กรกฎาคม 2558 : โปรดเกล้าฯ รธน.ชั่วคราวฉบับแก้ไขแล้ว โปรดเกล้าฯ รธน.ชั่วคราวฉบับแก้ไขแล้ว ระงับการสรรหา คกก.ปฏิรูป ก.ม. พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มีผลใช้บังคับแล้ว สนช. รับหลักการ 'พ.ร.บ. กำลังพลสำรอง' ตั้งกรรมการ 3 ฝ่ายร่วมพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ คนไทยใช้น้ำมันไม่ประหยัด ก.ม.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน กระตุ้น ศก.รากหญ้า ครม.เห็นชอบคงแวต 7% ไปอีก 1 ปี มาตรการประหยัดน้ำสู้ภัยแล้ง เมียนมาอ่วมน้ำท่วม พายุโซนร้อน-มรสุม ถล่มฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียภูเขาไฟปะทุอีก ไต้ฝุ่นเข้าญี่ปุ่น เกิดไฟป่าแคลิฟอร์เนีย โปรดเกล้าฯ รธน.ชั่วคราวฉบับแก้ไขแล้ว       เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 โดยสาระสำคัญ ได้มีการแก้ไขในส่วนของคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ สนช. กรรมการอื่น รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากที่ต้องไม่เคยถูกถอดถอนสิทธิเลือกตั้ง แก้ไขเป็นไม่อยู่ในระหว่างการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ยกเว้นกรณีถูกตัดสิทธิ์จากคดีทุจริต การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทำต่อพระรัชทายาทซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือต่อผู้แทนพระองค์ก็ได้ ขยายเวลาการทำงาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จากเดิมอีกไม่เกิน 30 วัน นอกจากนี้ มีการแก้ไขเมื่อ สปช. มีมติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีการนำร่างรัฐธรรมนูญไปทำประชามติ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อ สปช. ลงมติไม่ว่าจะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้ยุบ สปช. พร้อมให้ตั้ง "สภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ" จำนวน 200 คน เพื่อเสนอแนะการปฏิรูป ส่วนกรณีที่ สปช.สิ้นสุดลงโดย กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญยังไม่สิ้นสุด ให้ กมธ.ยกร่างฯ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เว้นแต่จะมีประชามติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในกรณีเช่นนั้น ให้ กมธ.ยกร่างฯ สิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันประกาศผลการออกเสียงทำประชามติ เมื่อ กมธ.ยกร่างฯ 36 คน สิ้นสุดลงไม่ว่ากรณีใด ให้ตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานและกรรมการอื่นไม่เกิน 20 คน เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรับฟังความเห็นประชาชนภายใน 180 วัน เมื่อร่างเสร็จให้ทำประชามติอีกครั้ง       ทั้งนี้ กรณีที่การทำประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้กมธ.ยกร่างฯยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อจัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่จำเป็นต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของ กมธ. ยกร่างฯ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ระงับการสรรหา คกก. ปฏิรูป กม.       เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ ซึ่งอาจวางหลักเกณฑ์หรือกำหนดกลไกที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปกฎหมายไว้แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ก็ได้มีองค์กรที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ รวมถึงด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อ คปก. ชุดเดิมครบวาระไปแล้ว จึงสมควรระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกไว้ก่อน และระหว่างนี้ให้สำนักงาน คปก. สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกฯ มอบหมาย อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มีผลใช้บังคับแล้ว       เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติ การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ มาตรา 7 วรรค สอง การจัดชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และ ศาลจะกระทำมิได้ มาตรา 8 การชุมนุมต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือ ขัดขวางการปฏิบัติงาน หรือ การใช้บริการสถานที่ต่อไปนี้ 1. สถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ 2. ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ และสถานีขนส่งสาธารณะ 3. โรงพยาบาล สถานศึกษา และศาสนสถาน 4. สถานทูต หรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ และสถานที่ทำการองค์กรระหว่างประเทศ 5. สถานที่อื่นๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีประกาศกำหนด และ มาตรา 10 ผู้ใดประสงค์จัดการชุมนุมสาธารณะให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง คือหัวหน้าสถานีตำรวจท้องที่ที่มีการจัดชุมนุมสาธารณะ หรือบุคคลอื่น ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ในมาตรา 27 หากฝ่าฝืนชุมนุมโดยมิชอบ หรือขัดคำสั่งห้ามชุมนุมของเจ้าพนักงาน มีโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 7 และ 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในมาตรา 31 วรรค 2 ถ้าทำให้ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบผลิตกระแสไฟฟ้า และประปา หรือระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ใช้การไม่ได้ชั่วคราว หรือถาวร ผู้จัดการชุมนุมต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การบังคับใช้จะมีผลภายใน 30 วัน ตั้งแต่ที่ประกาศลงราชกิจจาฯ รายละเอียดเพิ่มเติมดูที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/063/19.PDF สนช. รับหลักการ 'พ.ร.บ. กำลังพลสำรอง'       เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบในหลักการของร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง ที่มีหลักการและเหตุผลว่า ที่ผ่านมาต้องใช้การหมุนเวียนกำลังพล เนื่องจากขาดงบประมาณ จึงได้เสนอกฎหมายเพื่อกำหนดประเภทบุคคลที่จะเป็นกำลังพลสำรอง รวมถึงกำหนดหน้าที่ สิทธิในการเข้ารับราชการทหารให้ชัดเจน ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 19 คน นายกฯ ตั้งกรรมการ 3 ฝ่าย ร่วมพิจารณาโรงไฟฟ้ากระบี่       สืบเนื่องจากการที่เครือข่ายป้องกันอันดามันจากถ่านหิน ได้ทำหนังสือลงนามโดย 27,346 บุคคล และอีก 17 องค์กร ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ ต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EIA และ EHIA) หยุดการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือออกไปไม่มีกำหนด และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายฯ ที่ขอเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองก่อนเป็นเวลา 3 ปี โดยใช้พลังงานหมุนเวียนจากน้ำมันปาล์มนั้น       เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรการ 3 ฝ่าย ประกอบด้วยตัวแทนของกระทรวงพลังงานหรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกสภานินิบัญญัติแห่งชาติ และชาวจังหวัดกระบี่       ในระหว่างการพิจารณา กฟผ. จะไม่ลงนามในสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และผลการพิจารณาอาจมีผลบังคับใช้ต่อโครงการนี้       กฟผ. สร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ขึ้นในปี 2507 แรกเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหินลิกไนต์ มีกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ และปิดตัวลงในปี 2538 อีกสองปีต่อมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อตั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงแทนถ่านหิน และมีกำลังการผลิตสูงขึ้นเป็น 340 เมกะวัตต์ ปัจจุบันน้ำมันเตามีราคาสูง โรงไฟฟ้ากระบี่จึงถูกกำหนดให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศ แต่ในแผนงานพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2553-2573 (หรือแผน PDP 2010 ฉบับปรับปรุงที่ 3) กฟผ. วางแผนขยายโรงไฟฟ้ากระบี่ให้มีกำลังการผลิตประมาณ 870 เมกะวัตต์ โดยใช้ถ่านหินสะอาดเป็นเชื้อเพลิง       ผลกระทบทางระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมเริ่มมีมาตั้งแต่โรงไฟฟ้ากระบี่แห่งแรก ซึ่งถึงแม้จะปิดเหมืองถ่านหินไป 32 ปีแล้ว แต่น้ำจากเหมืองยังคงมีน้ำไหลออกอยู่เรื่อยๆ ทำให้แหล่งน้ำและพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณใกล้เคียงเกิดการปนเปื้อน จุดเริ่มต้นของการต่อต้านโรงไฟฟ้าใหม่นี้ เริ่มต้นจากการก่อสร้างท่าเรือเพื่อขนถ่ายถ่านหินที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งท่าเรือดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ปากแม่น้ำกระบี่ อันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะแนวปะการัง พะยูน และหญ้าทะเล การก่อสร้างดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ คนไทยใช้น้ำมันไม่ประหยัด       กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันใน 6 เดือนแรกของปี 2558 (มกราคม-มิถุนายน) ว่า การใช้น้ำมันในภาพรวมปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกชนิด ทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลเป็นผลมาจากทิศทางน้ำมันที่มีราคาถูกลงและในช่วงครึ่งปีหลังจะมีปริมาณการใช้น้ำมันทรงตัว หรือปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนักสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัว 3% ทั้งนี้ การใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยอยู่ที่ 25.77 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 14.04% สาเหตุหนึ่งมาจากผู้ใช้รถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และเอ็นจีวี ได้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่มีราคาถูกลงมากขึ้น รวมถึงปัจจัยจากการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่การใช้แก๊สโซฮอล์เฉลี่ยอยู่ที่ 24.63 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนใหญ่มีอัตราการใช้ที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกชนิด ยกเว้นอี 85 ที่มีการใช้คงที่อยู่ที่ 870,000 ลิตรต่อวัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่มียอดการใช้อยู่ที่ระดับ 900,000 ลิตรต่อวัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ถูกลงทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไม่กังวลในเรื่องราคาจึงเลือกเติมอี 20 มากกว่า ในขณะที่การใช้ดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 61 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2.69% เป็นผลจากราคาที่ถูกลงทำลายสถิติหลายครั้ง รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมีปริมาณเพิ่มขึ้น 4.53% ก.ม.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้       เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 กระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา จัดทำคู่มือเพื่อสร้างความเข้าใจการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 4 สิงหาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างถูกต้อง โดยกฎหมายฉบับใหม่นี้เป็นการให้ความคุ้มครองงานอันมีลิขสิทธิ์ของเจ้าของสิทธิ์ ไม่ให้ผู้อื่นละเมิดได้ โดยเน้นการละเมิดทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมี 8 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1. การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิ และคุ้มครองสิทธิในข้อมูลที่เจ้าของลิขสิทธิ์ใช้บริหารจัดการสิทธิของตนไม่ให้คนอื่นลบหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ชอบ 2. การคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี ที่เจ้าของลิขสิทธิ์นำมาใช้ปกป้องงานลิขสิทธิ์ของตน เพื่อป้องกันการทำซ้ำ หรือการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ 3. การกำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์การทำซ้ำชั่วคราว 4. การเพิ่มเติมเรื่องการกำหนดข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP) 5. การเพิ่มข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์กรณีการจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ 6. เพิ่มเติมเรื่องสิทธิทางศีลธรรมของนักแสดง 7. เพิ่มบทบัญญัติเรื่องค่าเสียหายในเชิงลงโทษ และ 8. กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งริบหรือทำลายสิ่งที่ใช้ในการกระทำละเมิด และสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิของนักแสดง เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน กระตุ้น ศก.รากหญ้า       เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 รัฐบาลได้ให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อัดฉีดเงินทุนในวงเงิน 4 หมื่นล้าน เข้าไปในโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยจะให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี มีระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 5 ปี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุน บรรเทาความเดือดร้อนและการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าโดยตรง ครม.เห็นชอบคงแวต 7% ไปอีก 1 ปี       เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนนี้ ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะย่ำแย่ ทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถเพิ่มแวตขึ้นได้ มาตรการประหยัดน้ำสู้ภัยแล้ง       เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กรมทรัพยากรน้ำเสนอ 9 มาตรการประหยัดน้ำให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติ รวมทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไป โดยมีมาตรการระยะสั้น 9 ข้อ ในการใช้น้ำอย่างประหยัด และมาตรการระยะยาว ให้เร่งปลูกฝังค่านิยมและพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพรู้คุณค่า       ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม สถานการณ์ภัยแล้งยังคงดำเนินต่อเนื่อง แม้จะมีการระดมทำฝนเทียมเพื่อเติมน้ำในเขื่อนอย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 2,000 ครั้ง แต่ปริมาณน้ำที่ต้องปล่อยออกเพื่อรักษาระบบนิเวศและเพื่อการอุปโภคบริโภคยังคงมีปริมาณมากกว่า น้ำฝนที่ตกมีพอที่จะทำให้ผืนดินชุ่มฉ่ำแต่ยังปลูกพืชไม่ได้ ส่งผลให้ต้นข้าวที่ปลูกแล้วยืนต้นตาย และต่อมาพืชสวนอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำด้วย หลายอำเภอประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งและประชาชนเริ่มขาดแคลนน้ำ บ่อบาดาลที่ขุดไปแล้วกว่า 500 บ่อยังไม่เพียงพอ จะต้องขุดเพิ่มอีก 500 เป็น 1,000 บ่อ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า น้ำบาดาลเป็นน้ำที่มีคุณภาพ จะนำมาใช้เพื่อการเกษตรกรรมอย่างเดียวหลายรอบคงไม่ได้ ควรเร่งดำเนินการโครงการแก้มลิงเพื่อเก็บกักน้ำ       ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างต่างๆ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ที่บึงบอระเพ็ดในจังหวัดนครสวรรค์น้ำลดจนเรือไม่สามารถวิ่งได้ ส่งผลให้ขาดแคลนน้ำประปาในบางพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัดชัยนาทลงมาลดต่ำกว่าตลิ่งถึง 3 เมตร ส่งผลแพขนานยนต์ต้องหยุดทำการ เขื่อนอุบลรัตน์จังหวัดขอนแก่น มีน้ำเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง ทำให้มีน้ำต้นทุนเพื่อใช้ได้เพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ในขณะที่เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 2.14 ล้าน ลบ.ม ต่อวัน แต่ต้องระบายออกเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศใต้เขื่อนถึงวันละ 8 ล้าน ลบ.ม ทำให้เหลือน้ำใช้เพียง 259 ล้าน ลบ.ม หรือคิดเป็นเพียง 2.69 เปอร์เซ็นต์ และต่อมาได้ลดลงเหลือเพียงวันละ 7 และ 5 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ       กระทรวงเกษตรฯ ได้ผันงบฯ 160 ล้านบาทจ้างงานชาวนาชดเชยรายได้ช่วงชะลอปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยออกไปอีก 12-18 เดือน       อีกสาเหตุที่โครงการชลประทานกว่า 3,000 โครงการซึ่งเป็นโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วประเทศตื้นเขินแห้งขอดและขาดการดูแล เพราะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้โอนไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแล แต่ไม่ได้มีการพัฒนาระบบส่งน้ำต่อยอด อาจต้องทบทวนนโยบายโอนกลับมาให้หน่วยงานส่วนกลางและภูมิภาคดูแลใหม่       วิกฤติภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงปลาในแหล่งน้ำ การท่องเที่ยวตามแหล่งน้ำ และถนนริมคลองทรุด การที่ไม่มีฝนตกนานถึง 6 เดือนทำให้น้ำในลำคลองแห้งขอด ถนนตามแนวคลองในหลายพื้นที่ เช่นคลองระพีพัฒน์และคลองแยกรังสิตทรุดเป็นแนวยาวจนรถวิ่งไม่ได้ ในบางจุดลึกถึง 3-4 เมตร นับเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเนื่องจากขาดความสมดุลระหว่างน้ำกับถนน       รศ.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ นักวิจัยกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) หน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบการจัดการแหล่งน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลปริมาณน้ำเดือนพฤษภาคม ปี 2557-2558 พบว่ามีระดับน้ำในเขื่อนหลัก ทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เหลืออยู่ร้อยละ 30 ของปริมาณเขื่อน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนตกต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีการใช้น้ำในข้าวนาปรังมากเกินเกณฑ์ เป็นสาเหตุให้ระดับน้ำในเขื่อนต่ำกว่าเกณฑ์ คือร้อยละ 45 ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมปีนี้ กรมชลประทานคาดการณ์ว่าฝนจะตกจึงปล่อยน้ำให้ทำนาไปประมาณ 1,000 ล้าน ลบ.ม. ตามปกติ แต่ฝนกลับล่าช้าจนถึงเดือนมิถุนายนก็ยังไม่ตก จึงเป็นสาเหตุที่น้ำในเขื่อนน้อยเกิดสถาการณ์ขาดแคลนน้ำ       การที่เขื่อนหลักลดปริมาณการปล่อยน้ำลง ทำให้ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองสำแลซึ่งเป็นจุดสูบน้ำทำประปาของการประปานครหลวงมีค่าความเค็มเพิ่มเป็น 0.46 กรัมต่อลิตร สูงกว่าระดับเตือนภัยที่ 0.25 กรัมต่อลิตร จึงต้องหยุดการสูบน้ำเข้าคลองโผงเผงเพื่อใช้ทำน้ำประปา ส่วนจังหวัดปทุมธานีขาดน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาในพื้นที่คลอง 4 -14 อำเภอธัญญบุรีและหนองเสือ การประปาส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้รถขนน้ำไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ชาวบ้านบางกลุ่มได้ร่วมมือกันขุดลอกคลองรังสิตประยูรศักดิ์เพื่อช่วยให้มีน้ำไหล       ที่จังหวัดกำแพงเพชร กลุ่มชาวนาได้เรียกร้องให้เปิดประตูส่งน้ำคลองให้น้ำไหลเข้าพื้นที่เกษตร และขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามชาวนาจะนำเครื่องสูบน้ำ 200 ตัวมาดูดน้ำเอง เจ้าหน้าที่ต้องขอร้องให้ทหารและตำรวจมาดูแลรักษา ความสงบ และต่อมารัฐบาลได้สั่งให้หน่วยทหารในพื้นที่ไปชี้แจงปัญหาและขอความร่วมมือจากเกษตรกร       ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม เริ่มมีฝนตกบ้างในหลายพื้นที่ ลดปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำลงบ้าง แต่ยังคงมีน้ำไหลเข้าในอ่างและเขื่อนต่างๆ ไม่เพียงพอต่อการปล่อยออก ในขณะที่ในบางพื้นที่เกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม น้ำท่วม เช่น ในเขตเทศบาลนครราชสีมา       เมื่อ 50 ปีก่อน ประเทศไทยเคยมีพื้นที่ป่าถึง 171 ล้านไร่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 99 ล้านไร่ การสูญเสียพื้นที่ป่ามีหลายสาเหตุ รวมถึงการขอใช้พื้นที่ป่าอย่างถูกต้องเพื่อกิจการต่างๆ เช่น การชลประทาน สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ระบบคลองส่งน้ำ และอาคารชลประทานต่างๆ รวมไปถึงการปลูกสร้างสวนป่า การเกษตร สถานที่ราชการ ทำเหมืองแร่ สร้างถนน ไฟฟ้า การศึกษา ศาสนา ฯลฯ       สถานการณ์ภัยแล้งทำให้รัฐบาลสั่งทบทวนแผนบริหารจัดการน้ำที่วางไว้ในปี 2557 ใหม่ โดยกำหนดระยะเวลาถึงปี 2569 แบ่งเป็นสองระยะ ระยะแรก 2557-2559 ตั้งเป้าดำเนิน 12 กิจกรรม อาทิ หาแหล่งน้ำเพิ่ม ทำระบบส่งน้ำ ขุดลอกคูคลอง ทำแก้มลิง ขยายอ่างเก็บน้ำให้เพิ่มความจุ ระยะสอง 2560-2569 จะเพิ่มพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ชลประทาน เมียนมาอ่วมน้ำท่วม       กระทรวงสารสนเทศแห่งเมียมา แถลงข่าวพบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย จากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเกิดจากพายุฝนกระหน่ำในฤดูมรสุมเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เมืองมัณฑะเลย์ ทางภาคตะวันตก เมืองทิบอร์และเมืองมูเชในรัฐฉาน ซึ่งอยู่ทางเหนือ แต่คาดว่าสถิติผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่สำนักงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ เผยว่า ประชาชนจาก 12,000 หลังคาเรือนในเมืองสะกายของเมียนมากลายเป็นผู้พลัดถิ่น เพราะบ้านเรือนถูกน้ำท่วมทำลายเสียหาย พายุโซนร้อน-มรสุม ถล่มฟิลิปปินส์       กรมอุตินิยมวิทยาฟิลิปปินส์ รายงานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2558 ว่า พายุโซนร้อน “หลินฟ้า” ซึ่งมีความเร็วลม 58 กม./ชม. และความเร็วลมพัดเข้าสู่ศูนย์กลาง 100 กม./ชม. พัดถล่มพื้นที่ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดน้ำท่วม ดินถล่ม และไฟฟ้าขัดข้องในหลายเมือง ส่งผลให้ทางการต้องสั่งปิดโรงเรียนใกล้กับกรุงมะนิลาหลายแห่งในวันที่ 6 กรกฎาคม ขณะที่การเดินเรือหยุดชะงักชั่วคราว และบางเที่ยวบินต้องยกเลิกไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากพายุลูกนี้       และในวันที่ 19 กรกฎาคม 2558 โฆษกประจำประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ เผยว่า เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์และหน่วยบรรเทาทุกข์เร่งลงพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ประสบภัยน้ำท่วมจากมรสุม ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ รวมทารกอายุ 4 เดือน ที่ถูกินถล่มฝังตายทั้งเป็นที่ จ.ปันกาซินัน และอีกราว 3,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ ไต้ฝุ่นเข้าญี่ปุ่น       พายุโซนร้อน “นังคา”พัดเข้าเกาะชิโกกุเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ด้วยความเร็วลม 198 กม./ชม. ก่อนเคลื่อนตัวเข้าเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น ด้วยความเร็วลมสูงสุดประมาณ 126 กม./ชม. ทำให้ฝนตกกระหน่ำและเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และผู้บาดเจ็บประมาณ 32 ราย โดย 5 ราย อาการสาหัส และพายุยังทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินภายในกว่า 120 เที่ยว รวมทั้งการเดินรถไฟในภูมิภาคด้วย เกิดไฟป่าแคลิฟอร์เนีย       วันที่ 19 กรกฎาคม 2558 เกิดไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เป็นพื้นที่กว่า 500 เอเคอร์ จนต้องสั่งอพยพประชาชนราว 300 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชนใกล้เคียงออกไป