ตุลาคม 2558 : คสช. ตั้ง 21 กรรมการร่าง รธน. “ประยุทธ์” กำชับแม่น้ำ 5 สายทำงานตามโรดแมป เร่งทำความเข้าใจ ปชช. สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้ประธานและรองประธาน แล้ว คสช. ตั้ง 21 กรรมการร่าง รธน. “มีชัย ฤชุพันธุ์” นั่งประธาน มีทหารติดโผ 3 คน "สนช." ลงมติลับ เลือก "เตือนใจ-ชาติชาย" นั่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ป.ป.ช. แถลงผลงานรอบ 9 ปี แฉตัวเลขความเสียหายทุจริตรอบ 3 ปี มติคณะกรรมการสรรหา เลือกกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหม่ ครม. ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ปล่อยกู้มากขึ้น - ลดค่าโอน มติ สนช. 158 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 4 เลือก"นครินทร์"นั่งตุลาการศาล รธน. สำนักนายกฯ ออกระเบียบฟัน จนท. รัฐเอี่ยวค้ามนุษย์ บังคับใช้ทันที ครม. ไฟเขียว มาตรการเพิ่มขีดความสามารถ SME วงเงิน 5.09 พันล้าน คนไทยเแบกหนี้เฉลี่ย 1.6 แสนบาท มี "รายได้" แค่พอยังชีพ ครม.อนุมัติเงินสมทบ กอช. หักภาษีได้ ไต้ฝุ่นมูจีแก เข้าไทย ควันไฟป่าจากสุมาตรา กระทบภาคใต้ไทยด้วย เฮอริเคนถล่มรัฐตอนใต้สหรัฐ เม็กซิโกแล้งจัดก่อนเฮอริเคนแพทริซียเข้า ใต้ฝุ่นคปปุถล่มฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลางอากาศเลวร้าย เหตุโลกร้อนอีก 30 ปี ประสิทธิภาพงานหด “ประยุทธ์” กำชับแม่น้ำ 5 สายทำงานตามโรดแมป       เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมกับคณะรัฐมนตรี ในการทำความเข้าใจและมอบนโยบายการทำงานให้กับแม่น้ำ 5 สาย (คือ แม่น้ำแห่งการปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วย คสช. คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)) โดยมีสภานิติบัญญัติเป็นเจ้าภาพ โดยการประชุมนัดนี้ถือเป็นครั้งแรกของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หลังจากที่ได้เดินหน้าทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำชับให้ สปท. เร่งศึกษาแนวทางการปฏิรูปที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ทำไว้ให้เกิดผล พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า การที่ร่างรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถูกคว่ำ ไม่ใช่ความต้องการของรัฐบาลและ คสช. ที่จะขยายเวลาอยู่ในอำนาจ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้ทำร่าง เพราะเข้าใจว่าคนไทยยังไม่คุ้นชินกับหลักการใหม่ที่เกิดขึ้นในรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ประเด็นส่วนใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย เป็นการอธิบายสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 ของโรดแมป รวมถึงผลงานของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจแนวทางการทำงานตามโรดแมป โดยเฉพาะการทำร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับ การปฏิรูปสร้างความปรองดองให้เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญ การปฏิรูป และการสร้างความปรองดอง ที่จะต้องมีความชัดเจน เพิ่มการรับรู้ให้กับประชาชนให้มากขึ้น เพราะแม่น้ำทั้ง 5 สายมีระยะเวลาในการทำงานตามโรดแมป อีกเพียง 1 ปีครึ่งเท่านั้น สปท. เลือก “ทินพันธุ์” นั่งประธาน ไร้คู่แข่ง       เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ได้มีการประชุมสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นัดแรก ที่รัฐสภา เพื่อเลือกประธานและรองประธาน สปท. สำหรับการประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธาน สปท. ครั้งนี้ มีนายชัย ชิดชอบ สปท. ที่อาวุโสสูงสุด อายุ 87 ปี เป็นประธาน โดยได้เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอชื่อผู้เหมาะสมเป็นประธาน สปท. ซึ่ง พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก เสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ เป็นประธาน สปท. เนื่องจากไม่มีใครเสนอชื่อ สปท.คนอื่นขึ้นมาชิงตำแหน่งประธาน ร.อ.ทินพันธุ์ จึงได้รับเลือกเป็นประธาน สปท. แบบไร้คู่แข่ง จากนั้น พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรองประธาน สปท. คนที่ 1 ด้านนายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ เสนอชื่อ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นรองประธานคนที่ 2 ซึ่งทั้งหมดไม่มีคู่แข่งขัน นายชัย ในฐานะประธานที่ประชุม กล่าวสรุปว่า ร.อ.ทินพันธุ์ ดำรงตำแหน่งประธาน สปท. นายอลงกรณ์ รองประธานฯ คนที่ 1 และ น.ส.วลัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองประธานฯ คนที่ 2       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งลงนามโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวน 200 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิก สปช. ข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมด้วย อาทิ นายกษิต ภิรมย์ และนายวิทยา แก้วภราดัย จากพรรคประชาธิปัตย์ นายชัย ชิดชอบ จากพรรคภูมิใจไทย พล.ต.อ. ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายสุชน ชาลีเครือ จากพรรคเพื่อไทย นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น คสช. ตั้ง 21 กรรมการร่าง รธน.       เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ที่บ้านเกษะโกมล มีการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธาน วาระสำคัญคือการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) รวม 21 คน ก่อนมีมติเป็นเอกฉันท์ตั้ง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน กรธ. นอกจากนี้ ยังมีมติตั้งกรรมการ กรธ. อีก 20 คน ประกอบด้วย       1. นางกีระณา สุมาวงศ์ 2. นางจุรี วิจิตรวาทการ 3. นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ 4. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง 5. นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย 6. นายเธียรชัย ณ นคร 7. นายนรชิต สิงหเสนี 8. พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ 9. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ 10. นายประพันธ์ นัยโกวิท       11. นายภัทระ คำพิทักษ์ 12. นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ 13. พล.ต.วิระ โรจนวาศ 14. นายศุภชัย ยาวะประภาษ 15. นายสุพจน์ ไข่มุกด์ 16. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ 17. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ 18. นายอุดม รัฐอมฤต 19. นายอัชพร จารุจินดา และ 20. พล.อ.อัฏฐพร เจริญพานิช       ทั้งนี้ ภายหลังการนัดประชุม กมธ. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ประชุมได้เลือกนายสุพจน์ ไข่มุกด์ เป็นรองประธาน กรธ. คนที่ 1 และนายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นรองประธานคนที่ 2, นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เป็นเลขานุการคนที่ 1 และนายธนาวัฒน์ สังข์ทอง เป็นเลขานุการคนที่ 2 ส่วนโฆษก กรธ. มี 2 คน คือ นายนรชิต สิงหเสนี และนายอมร วาณิชวิวัฒน์ และได้แต่งตั้งที่ปรึกษา กรธ. 3 คน โดยพิจารณาจากผู้ที่เคยเป็นเลขานุการ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย 1.นายเจษฎ์ โทณวณิก 2.นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และ 3. นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ สนช. มีมติตั้ง 'เตือนใจ-ชาติชาย' เป็น กสม.       เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 2 คน คือ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตเลขามูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา และ นายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดยที่ประชุมได้มีมติลงคะแนนลับ ด้วยวิธีกาบัตรลงคะแนน ซึ่งในที่สุดที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ นางเตือนใจ ด้วยคะแนน 147 ไม่เห็นชอบ 6 ไม่ออกเสียง 4 ส่วน นายชาติชาย เห็นชอบด้วยคะแนน 141 ไม่เห็นชอบ 9 ไม่ออกเสียง 7 ดังนั้นจึงเป็นอันว่า นางเตือนใจ และ นายชาติชาย ได้รับเลือกให้เป็น กสม. ป.ป.ช. แฉตัวเลขทุจริตรอบ 3 ปี ชาติเสียหาย 5 แสนล้าน       เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2558 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลงาน 9 ปี ตั้งแต่ปี 2550-2558 โดย นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การดำเนินงานปราบปรามการทุจริตตั้งแต่ปี 2550-2558 ป.ป.ช. รับเรื่องมาดำเนินการทั้งสิ้น 37,578 เรื่อง ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 26,530 เรื่อง คงเหลือ 11,048 เรื่อง แบ่งเป็นคดีนักการเมืองท้องถิ่น 50% คดีเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ระดับ ผู้อำนวยการขึ้นไป 25% ส่วนที่เหลือเป็นคดีเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่าง องค์กรอิสระ จะเห็นว่ามีคดีนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่นที่ ป.ป.ช. ได้เสนอต่อ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้บรรจุการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และการบังคับใช้กฎหมายเอาผิดนักการเมืองท้องถิ่นไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย ในส่วนคดีทุจริตและการร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้วในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2558 นั้น มีความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 525,117,282,617 บาท จาก 193 คดี แบ่งเป็นมูลค่าความเสียหายปี 2556 จำนวน 34 คดี มูลค่า 24,881,163,350 บาท ปี 2557 จำนวน 63 คดี มูลค่า 332,912, 677,611 บาท และปี 2558 จำนวน 96 คดี มูลค่า 167,323,441,655 บาท ถือเป็นความเสียหายของรัฐอย่างประเมินค่าไม่ได้ แสดงว่า ความรุนแรงของการทุจริตยังคงอยู่ โดยความเสียหายจากคดีทุจริตจำนวน 5 แสนกว่าล้านบาท มาจากคดีจำนำข้าวส่วนหนึ่ง ที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงคลัง ได้สรุปตัวเลขความเสียหายในขณะนั้นออกมา แต่ไม่ใช่ยอดรวมความเสียหายของคดีจำนำข้าวทั้งหมด มติคณะกรรมการสรรหา เลือก 5 ป.ป.ช. ชุดใหม่       เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2558 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีนายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน มีนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ร่วมเป็นกรรมการ (องค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาฯ เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ 12/2558) มีมติเลือก 1. นายวิทยา อาคมพิทักษ์ อดีตกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 2. นางสาวสุวณา สุวรรณจูฑะ ปลัดกระทรวงยุติธรรม 3. พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 4. นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ และ 5. พล.อ. บุณยวัจน์ เครือหงส์ ประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหม่       ทั้งนี้ ตามขั้นตอนคณะกรรมการสรรหาฯ จะต้องส่งรายชื่อดังกล่าวไปให้ สนช. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบประวัติ ก่อนลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ หากให้ความเห็นชอบก็ส่งขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งต่อไป แต่หากไม่เห็นชอบก็ต้องไปเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ตั้งแต่ต้น ครม. ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ       เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อผ่อนปรนมาตรการการซื้ออสังหาริมทรัพย์และเว้นมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ มาตรการอสังหาริมทรัพย์มี 3 มาตรการย่อยในการช่วยเหลือ คือ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ขยายเงื่อนไขการปล่อยกู้ให้มากขึ้น คาดว่าจะมีคนเข้าโครงการ 5,000-6,000 คน และช่วยคนที่ซื้อบ้านที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้นำ 20% ของมูลค่าบ้านไปลดหย่อนภาษีเงินได้เป็นเวลา 5 ปี แต่ต้องซื้อบ้านไม่เกิน 31 ธันวาคม 2558 โดยทั้งนี้จะลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองจาก 2 % และ 1% เหลือ 0.01% โดยไม่กำหนดราคาบ้านที่ซื้อ แต่ต้องซื้อไม่เกิน 19 เมษายน 2559 ส่วนอีกสองมาตรการคือ มาตรการเวนเจอร์ แคปปิตอล (Venture Capital-VC) จะยกเว้นภาษีนิติบุคคล 10 ปี และเว้นภาษีเงินปันผล 10 ปี และมาตรการสุดท้าย คือ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลถาวร 20% จากกำไรสุทธิของธุรกิจทุกประเภท ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ที่ใช้มาตรการดังกล่าวแบบต่ออายุปีต่อปีให้เป็นรูปแบบถาวร เชื่อว่ารัฐจะสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีรวมแล้ว 15,000 ล้านบาท แต่จะได้รายได้จากส่วนอื่นแทน สนช. เห็นชอบ 'นครินทร์ เมฆไตรรัตน์' นั่งตุลาการศาล รธน.       เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ทรงคุณวุฒิ (ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 48/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง) โดย สนช. มีมติเห็นชอบ 158 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ให้ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทน นายเฉลิมพล เอกอุรุ ที่เกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ จะส่งรายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อรอการโปรดเกล้าฯ ต่อไป สำนักนายกฯ ออกระเบียบฟัน จนท.รัฐเอี่ยวค้ามนุษย์ บังคับใช้ทันที       เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ ซึ่งสอดรับการตรวจทิปรีพอร์ต (TIP Report - Trafficking in Persons Report - รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์) ซึ่งรัฐบาลมีแผนในการจัดการปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับหลักเกณฑ์ตามร่าง พ.ร.บ.ฯ ดังกล่าวมี 3 เรื่อง คือ 1. กำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง 2. กำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งในการป้องกันเจ้าหน้าที่ไม่ให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และ 3. การกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดก็ตามที่มีส่วนในการสนับสนุน ช่วยเหลือ จัดหา ให้ทรัพย์สินหรือเป็นธุระ ให้ถือว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์แล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยมาตรการทางบริหารในการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2558 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครม. ไฟเขียว มาตรการเพิ่มขีดความสามารถ SME       เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ประกอบการ โดยจะใช้วงเงินงบประมาณในช่วงปี 2559 วงเงินรวม 5,097 ล้านบาท คิดเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ 97,503 ราย หรือเกือบแสนราย โดย มาตรการดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ SMEs ให้มีศักยภาพ และสามารถส่งต่อเพื่อขอรับการสนับสนุนสินเชื่อต่อสถาบันการเงินได้ทันภายใน เดือน ธันวาคม 2558 เพื่อให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว และมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น. คนไทยเแบกหนี้เฉลี่ย 1.6 แสนบาท       สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนไทย 6 เดือนแรกของปี 2558 จากตัวอย่าง 26,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ มีครัวเรือนไทยมากถึง 49.2% เป็นหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนละ 163,276 บาท ส่วนใหญ่เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือน เช่น หนี้จากการใช้อุปโภคบริโภค การซื้อบ้านหรือที่ดิน หนี้เพื่อการศึกษา และหนี้การลงทุน เช่น หนี้ที่ใช้ทำเกษตร ทำธุรกิจ และหนี้อื่นๆ โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ครัวเรือนทั่วประเทศมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 27,545 บาท       เมื่อเปรียบเทียบรายได้ ค่าใช้จ่าย และหนี้สิน พบว่าตั้งแต่ปี 2549-2558 ครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการยังชีพ โดยรายได้เพิ่มขึ้นจาก 17,787 บาทเป็น 27,545 บาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มจาก 14,311 บาท เป็น 21,818 บาท โดยปี 2558 รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการยังชีพครัวเรือนละ 5,727 บาท หรือ 1,975 บาทต่อคน ซึ่งถูกนำไปใช้ชำระหนี้ เช่น หนี้เพื่อการซื้อบ้าน ที่ดิน หนี้อุปโภคบริโภค ส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้จะเป็นการเก็บออม ครม. อนุมัติเงินสมทบ กอช. หักภาษีได้       เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้สมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยสามารถนำจำนวนเงินที่สมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติไปหักลบกับรายได้เพื่อเสียภาษีน้อยลง หรือบางรายอาจได้รับการยกเว้นภาษี ในกรณีที่มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือเกินไปเล็กน้อย เมื่อนำเงินที่จ่ายสมทบเข้า กอช.มาหักรายได้ ทำให้รายได้อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์จึงไม่ต้องเสียภาษี ส่วนเงินที่สมาชิกสมทบเข้ากองทุนและรัฐบาลสมทบให้ส่วนหนึ่ง เมื่อกองทุนการออมแห่งชาติเอาไปลงทุน มีผลกำไรเกิดขึ้น จะส่งคืนสมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ หรือเสียชีวิต เงินผลกำไรที่ส่งคืนสมาชิกจะไม่ถูกหักภาษี ไต้ฝุ่นมูจีแก เข้าไทย       5 ตุลาคม 2558 พายุใต้ฝุ่นมูจีแกเริ่มเข้าประเทศไทยทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออก ฝนตกหนักใน 32 จังหวัด เกิดน้ำป่าไหลทะลักลงคลองท่วมบ้านเรือนในหลายจังหวัด เอ่อล้นท่วมขังผิวจราจร รถติด ใน กทม. ฝนเริ่มตกตั้งแต่วันที่ 4 เกิดน้ำท่วมขังบนผิวถนนหลายสายทำการจราจรเกือบเป็นอัมพาต ที่หนักสุดคือบนถนนรัชดาภิเษกบริเวณหน้าศาลอาญา กทม. ยืนยันสามารถสูบออกหมดภายใน 3 ชม.       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ไต้ฝุ่นมูจีแกได้พัดเข้าเมืองจางเจียง มณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน บาดเจ็บ 215 คน ก่อนจะอ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวเข้าเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงที่อยู่ติดกัน ควันไฟป่าจากสุมาตรา กระทบภาคใต้ไทยด้วย       รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและพลังงานธรรมชาติของมาเลเซีย เปิดเผยว่าปัญหาหมอกควันไฟป่าในอินโดนีเซียอาจเบาบางลงในช่วงหน้าฝน กลางเดือนพฤศจิกายน ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์วิจัยผืนป่าระหว่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า วิกฤติหมอกควันอาจจะลากยาวไปถึงเดือนธันวาคม หรือเดือนมกราคมปีหน้า เพราะชาวบ้านขยายพื้นที่การเกษตรปลูกไร่ปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นบนเกาะปาปัว รวมถึงเกาะสุมาตราตอนใต้, เกาะกาลิมันตันตอนกลาง และเกาะสุลาเวสี       ในวันที่ 19 ตุลาคม 2558 มีรายงานนักปีนเขาเสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บสาหัส 4 คน ที่เชิงเขาลาวูเพราะไฟป่าบนเกาะชวาที่ยังดำเนินอยู่ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศปิดการเรียนการสอนตามโรงเรียนในหลายพื้นที่หลายครั้ง วิกฤตครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อลิงอุรังอุตังซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์บนเกาะบอร์เนียวทั้งที่อยู่ในป่าและอีกหลายร้อยตัวในศูนย์อนุรักษ์ในจังหวัดกาลิมันตัง เนื่องจากป่าถูกเผาจนลิงล้มป่วยและขาดสารอาหาร       ปัญหาหมอกควันจากไฟป่าเกิดขึ้นทุกปีในอินโดนีเซียเพราะมีการลอบเผาพื้นที่เกษตรเพื่อเตรียมการปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อใช้ในการผลิตกระดาษบนเกาะสุมาตราและเกาะกาลิมันตัน จนไฟลุกลามไปยังป่าพรุก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันมลพิษทางอากาศแก่ประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย สิงคโปร์และไทย และในปีนี้ปัญหาหมอกควันรุนแรงกว่าปีก่อนๆ เพราะปรากฏการณ์เอลนินโญทำให้สภาพอากาศในภูมิภาคร้อนแรงกว่าปกติ จนกระทั่งปลายเดือนตุลาคมจึงเริ่มมีฝนตกในอินโดนีเซีย ปริมาณหมอกควันจึงค่อยๆ ลดลง สถาบันทรัพยากรโลกในสหรัฐฯ แถลงว่าไฟป่าจากอินโดนีเซียปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศต่อวันมากกว่าในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นที่สองของโลก รองจากจีน       ในประเทศไทยหมอกและควันที่ลอยมาทำให้หลายจังหวัดในภาคใต้มีสภาพเป็นเมืองในหมอก ที่รุนแรงที่สุดคือสงขลามีชาวบ้านล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถึงวันละกว่า 300 คน สนามบินหลายแห่งในภาคใต้ต้องปิดทำการชั่วคราวเป็นระยะจนกว่าทัศนวิสัยจะดีขึ้น ทางการต้องเร่งทำฝนหลวงช่วยแก้ปัญหา จนกระทั่งปลายเดือนตุลาคมที่ฝนตก หมอกและควันจึงค่อยลดน้อยลง เฮอริเคนถล่มรัฐตอนใต้สหรัฐ       วันที่ 4 ตุลาคม 2558 พายุเฮอริเคน “ฮัวควิน” ทำให้เกิดฝนตกกระหน่ำในหลายพื้นที่ของรัฐเซาท์แคโรไลนาตลอดสัปดาห์จนทางการสหรัฐฯ ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย สำนักงานพยายากรณ์อากาศแห่งสหรัฐฯ แถลงว่าพายุจะอ่อนกำลังลงมา อยู่ที่ระดับ 2 และจะเคลื่อนผ่านสหรัฐฯ ไปยังเครือรัฐบาฮามาส ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สถานการณ์ฝนตกครั้งนี้หนักที่สุดในรอบ 1,000 ปี ระดับน้ำในแม่น้ำคองการี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของรัฐ เพิ่มสูงขึ้นถึง 8 เมตรในเวลา 12 ชั่วโมง       ในขณะที่ภูมิภาคเฟรนช์ริเวียรา แหล่งท่องเที่ยวทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เผชิญกับฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน ในระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม 2558 เม็กซิโกแล้งจัดก่อนเฮอริเคนแพทริซียเข้า       24 ตุลาคม 2558 พายุเฮอริเคนแพทริเซีย ที่มีความรุนแรงได้พัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกของประเทศเม็กซิโก แต่ต่อมาหลังจากที่พัดปะทะกับแนวเขาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นเพียงพายุดีเปรสชันโซนร้อนความเร็วลมเพียง 56 กม./ชม. และเคลื่อนตัวต่อไปยังตอนกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของแพทริเซียทำให้มีน้ำท่วมถนนและต้นไม้ล้มจำนวนมาก       ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าพายุแพทริเซียน่าจะเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ซีกโลกตะวันตกนับตั้งแต่มีการบันทึกมาในอเมริกา แต่เคราะห์ดีที่พายุแพทริเซียไม่ได้สร้างความเสียหายมากอย่างที่คาด และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้แม้แต่คนเดียว       ก่อนหน้าจะเกิดพายุเฮอริเคนแพทริเซีย ในประเทศเม็กซิโกประสบสภาวะแล้งจัด จนปริมาณน้ำในแม่น้ำกรีฮาลบาในรัฐเชียปาสแทบแห้งขอด ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าปกติ 75 ฟุต ซากโบสถ์เก่าที่สร้างโดยคณะพระสเปนตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เคยถูกน้ำท่วมจนมิดได้โผล่ขึ้นมา โบสถ์นี้มีความยาว 183 ฟุต กว้าง 42 ฟุต กำแพงสูง 30 ฟุต เคยถูกใช้งานเรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 20 จนมีการสร้างอ่างเก็บน้ำเนซาฮวลโคโยตล์ รองรับน้ำจากแม่น้ำกรีฮาลบา ตัวโบสถ์อยู่ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำจึงจมน้ำโดยอัตโนมัติ ใต้ฝุ่นคปปุถล่มฟิลิปปินส์       พายุ “คปปุ” พัดขึ้นฝั่งใกล้เมืองคาชิกูรัน บนเกาะลูซอน ทางภาคเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ด้วยแรงลมเกือบ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเช้าตรู่วันที่ 18 ตุลาคม 2558 ทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ผู้คนหลายพันต้องอพยพหนี้ภัย ระบบการสื่อสารและไฟฟ้าขัดข้องทั่วเกาะลูซอน ถนนและสะพานหลายแห่งใช้การไม่ได้เพราะถูกดินถล่มทับ การโดยสารทางอากาศถูกยกเลิก 30 เที่ยวบิน       เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พายุได้อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อน ยังคงเคลื่อนตัวต่อไปช้าๆ หน่วยงานรับมือภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ประกาศคงคำสั่งเตือนภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองนูเอวา อีซิฮา ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ซึ่งมีหมู่บ้านกว่า 800 แห่ง เสี่ยงต่อเหตุน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทางการฟิลิปปินส์รายงานยอดผู้เสียชีวิตครั้งนี้ 20 คน สูญหายอย่างน้อย 3 คน และมีผู้ได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหามากกว่า 290,000 คน รวมทั้งได้สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ไร่นาการเกษตรที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวหลายแห่ง ตะวันออกกลางอากาศเลวร้าย       ภูมิภาคตะวันออกลางเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2558โดยที่อิสราเอลเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีลูกเห็บขนาดเท่าลูกเบสบอลตกเป็นบริเวณกว้าง ส่วนที่เลบานอนมีพายุฝนพัดกระหน่ำจนขยะที่ยังไม่เก็บปลิวเกลื่อนทั่วท้องถนนทั่วกรุงเบรุต       ขณะที่ประเทศอียิปต์ พายุและลมกรรโชกแรงทำให้สายไฟฟ้าขาดตกใส่ท้องถนนที่น้ำกำลังท่วมที่เมืองท่าอเล็กซานเดรีย ทำให้มีผู้คนถูกไฟช็อตเสียชีวิต 5 ศพ และมีผู้พิพากษา 1 คน จมน้ำตายเพราะติดอยู่ในรถที่ถูกน้ำท่วมมิด เหตุโลกร้อนอีก 30 ปี ประสิทธิภาพงานหด       บริษัทวิจัย เวอริสค์ เมเปิลครอฟต์ ของอังกฤษ เผยแพร่รายงานวิจัยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2558 ชี้ว่า อุณหภูมิและความชื้นที่สูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง จะทำให้มีวัน “ความเครียดจากความร้อน” ที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ “ผลิตภาพ” หรือสมรรถนะในการผลิตลดลง โดยใน 30 ปีข้างหน้าความสามารถด้านการทำงานของผู้คนอาจลดลงถึงร้อยละ 16 เพราะเครียดจากความร้อน ซึ่งอาจทำให้ผู้คนขาดงานมากขึ้น เนื่องจากวิงเวียนศีรษะ เมื่อยล้า คลื่นเหียนอาเจียน หรือถึงขั้นเสียชีวิต       นอกจากนี้ ภายในปี 2588 “ผลิตภาพ” จะลดลงมากที่สุดในสิงคโปร์และมาเลเซียร้อยละ 25 และ 24 ตามลำดับจากระดับปัจจุบัน ส่วนอินโดนีเซียจะลดลงร้อยละ 21 กัมพูชาและฟิลิปปินส์ร้อยละ 16 ไทยและเวียดนามร้อยละ 12 ขณะที่วันความเครียดจากความร้อนในสิงคโปร์และมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นเป็น 364 วัน จากปัจจุบันที่ 335 และ 338 วันตามลำดับ ส่วนอินโดนีเซียจะเพิ่มจาก 303 วัน เป็น 355 วัน ฟิลิปปินส์เพิ่มจาก 276 วัน เป็น 337 วัน