กันยายน 2558 : มติ สปช. ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ "มติ สปช."คว่ำ" ร่างรธน." ข้างมาก 135 : 105 เสียง ครม.อนุมัติเพิ่มอัตรา ข้าราชการ หมื่นกว่าอัตรา นายกฯ ใช้ ม.44 ต่ออายุ 5 ป.ป.ช. ใกล้ครบวาระ ทำหน้าที่ต่อ มติ 6 ต่อ 3 ศาลฎีกาฯยกฟ้อง 'นพดล' คดีเขาพระวิหาร ชี้ดำเนินการโดยชอบ ภาวะเศรษฐกิจ เดือน ส.ค. ส่งออกหด-ท่องเที่ยวขยายตัวต่ำ สศค. หวังมาตรการกระตุ้น ศก.-ส่งออก ดันจีดีพีปีนี้ โตตามเป้า 3% ราชกิจจาฯ ประกาศ คงแวต 7% ต่อ 1 ปี กระตุ้นกำลังซื้อ ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ก.ม.ใหม่ 16 ฉบับ พายุโซนร้อน "หว่ามก๋อ" ถล่มไทย ห้ามทำนาปรัง คาดปีหน้าแล้งหนัก อินโดนีเซียรับ แก้ปัญหาควันไฟไม่คืบ ไต้ฝุ่นตู้เจี้ยนซัดไต้หวันก่อนถล่มจีน "มติสปช."คว่ำ" ร่าง รธน." ข้างมาก 135 : 105 เสียง       วันที่ 6 กันยายน 2558 มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ครั้งที่ 67/2558 เพื่อลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ทั้งฉบับ โดยการลงมติแบบขานชื่อสมาชิก สปช. ทั้ง 247 คน ตามลำดับตัวอักษร เริ่มลงมติในเวลา 10.35 น. ใช้เวลา 45 นาที ปรากฏว่าที่ประชุม สปช. มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 135 เสียง ต่อ 105 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ทั้งนี้ เมื่อสมาชิกมีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หลังจากนี้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ 21 คน มาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 180 วัน ส่วนญัตติเรื่องประเด็นคำถามการทำประชามติของ สปช. ไม่ต้องมีการพิจารณาแล้ว เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สปช. ครม. อนุมัติเพิ่มอัตรา ข้าราชการ หมื่นกว่าอัตรา       เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและกำลังพลภาครัฐ (คปร.) นำเสนอเรื่องเพิ่มอัตราข้าราชการที่ตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการปีงบประมาณ 2558 ทั้งหมด 13,280 อัตรา มีหน่วยงานที่ต้องการเพิ่มอัตราข้าราชการทั้งหมด 7 หน่วยงาน และหน่วยงานที่ขอเพิ่มอัตรามากที่สุด คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยมีการชี้แจงในที่ประชุมว่า การเพิ่มอัตราข้าราชการ 1 คนนั้น รัฐบาลต้องเสียงบประมาณ 25 ล้านบาท ตั้งแต่รับเข้ามาบรรจุเป็นข้าราชการ จนกระทั่งเสียชีวิตหรือเกษียณ นายกฯ ใช้ ม.44 ต่ออายุ 5 ป.ป.ช. ใกล้ครบวาระ ทำหน้าที่ต่อ       เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 28/2558 เรื่อง ให้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ต่อไป นอกจากนี้ยังให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้แก่ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย นายภักดี โพธิศิริ นายวิชา มหาคุณ และ นายวิชัย วิวิตเสวี ที่จะครบวาระการดํารงตําแหน่ง ในวันที่ 21 กันยายน 2558 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ตามมาตรา 12 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ มติ 6 ต่อ 3 ศาลฎีกาฯ ยกฟ้อง 'นพดล' คดีเขาพระวิหาร ชี้ดำเนินการโดยชอบ       เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 และที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีที่ นายนพดล ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย สำหรับคดีดังกล่าว นายนพดล ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยคดีนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ใช่หนังสือสัญญา จึงไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ดังนั้นยังรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และจำเลยยังไม่มีเจตนาทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์ ทั้งนี้ องค์คณะฯ มีเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 สรุปมติว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง จึงพิพากษายกฟ้อง ภาวะเศรษฐกิจ เดือน ส.ค. ส่งออกหด-ท่องเที่ยวขยายตัวต่ำ       เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือนสิงหาคม 2558 กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ การส่งออกสินค้าหดตัวมากขึ้นจากความต้องการจากจีนและอาเซียนที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือนสอดคล้องกับรายได้ครัวเรือนที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้นอกภาคเกษตร และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบาง ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง อัตราการว่างงานทรงตัว โดยแรงงานบางส่วนย้ายกลับเข้าสู่ภาคเกษตรหลังปริมาณน้ำฝนเอื้อต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องตามการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า ในเดือนสิงหาคม 2558 การส่งออกสินค้ายังคงซบเซา สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่หดตัวร้อยละ 9.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วในเกือบทุกหมวดสินค้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวชะลอตัว เพราะเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และความไม่สงบทางการเมืองในมาเลเซียส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อน โดยมีแนวโน้มจะกลับเป็นปกติในอีก 2 - 3 เดือน สศค. หวังมาตรการกระตุ้น ศก.-ส่งออก ดันจีดีพีปีนี้ โตตามเป้า 3%       วันที่ 29 กันยายน 2558 ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 3% ตามเป้านั้น ในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะต้องเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3% หลังจากที่ครึ่งปีแรกเติบโตได้แล้ว 2.9% และต้องอยู่บนเงื่อนไขมูลค่าการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่เหลือ จะต้องทำได้ไม่ต่ำกว่า 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน จึงจะทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้ติดลบไม่มากไปกว่าที่คาดไว้ 4% ทั้งนี้ มาตรการที่ภาครัฐออกมาทั้งหมด จะเป็นมาตรการระยะสั้นที่เข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และผู้มีรายได้น้อย ส่วนมาตรการระยะกลางและระยะยาวนั้นเริ่มเดินเครื่องไปบ้างแล้ว จากการเบิกจ่ายเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เริ่มทำได้อย่าง ถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าปัจจัยนี้จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและระยะยาวได้ ราชกิจจาฯ ประกาศ คงแวต 7% ต่อ 1 ปี กระตุ้นกำลังซื้อ       เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 592) พ.ศ. 2558 ณ วันที่ 14 กันยายน 2558 โดยให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 92/2557 เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 และให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 6.3 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559 และให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 9 เป็นต้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ อย่างไรก็ตาม การประกาศเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 6.3 นั้น ในทางปฏิบัติยังคงเป็นร้อยละ 7 ตามปกติ เนื่องจากต้องเก็บอีกร้อยละ 10 (ร้อยละ 0.7) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขณะที่เมื่อปรับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9 + ร้อยละ 1 ของ อปท. จึงเท่ากับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องเสียอยู่ที่ร้อยละ 10 ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ก.ม.ใหม่ 16 ฉบับ       เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎหมายใหม่ 16 ฉบับซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ดังนี้ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ 2) พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ ในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 27) พ.ศ. 2558 พระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. 2558 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหาร พ.ศ. 2558 กฎกระทรวงกำหนดหน้าที่และเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบก พ.ศ. 2558 พายุโซนร้อน "หว่ามก๋อ" ถล่มไทย       ช่วงเย็นวันที่ 14 – เช้าวันที่ 15 กันยายน 2558 พายุโซนร้อน “หว่ามก๋อ” เคลื่อนตัวมาจากประเทศลาว ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกจังหวัดชลบุรี ระยอง เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้น้ำทะลักท่วมฉับพลัน บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ราบต่ำได้รับความเสียหาย สาเหตุจากน้ำระบายลงทะเลไม่ทัน และมีนํ้าทะเลหนุนขึ้นสูง มีคลื่นลมแรง ชาวประมงต้องงดออกจากฝั่ง ถนนหลายสายมีน้ำท่วมขัง       พื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก ทั้งบ้านเรือน ร้านค้าและรถที่ขนย้ายไม่ทันได้รับความเสียหายจำนวนมาก ถนนสุขุมวิท กม.ที่ 176 เส้นทางสัตหีบ-พัทยา เกิดน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง การจราจรเป็นอัมพาตรถติดยาวเป็นกิโลเมตร ในเขตเมืองพัทยา กรมเจ้าท่าต้องยกธงแดง ห้ามเรือทุกชนิดออกนอกชายฝั่งพร้อมทั้งรีบลำเลียงนักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่ที่เกาะล้าน 500 คนกลับสู่ฝั่งพัทยาอย่างปลอดภัย       ผอ.สถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สาเหตุที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี และตัวเมือง จ.ระยอง เมื่อมีฝนตกลงมาแล้วระบายน้ำได้ช้ามาก เป็นเพราะตัวถนนที่ถูกสร้างให้ยกสูงขึ้นมาก คลองระบายน้ำถูกถม ที่สำคัญขณะนี้เกิดปรากฏการณ์สตอร์มเสิร์ตหรือน้ำทะเลยกตัวสูงมาก ตั้งแต่ชายหาดระยองมาถึงชายหาดพัทยา       ภาคใต้ จ.ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ และสตูล มีน้ำป่าทะลักท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมแม่น้ำ ถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาด เสาไฟฟ้าโค่นล้มทำให้ไฟดับทั้งหมู่บ้าน คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงเจ้าหน้าที่นำธงแดงปักเตือนภัยตลอดแนวชายหาด เรือประมงพื้นบ้านพากันเข้าฝั่งจอดลอยลำจำนวนมาก       ฝนที่ตกหนักติดต่อกันส่งผลให้มีน้ำในเขื่อนต่างๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมาก อาทิ เขื่อนราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา เป็นต้น แต่สถานการณ์นี้เริ่มคลี่คลายและเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่ 19 กันยายน ห้ามทำนาปรัง คาดปีหน้าแล้งหนัก       รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ว่า ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติและออกประกาศให้เกษตรกรงดทำกิจกรรมการเพาะปลูกข้าวในฤดูนาปรังทั้งประเทศ ประมาณ 15 ล้านไร่ ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำคาดว่าสิ้นฤดูฝน 31 ตุลาคม 2558 จะมีปริมาณน้ำกักเก็บไม่เพียงพอที่จะส่งน้ำเพื่อการเกษตร วิกฤติครั้งนี้มีความรุนแรงเกินกว่าที่กระทรวงเกษตรฯ จะดูแล จึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับประเทศขึ้นมาบริหารสถานการณ์นี้       ทั้งนี้ เนื่องจากต้องร่วมกันระดมโครงการต่างๆ ของหน่วยงานมาจ้างงานเกษตรกร เพื่อให้มีรายได้ทดแทนรายได้ที่หายไปจากการเว้นทำนา ทั้งในนาปี 2558 ที่ยังไม่ได้ทำนาประมาณ 8.7 แสนไร่ และนาปรังในช่วง 1 พฤศจิกายน 2558 - 30 เมษายน 2559 ในพื้นที่ชลประทานทั่วประเทศ 15 ล้านไร่ ซึ่งนาปรังปี 2557/2558 กรมชลประทานก็งดส่งน้ำ ชาวนาก็ยังฝืนทำประมาณ 6 ล้านไร่ แต่ในครั้งนี้วิกฤติจริงๆ จะต้องงดโดยสิ้นเชิง ซึ่งเมื่องดปลูกก็อาจจะส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมาก หรือหาอาชีพเสริมให้เกษตรกร เป็นต้น อินโดนีเซียรับ แก้ปัญหาควันไฟไม่คืบ       สำนักงานการบินพลเรือนมาเลเซียสั่งระงับเที่ยวบินเข้าและอพยพออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียประมาณ 20 เที่ยวบิน ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 2558 หลังจากควันไฟจากการเผาพื้นที่การเกษตรบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียลุกลามเข้ามาก่อมลพิษทางอากาศในมาเลเซียและสิงคโปร์ ทำให้เกิดหมอกควันไฟปกคลุมท้องฟ้าหนาแน่น ส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยในการบิน เข้าข่ายเป็นอัตรายต่อสุขภาพ ส่วนรัฐบาลสิงคโปร์สั่งปิดโรงเรียนประถมและมัธยมทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เยาวชนจะได้รับผลกระทบจากควันไฟกรณีที่ต้องเดินทางออกจากบ้านไปโรงเรียน ทั้งยังมีการออกจดหมายเตรียมปรับเงินบริษัทข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการเผาพื้นที่การเกษตรเพิ่มเติมด้วย       โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติในอินโดนีเซีย ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาควันไฟจากการเผาป่าไม่คืบหน้า เพราะยังมีผู้จุดไฟเผาพื้นที่การเกษตรเพื่อเตรียมการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง ประชาชนราว 168,000 คน บนเกาะสุมาตราส่วนใหญ่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ       สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 ได้มีหมอกควันจากไฟป่าประเทศอินโดนีเซียพัดปกคลุมทั่วตัวเมืองสงขลาอย่างหนาแน่นเต็มทั้งตัวเมือง สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณชายหาดสมิหลา และในทะเลก็เต็มไปด้วยหมอกควัน เรือประมงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเดินเรือ เนื่องจากทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำ ในช่วงสายของวันเดียวกันที่จังหวัดกระบี่ ได้มีหมอกควันหนาแน่นเข้ามาปกคลุมภายในเมืองกระบี่ ตามอำเภอชายฝั่งทะเลจำนวนมาก และตามเทือกเขา ทำให้การมองเห็นทิวทัศน์ลดน้อยลง เห็นเพียงภูเขาลางๆ เท่านั้น ซึ่งหมอกควันระดับนี้ยังไม่เป็นอันตราย แต่ก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไต้ฝุ่นตู้เจวียนซัดไต้หวันก่อนถล่มจีน       สำนักข่าวกลางแห่งไต้หวันรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นตู้เจวียนซึ่งพัดกระหน่ำพื้นที่ของไต้หวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงในช่วงค่ำของวันที่ 28 กันยายน 2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย มีผู้บาดเจ็บกว่า 300 ราย และประชาชนไต้หวันอีกกว่า 1.8 ล้านหลังคาเรือน ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้       หลังพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ตู้เจวียน” เคลื่อนออกจากไต้หวันเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ด้วยความเร็วลม 120 กม.ต่อชั่วโมง ทำให้สำนักงานปกครองของมลฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ประกาศห้ามเรือประมงกว่า 30,000 ลำ ออกหาปลาในทะเล และสั่งอพยพประชาชน 160,000 คน ออกจากชุมชนชายฝั่ง สั่งระงับรถไฟ ตลอดจนเที่ยวบินขาเข้าและออกอีกหลายเที่ยว