรียกค่าเสียหายเลือกตั้งท้องถิ่น-ระดับชาติ       เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และผู้สมัครซึ่งกระทำผิดให้ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ ทั้งการเลือกตั้งระดับชาติ และการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ระหว่างปี พ.ศ. 2543–2558 ดำเนินคดีไปแล้ว 697 คดี มีมูลค่าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้รับผิด จำนวนเงินร้อยกว่าล้านบาท ในจำนวนนี้มีทั้งคดีที่ได้รับชำระแล้วและคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ ศาลมีคำพิพากษา 'คุณหญิงจารุวรรณ' ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ       เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษา ในคดีที่คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และ นายคัมภีร์ สมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีจัดงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2546 โดยใช้การจัดสัมมนาบังหน้า เพื่อให้สามารถเบิกงบไปใช้ได้ ทั้งที่ไม่มีการสัมมนาขึ้นจริง ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน 294,440 บาท และถือเป็นการจัดสัมมนาเท็จ เพียงเพื่อหาคนไปร่วมงานกฐินพระราชทานซึ่งตรงกับวันสัมมนาเท่านั้น ซึ่งจำเลยทั้ง 2 ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 พิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ศาลเห็นว่า จำเลยทั้ง 2 เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จึงอนุญาตให้ทนายทำเรื่องขอปล่อยชั่วคราวได้ โดยยื่นหลักทรัพย์คนละ 2 แสนบาท ประกันตัวไป ครม. ให้ใช้งบกลางจ่ายค่าโง่คลองด่าน       เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ใช้งบประมาณกลางประจำปี 2559 เป็นเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินเพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่เอกชนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่มีคำสั่งให้กรมควบคุมมลพิษปฏิบัติตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการชำระเงินค่าจ้างค่าเสียหายรวมดอกเบี้ย จำนวน 4,983,342,383 บาท และเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ จำนวน 31,035,780 เหรียญ ให้แก่ผู้ร้อง คือ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กับพวกรวม 6 คน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด ชำระทั้งหมดภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 คุก 43 ปี 4 เดือน การ์ด นปช. ยิงเอ็ม 79 ใส่ กปปส. ปี 57       เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตสองการ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คือนายณรงค์ศักดิ์พลายอร่าม และนายพีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ ฐานร่วมกันฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน พกพาไปในที่สาธารณะ แต่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 43 ปี 4 เดือน       เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2557 จำเลยทั้งสอง ได้ร่วมกันใช้ปืน เอ็ม 79 ยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม หน้าอาคารชินวัตร 3 แต่โชคดีที่ระเบิดกระเด็นถูกเสาอาคารโดมและต้นไม้ประดับของอาคารได้รับความเสียหายเท่านั้น กรธ. มั่นใจ ร่าง รธน.เสร็จตามกำหนด 180 วัน       เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการทำงาน โดยแบ่งออกเป็น 9 ขั้น ประกอบด้วย       1. ภายในวันที่ 8 มกราคม 2559 กรธ. จะพิจารณาความคิดเห็นของประชาชน และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย เพื่อนำมาร่างแต่ละหมวดให้แล้วเสร็จ       2. ระหว่างวันที่ 11 - 17 มกราคม 2559 จะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อพิจารณาร่างทั้งฉบับให้แล้วเสร็จ โดยยืนยันว่า การออกนอกสถานที่ไปทำงาน ไม่ใช่เพื่อป้องกันการล็อบบี้ แต่ต้องการให้ กรธ. มีสมาธิทำงานได้อย่างเต็มที่       3. ระหว่างวันที่ 18 - 26 มกราคม 2559 จะทบทวนร่างและถ้อยคำ บทเฉพาะกาล ตลอดจนสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับพิมพ์เผยแพร่       4. วันที่ 29 มกราคม 2559 ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้หน่วยงานนำไปเผยแพร่ต่อประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น       5. ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และบุคคลทั่วไป จะต้องส่งความคิดเห็นข้อเสนอแนะต่อ กรธ.       6. ระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม 2559 ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอแนะ       7. ระหว่างวันที่ 21 - 28 มีนาคม 2559 ตรวจสอบความสอดคล้องของถ้อยคำ       8. วันที่ 29 มีนาคม 2559 ร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ และ       9. วันที่ 30 มีนาคม 2559 จะทำพิธีส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญให้รัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่กำหนดให้ กรธ. ต้องยกร่างฯ ภายใน 180 วัน       ทั้งนี้ กรธ. มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถนำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดออกเสียงประชามติได้ในเดือนกรกฎาคม 2559 อัยการ สั่งฟ้อง 2 มือบึ้ม ราชประสงค์-ท่าเรือสาทร       เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 อัยการศาลทหารได้สั่งฟ้องสองผู้ต้องหาคดีระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ได้แก่ นายอาเดม คาราดัก หรือนายบิลาล โมฮัมเหม็ด เป็นจำเลยที่ 1 และนายมีไรลี ยูซุฟู เป็นจำเลยที่ 2 ใน 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร 3. ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5.ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์ของผู้อื่น 6. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 7. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 8. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 9. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 10. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ก่อการร้าย โจมตี “ปารีส” หลายจุดพร้อมกัน       เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 เวลาประมาณ 23.00 น.ตามเวลาในประเทศฝรั่งเศส ได้เกิดเหตุรุนแรงหลายจุดในกรุงปารีส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งปืนกล ปืนไรเฟิล และระเบิด ได้บุกโจมตีสถานที่หลายแห่งทั้งใจกลางและชานกรุงปารีส ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จุดที่ถูกโจมตี ได้แก่ โรงละครบาตาคล็อง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสำนักพิมพ์ชาร์ลี เอ็บโด ที่เคยเกิดเหตุกราดยิงและจับตัวประกันก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เหตุเกิดขณะโรงละครบาตาคล็องกำลังมีการแสดงคอนเสิร์ต โดยคนร้ายได้จับผู้คนในโรงละครหลายสิบคนเป็นตัวประกัน โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายได้ใช้ปืนไรเฟิลจ่อยิงผู้ที่เข้าชมคอนเสิร์ตรายตัวเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที ด้านหน่วยคอมมานโดตัดสินใจบุกจู่โจมท่ามกลางเสียงระเบิดดังขึ้นหลายระลอก และมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตที่จุดนี้นับร้อยศพ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยนักรบญิฮัด 3 คน ถูกหน่วยคอมมานโดสังหาร       ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยืนยันว่า การโจมตีปารีสครั้งนี้เป็นเรื่องของการก่อการร้าย ทั้งนี้ มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการถูกโจมตีครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 150 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 200 ราย ครม.ขยายเวลามาตรการ ลดภาระค่าครองชีพ       ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ให้ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง 30 เมษายน 2559 ภายใต้วงเงินชดเชยทั้งสิ้น 2,103 ล้านบาท สำหรับมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดาจำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง ส่วนมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น 3 เชิงสังคม 164 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในรถ เชิงพาณิชย์ 8 ขบวนต่อวัน ทั้งนี้ มาตรการรถเมล์ รถไฟฟรี ดำเนินการต่ออายุมาตรการมาทั้งสิ้น 18 ครั้ง “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ยืนยันการตั้งประชาคมอาเซียน       เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 ที่ศูนย์การประชุมเคแอลซีซี กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และผู้นำประเทศต่างๆ ในอาเซียน ได้เข้าร่วมพิธีลงนามปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ค.ศ.2015 และปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน ค.ศ. 2025       ทั้งนี้ ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ค.ศ.2015 มีเป้าหมายสำคัญเพื่อประกาศการจัดตั้งประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมอาเซียนที่ยึดมั่นในกฎกติกา โดยมุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและได้รับผลประโยชน์อย่างทั่วถึง สำหรับปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน ค.ศ. 2025 มีสาระสำคัญระบุว่าผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรองวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 และแผนงานประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสา ได้แก่ 1. การเมืองและความมั่นคง 2. เศรษฐกิจ และ 3. สังคมและวัฒนธรรม โดยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนได้ระบุภาพรวมของอาเซียนในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งต้องมีการรวมตัวกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทั้งในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม โดยประชาคมอาเซียนต้องมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขยายระยะเวลาลดภาษีบุคคลธรรมดา       ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ปรับปรุงใหม่เมื่อปี 2556 ต่อไปอีก 1 ปี เป็นสิ้นสุดในปี 2559 ครม. ปลดล็อกข้อจำกัดห้ามตั้งโรงงานบางประเภทในผังเมืองรวม       เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยยกเลิกบัญชีกำหนดประเภทจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวมเมืองชุมชน และจัดทำข้อกำหนดใหม่ที่มีลักษณะยืดหยุ่น เพื่อสามารถรองรับนโยบายหรือยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ และเพื่อให้ยืดหยุ่นต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องพัฒนาในแต่ละพื้นที่ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมนำเสนอ นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายผังเมือง เพื่อปรับแก้ไขการจัดทำผังเมืองของพื้นที่อุตสาหกรรมของประเทศใหม่ ตัวอย่างเช่น พื้นที่เขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่มีการสำรวจและพบว่ามีความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในการจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ 35,000 ไร่ แต่ผังเมืองจำกัดพื้นที่ให้กับภาคอุตสาหกรรมเพียง 20,000 ไร่ ทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมพลังงานไม่สามารถลงทุนได้และ ครม. ขอให้กระทรวงมหาดไทยนำผลการศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่อย่างมีศักยภาพเพื่อรองรับการลงทุน ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้จัดทำรายงานการโซนนิ่งพื้นที่อุตสาหกรรมที่เหมาะสมในแต่จังหวัด รวมทั้งหมด 34 จังหวัด เพื่อนำไปประกอบการวางแผนและจัดทำผังเมืองและ ออกเป็นกฎหมายผังเมืองต่อไป โดยจะได้สอดคล้องนโยบายที่รัฐกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น ทั้งเขตเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับที่รัฐบาลจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและอุตสาหกรรมด้านคลัสเตอร์ (Cluster - คือ กลุ่มของธุรกิจและสถาบันที่เกี่ยวข้อง มารวมตัวดำเนินกิจการอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน มีความร่วมมือเกื้อหนุน เชื่อมโยงและเสริมกิจการซึ่งกันและกันอย่างครบวงจร) สบน. ไม่กังวลหนี้สาธารณะต่อ จีดีพี       สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ระดับหนี้สาธารณะของรัฐบาล ณ สิ้นปีงบประมาณ 2558 อยู่ที่ 42.99% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือ 5.783 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าสิ้นปีงบประมาณ 57 ที่อยู่ 43.53% และยังต่ำกว่า เมื่อเทียบกับคาดการณ์ของ สบน. ช่วงต้นปีงบประมาณ 58 ที่คาดว่าระดับหนี้สาธารณะจะขึ้นไปอยู่ที่ 43.5% โดยสาเหตุที่ระดับหนี้สาธารณะต่ำกว่าคาดการณ์นั้น มาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับวิธีการคำนวณจีดีพีใหม่ ทำให้ขนาดจีดีพีของประเทศขยายใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เมื่อนำหนี้สาธารณะเทียบจีดีพีจึงลดต่ำลง, การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อลงทุนของรัฐวิสาหกิจบางหน่วยงานเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการลงทุนในระบบรถไฟรางคู่และรถไฟฟ้า ที่ตั้งเป้าที่จะเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 58 วงเงิน 400,000 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายได้จริง 370,000 ล้านบาท เอฟทีเอไทย-ชิลี มีผลใช้ 5 พ.ย. สินค้า 90% ลดภาษีเหลือ 0%       ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ชิลี จะมีผลบังคับใช้ทำให้สินค้าชิลีและไทย จำนวน 90% ในรายการสินค้าจะมีภาษีนำเข้าเป็น 0% ส่วนที่เหลืออีก 10% ทั้ง 2 ประเทศ จะทยอยลดภาษีเป็น 0% ภายใน 8 ปี       สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ชิลีจะลดภาษีเป็น 0% ได้แก่ ยานยนต์ ปลากระป๋อง โพลิเมอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์จากยาง อัญมณี เป็นต้น ส่วนสินค้าชิลีที่ไทยนำเข้าได้แก่สินค้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตและไวน์จำนวน 9 รายการ ส่วนในด้านการเปิดตลาดภาคบริการ ไทยจะได้ประโยชน์ จากการที่ชิลีอนุญาตให้คนไทยเข้าไปลงทุนเกือบทุกสาขาบริการ ได้ถึง 100% ข้อตกลงนี้จะช่วยส่งเสริมและขยายมูลค่าการค้าไทยและชิลีได้มากขึ้น เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการไทย ในการเข้าสู่ตลาดอเมริกาใต้มากขึ้นด้วย เงินเฟ้อ ต.ค. ทรุดตัวต่อเนื่อง คาดราคาน้ำมัน-อาหารปีนี้ติดลบ 1%       สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนตุลาคม 2558 ว่า เท่ากับ 106.49 ลดลง 0.77% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2557 ซึ่งติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ในรอบปีนี้ และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2558 สูงขึ้น 0.20% ขณะที่เฉลี่ย 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม) ปี 2558 ลดลง 0.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่เงินเฟ้อติดลบ 0.77% เพราะดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 2.12% สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการสื่อสาร และดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 1.75% สินค้าสำคัญราคาเพิ่มขึ้น เช่น อาหารบริโภคนอกบ้าน ผักสด เป็นต้น