สิงหาคม 2558 : โปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 3 ครม. ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน งบประมาณปี 59 ผ่านสภาฯ ลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ สนช.แถลงปิดคดีอดีต 248 ส.ส. แก้ รธน. เรื่องที่มา ส.ว.มิชอบ มติศาลฎีกา ไม่ให้อัยการเป็นทนายแก้ต่างกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 51 ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก “ชนม์สวัสดิ์” กรณีทุจริตเลือกตั้ง ภาษีมรดก ประกาศในราชกิจจาฯ แล้ว มีผล 6 เดือนข้างหน้า ส่งออก ก.ค. ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย เอเชียประสบภัยน้ำท่วม ทุบสถิติโลกร้อนสุด ไฟป่าลามสหรัฐฯ ครม. ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน       เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่ทั้ง 19 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ที่โรงพยาบาลศิริราช       สำหรับการแต่งตั้งรัฐมนตรีมีรายนามดังต่อไปนี้ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม งบฯ ปี 59 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาท ผ่านสภาฯ       เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 52/2558 มีมติรับหลักการวาระ 3 ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 184 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ จากงบประมาณที่ตั้งไว้จำนวน 2.72 ล้านล้านบาท ได้มีการปรับลดทั้งสิ้น 20,582 ล้านบาท โดยพิจารณาจากรายการงบประมาณต่างๆ ที่สามารถประหยัดได้ ส่วนหน่วยงานที่มีการปรับลดงบประมาณมากที่สุดคือกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 3,055 ล้านบาท รองลงมากระทรวงคมนาคม ปรับลดจำนวน 2,784 ล้านบาท และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถูกปรับลดจำนวน 2,554 ล้านบาท ส่วนกระทรวงกลาโหม ถูกปรับลดไปทั้งสิ้น 1,257 ล้านบาท ลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์       เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เวลา 18:55 น. ในบริเวณศาลพระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์ มีการก่อวินาศกรรมลอบวางระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 20 ราย และบาดเจ็บอีก 123 ราย ในจำนวนนี้ผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเทียวต่างชาติถึง 14 ราย และผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน       ในวันรุ่งขึ้น 18 สิงหาคม 2558 เวลา 13:30 น. เกิดเหตุระเบิดซ้ำที่โป๊ะท่าน้ำสาทรบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากการตรวจเศษสะเก็ดระเบิดในที่เกิดเหตุทั้งสองแห่ง พบว่ามีลักษณะเหมือนกันทำให้ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่าการก่อวินาศกรรมทั้งสองครั้งจะมีความเชื่อมโยงหรือเป็นการกระทำของคนกลุ่มเดียวกัน       ต่อมาจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียง ตำรวจได้ภาพสองผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้วางระเบิด จึงได้ขยายผลเข้าตรวจค้นที่อพาร์ตเมนท์ย่านหนองจอกในวันที่ 29 สิงหาคม พบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดจำนวนมาก โดยเฉพาะวัตถุที่ตรงกับเหตุระเบิดที่ทั้งสองแห่ง จึงได้นำตัวเจ้าของห้องพักชาวต่างชาติ มาทำการสอบสวน และในวันที่ 30 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจในอาคารห้องเช่าอีกแห่งในเขตมีนบุรี พบสารก่อวัตถุระเบิดจำนวนมากแต่ไม่พบตัวผู้เช่า รู้แต่ว่าเป็นหญิงชาวไทยมีสามีเป็นชาวตุรกี       เหตุระเบิดที่ราชประสงค์ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทยเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มใหญ่สุดในขณะนี้       แม้ในขณะนี้จะยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดอ้างว่าเป็นการกระทำของตนเอง แต่ก็มีข้อสันนิษฐานกันมากมายถึงมูลเหตุจูงใจในการวางระเบิดว่าจะเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายจากนอกประเทศหรือไม่ เนื่องจาก ณ ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดรับว่าผู้ถูกจับกุมถือสัญชาติของตน และหนังสือเดินทางจำนวนมากที่ยึดได้จากห้องพักก็เป็นหนังสือเดินทางปลอม สนช. แถลงปิดคดีสอดีต 248 ส.ส. แก้ รธน. เรื่องที่มา ส.ว. มิชอบ       วันที่ 14 สิงหาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติไม่ถอดถอน 248 อดีต ส.ส. ในกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว. เนื่องจากคะแนนถอดถอนมีไม่ถึง 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ หรือ 132 เสียงขึ้นไป ตามที่กฎหมายกำหนด       เรื่องนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นฝ่ายกล่าวหาว่า อดีต ส.ส. 248 คนดังกล่าว มีความผิดตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 คือ ใช้อำนาจหน้าที่ผิดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. ในวาระ 1-3 ทั้งที่เป็นร่างกฎหมายคนละฉบับกับที่เข้าชื่อเสนอขอแก้ไข โดยร่างรัฐธรรมนูญที่อดีต ส.ส. 248 คน ลงมติทั้งสามวาระเป็นร่างที่นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานวิปรัฐบาล นำมาสับเปลี่ยนกับร่างเดิม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาสาระสำคัญใหม่ เพิ่มเติมมาตรา 6 ที่ให้สมาชิกวุฒิสภาลงสมัครเป็น ส.ว. สองสมัยเข้าไป จนแตกต่างจากเนื้อหาร่างเดิม       ซึ่งก่อนหน้านี้ ในวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ป.ป.ช. ฝ่ายกล่าวหา มีนายวิชัย วิวิตเสวี เป็นผู้แถลงปิดสำนวน ขณะที่ฝ่าย 248 อดีต ส.ส. ผู้ถูกกล่าวหามีเพียงนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียวที่เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยมาแถลงปิดสำนวนด้วยวาจา ขณะที่อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ขอแถลงปิดสำนวนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน มติศาลฎีกาฯ ไม่ให้อัยการเป็นทนายแก้ต่างกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 51       จากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 471 รายนั้น เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีมติด้วยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ว่า พนักงานอัยการไม่มีอำนาจเข้าแก้ต่างในคดีนี้ให้แก่จำเลยทั้ง 4 และสั่งให้จำเลยทั้ง 4 แต่งตั้งทนายความใหม่ เข้ามาดำเนินการกระบวนพิจารณาคดีต่อไป ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก “ชนม์สวัสดิ์” กรณีทุจริตเลือกตั้ง       เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ฟ้องนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ และนายปิติชาติ ไตรสุรัตน์ อดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ กรณีคดีทุจริตเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2542 โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำคุกจำเลยทั้งสอง โดยไม่รอการลงโทษ และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 4 ปี ภาษีมรดก ประกาศในราชกิจจาฯ แล้ว มีผล 6 เดือนข้างหน้า       เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2558 นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา       สำหรับผู้มีหน้าที่เสียภาษี เมื่อได้รับมรดกไม่ว่าจะได้รับมาครั้งเดียว หรือหลายครั้ง หากได้รับจากเจ้าของมรดกแต่ละรายรวมกันแล้วมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จะเสียภาษีร้อยละ 10 ของมูลค่ามรดกในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท แต่หากผู้ได้รับมรดกเป็นบิดา มารดา หรือลูกหลานผู้สืบสันดาน จะเสียภาษีร้อยละ 5 ของมูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี โดยต้องยื่นแบบการเสียภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันที่ได้รับมรดกเกิน 100 ล้านบาท ทั้งนี้ การเสียภาษีมรดกสามารถผ่อนชำระภาษีได้ภายในไม่เกิน 5 ปี หากไม่ยื่นแบบเสียภาษีภายในกำหนด เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีภายใน 10 ปี โดยต้องจ่ายเบี้ยปรับอีก 1 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ หากยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องเสียเบี้ยปรับอีก 0.5 เท่าของเงินภาษีที่ต้องเสียเพิ่ม นอกจากนี้ ยังเปิดให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ชำระภาษีทั้งหมด หากไม่เห็นด้วยกับผลการประเมินภาษี มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ภายใน 30 วัน       สำหรับทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดก ประกอบด้วย 1.อสังหาริมทรัพย์ 2. หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 3. เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนจากสถาบันการเงิน หรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้ 4. ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน 5. ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา ส่งออก ก.ค. ติดลบต่อเนื่องเดือนที่ 7       เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศว่า ในเดือนกรกฎาคม 2558 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 18,223 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 3.56% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ของปีนี้ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,452 ล้านเหรียญฯ ลดลง 12.73% มีดุลการค้าเกินดุล 770 ล้านเหรียญฯ หรือเกินดุล 18,922 ล้านบาท แต่หากไม่รวมสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และทองคำแล้ว มูลค่าการส่งออกจะอยู่ที่ 15,925 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.6% เท่านั้น สำหรับปัจจัยที่ทำให้การส่งออกไทยลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักยังชะลอตัว ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าลดลง ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังลดลงต่อเนื่อง โดยเดือนกรกฎาคมลดลงมากถึง 46.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงอีก เช่นเดียวกับราคาสินค้าเกษตรโลกที่ยังลดลงต่อเนื่อง และการใช้มาตรการลดค่าเงินของประเทศคู่ค้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออก เช่น เงินยูโร ดอลลาร์สหรัฐฯ เงินเยนญี่ปุ่น เงินริงกิตมาเลเซีย ซึ่งล้วนอ่อนค่ามากกว่าเงินบาททั้งสิ้น ทำให้แข่งขันยาก เนื่องจากสินค้าไทยยังแพงอยู่ ประกาศใช้ พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่       เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีการแก้ไขให้ลูกจ้างสามารถจ่ายเงินสะสมในอัตราที่สูงกว่านายจ้างจ่ายเงินสมทบได้ และในกรณีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ใดที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจออกประกาศให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนได้ รวมทั้งเพิ่มกรณีการโอนเงินไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือการชราภาพได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและแก้ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของกองทุนและเพื่อให้ลูกจ้างสามารถออมเงินได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพเมื่อชราภาพ คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย       เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินให้ลงโทษจำคุกกลุ่มอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยกับผู้บริหารบริษัทในเครือของบริษัทกฤษดามหานคร (มหาชน) รวม 25 คนๆ ละ 12-18 ปี พร้อมให้คืนเงินค่าเสียหายรวมกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทให้แก่ธนาคารกรุงไทยผู้เสียหาย       เรื่องนี้เกิดเมื่อปี 2546 ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยบริษัทในเครือของบริษัทกฤษดามหานครได้ทำเรื่องขอกู้เงินกว่า หนึ่งหมื่นล้านบาทจากธนาคารกรุงไทยเพื่อนำไปรีไฟแนนซ์หนี้สินกับสถาบันการเงินอื่น และซื้อที่ดินทำโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม โดยนำที่ดิน 4 พันไร่เป็นหลักทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบแล้วเห็นว่าการปล่อยกู้ไม่ถูกต้องผิดมาตรฐานเนื่องจากบริษัทผู้กู้ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจกำลังอยู่ในบัญชีดำ วงเงินที่ขอกู้เกินมูลค่าหนี้เดิม ถึง 2 พันล้านบาท มีการนำเงินกู้ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และการปล่อยกู้กระทำในเวลารวดเร็ว 3 วัน       จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ คตส. ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องในปี 2555 และได้ดำเนินการต่อจนถึงนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 26 สิงหาคม 2558 เป็นเวลากว่า 9 ปี พบว่าเงินจำนวนหนึ่งมากกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทส่งเข้าบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และเมื่อมีการสอบปากคำกรรมการธนาคารฯ ในภายหลังได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการประชุม ประธานบอร์ดบริหารธนาคารในขณะนั้นบอกกับที่ประชุมว่า “บิ๊กบอส” ให้อนุมัติสินเชื่อจำนวนนี้ จากหลักฐานดังกล่าวจึงทำให้คดีนี้ขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1       ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษ 3 อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยในฐานะกรรมการอนุมัติสินเชื่อในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 จำคุกคนละ 18 ปี และให้ร่วมชดใช้เงินคืนแก่ธนาคาร ส่วนกลุ่มผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่และกรรมการอนุมัติสินเชื่อ และกลุ่มเอกชนที่ขอสินเชื่อให้จำคุกคนละ 12 ปี และให้กลุ่มเอกชนคืนเงินให้ธนาคารกรุงไทย ส่วนจำเลยที่ 1 นั้น ศาลให้พักคดีไว้ชั่วคราวเนื่องจากอยู่ระหว่างการหลบหนีคดี เอเชียประสบภัยน้ำท่วม       ในปลายเดือนกรกฎาคม เกิดพายุฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศเมียนมาร์ ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ รัฐบาลประกาศให้ 4 พื้นที่เสียหายหนักในภาคกลางและตะวันตกเป็นภูมิภาคประสบภัยพิบัติแห่งชาติ น้ำที่ท่วมทำให้ถนนเสียหาย การสัญจรถูกตัดขาด การช่วยเหลือทำได้โดยทางเฮลิคอปเตอร์และทางเรือเท่านั้น ทีมกู้ภัยยังเข้าไปไม่ถึงหลายพื้นที่ กระทรวงเกษตรและชลประทานเมียนมาร์เผยว่า พื้นที่เพาะปลูกซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าวกว่า 970,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายจากการจมน้ำ บางแห่งระดับน้ำสูงถึง 2.5 เมตร มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 200,000 คนใน 14 รัฐทั่วประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิต 47 ราย       ส่วนประเทศในเอเชียอื่นๆ ที่ประสบภัยพิบัติด้วย อาทิ ประเทศอินเดีย มีผู้เสียชีวิตในรัฐทางเหนือและตะวันตก รวมกว่า 120 ราย ปากีสถานมีผู้เสียชีวิต 109 ราย ที่เวียดนาม มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และที่เนปาล 36 ราย       เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2558 พายุไต้ฝุ่นซาเดโลร์ถล่มเกาะไต้หวันด้วยความเร็วลมสูงกว่า 200 กม./ชม. ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอริเคน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ได้รับบาดเจ็บ 379 คน ดินถล่ม ต้นไม้ล้ม สายไฟฟ้าเสียหาย และประชาชน 4 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ รัฐบาลระดมเจ้าหน้าที่จากกองทัพ อพยพประชาชนไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ประชาชนในหลายพื้นที่ประสบกับลมกระโชกแรง รวมไปจนถึงคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าชายฝั่ง       ค่ำวันที่ 8 สิงหาคม พายุไต้ฝุ่นซาเดโลร์ยังได้พัดเข้าจีน ทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนและน้ำท่วมถนนหลายสาย ทางการจีนได้สั่งอพยพประชาชน 250,000 คนออกจากพื้นที่ชายฝั่งของมณฑลฝูเจี้ยนและเจ้อเจียงก่อนที่พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวมาถึง ความรุนแรงของพายุทำให้กระแสไฟฟ้าขัดข้องในพื้นที่ชายฝั่งและพื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต 21 คน และสูญหาย 5 คน       ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นในเมืองฉางลัวะ มณฑลชานสี ทางเหนือของจีน ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยประจำเหมืองแร่ เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยดินถล่ม หลังฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้ดินถล่มทับหอพักแรงงานเหมืองถ่านหิน 15 หลัง และบ้านเรือนประชาชนอีก 3 หลัง ช่วงค่ำ 11 สิงหาคม โดยเจ้าหน้าที่ประเมินว่าอาจมีผู้เสียชีวิตและสูญหายประมาณ 40 ราย แต่ผู้อาศัยใกล้กับที่เกิดเหตุอีกนับร้อยคนอพยพหนีภัยได้ทันเวลา       เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 พายุไต้ฝุ่นโกนี เคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่ง ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ในระหว่างวันที่ 20-23 สิงหาคม ทำให้เกิดน้ำท่วม-ดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย แล้วเคลื่อนที่ีผ่านชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน ซึ่งอิทธิพลของพายุทำให้พื้นที่ทางตะวันออก และตอนเหนือของไต้หวันมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทางการต้องออกคำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลันในที่ราบลุ่ม และทำให้ประชาชนอีกหลายพันคน ในชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน ต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จากนั้นจึงซัดขึ้นฝั่งที่เกาะโอกินาวาทางใต้ของญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมสูงสุดประมาณ 256 กม.ต่อ ชม.ในช่วงค่ำของวันที่ 23 สิงหาคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ได้ออกคำเตือนเรื่องคลื่นลมแรง และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม รวมถึงดินถล่ม       ความรุนแรงของพายุที่ทำให้ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าล้มเอนจำนวนมาก เป็นเหตุให้มีชาวญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน ขณะที่การให้บริการเดินทางโดยเครื่องบินและรถไฟต้องถูกยกเลิก เนื่องจากกระแสลมแรงจัดและมีฝนตกหนัก โดยสำนักอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า พายุไต้ฝุ่นโกนิจะยังคงเคลื่อนตัวไปในทิศทางขึ้นเหนือ โดยจะเคลื่อนตัวถึงตอนกลางของทะเลญี่ปุ่นในเช้าวันพุธที่ 26 สิงหาคม       ที่อาร์เจนตินาในวันที่ 12 สิงหาคม 2558 รัฐบาลอาร์เจนตินาสั่งอพยพประชาชนราว 3,000 คนหนีภัยน้ำท่วมในเมืองลูฮาน ทางตะวันตกของรัฐบัวโนสไอเรส หลังฝนตกกระหน่ำในพื้นที่ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำอาร์เรซีเฟสเพิ่มสูงขึ้นราว 9 เมตร จากระดับปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือสูญหาย ทุบสถิติโลกร้อนสุด       เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอ็นโอเอเอ) เผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยบนบกและพื้นผิวทะเลทั่วโลกที่บันทึกไว้ตลอดเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา สูงถึง 16.61 องศาเซลเซียส ถือเป็นอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในปี 2423 หรือ 135 ปีก่อน นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2558 มีอุณหภูมิเฉลี่ยบนบกและพื้นผิวทะเลสูงขึ้นจากศตวรรษที่ 20 ถึง 0.85 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเก่าของปี 2553 ถึง 0.09 องศาเซลเซียส       นายเจค เคราช์ นักวิทยาศาสตร์ด้านกายภาพของเอ็นโอเอเอ กล่าวว่า มีหลายข้อมูลชี้ว่าโลกจะร้อนขึ้นอีกและปี 2558 จะเป็นปีร้อนที่สุดแน่นอน ขณะที่หลายพื้นที่ทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากในเดือนกรกฎาคม เช่น ทวีปแอฟริกา หลายพื้นที่ของอเมริกาใต้ตอนเหนือ หลายพื้นที่ในยุโรปใต้ เอเชียกลาง และพื้นที่ห่างไกลทางตะวันตกของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิเฉลี่ย เช่น สแกนดิเนเวียตะวันออก รัสเซียตะวันตก เอเชียใต้และตะวันออก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสาเหตุที่อุณหภูมิสูงขึ้น มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนินโญ ซึ่งเกิดจากมวลกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งในปีนี้รุนแรงกว่าปกติ โดยคาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก       ส่วนที่อียิปต์เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2558 กระแสคลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟ ซึ่งปกคลุมพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 60 ราย หลังอุณหภูมิเฉลี่ยในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้อยู่ในวัยเกิน 60 ปี ไฟป่าลามสหรัฐฯ       เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เกิดไฟป่าลุกลามครั้งใหญ่ที่บริเวณรีสอร์ตใกล้ทะเลสาบเมืองชีลัน ในรัฐวอชิงตัน ทำให้โกดังเก็บแอปเปิ้ลเสียหายกว่า 9 แสนกิโลกรัม โดยรัฐวอชิงตันเป็นเพียง 1 ใน 5 รัฐทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า ซึ่งเมืองชีลันไฟได้ไหมพื้นที่ไปกว่า 400 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ 14 สิงหาคม ทำให้ภาคธุรกิจและบ้านเรือนเสียหายไปประมาณ 75 หลัง และประชาชนกว่า 1,500 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ โดยมีการระดมกำลังทหารจำนวน 200 นายเข้าช่วยเหลือนักดับเพลิงและผู้ประสบภัย