มิถุนายน 2558 : วิกฤติฝนแล้งสุดในรอบ 30 ปี วิกฤติฝนแล้งสุดในรอบ 30 ปี มติ สนช. เห็นชอบ 204 เสียง รับหลักการ วาระ1 ร่างแก้ไข รธน. แล้ว สวนดุสิตโพล เผย ปชช. ค้านกาสิโนถูกกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุด ไฟเขียว กม.สิทธิการตาย ครม. เห็นชอบ กู้เงินสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ผู้ประกอบการกระทบหนักจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 ศก. ขยายตัวไม่ดี คลัง จ่อชง ครม. ไฟเขียว ยืดเวลาคงแวต 7% ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ จราจรอัมพาตหนัก เกาหลีเหนือเจอภัยแล้งสุดใน 100 ปี ปากีสถานตายเกินพันจากคลื่นความร้อน ยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน การขาดแคลนน้ำและการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต วิกฤติฝนแล้งสุดในรอบ 30 ปี       ประเทศไทยประสบสถานการณ์ภัยแล้งมากที่สุดในรอบ 30 ปี ในเดือนมิถุนายน สถานการณ์ทั่วไปยังคงวิกฤติ เนื่องจากมีฝนตกน้อย ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนใหญ่ในประเทศน้อยกว่าปริมาณที่ต้องระบายออกมาเพื่อรักษาระบบนิเวศ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเพาะปลูก ประกอบกับที่ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการระบายน้ำในเขื่อนออกมาจนถึงระดับต่ำสุด       วันที่ 23 มิถุนายน 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร โดยได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี แบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ได้เพาะปลูกไปแล้วประมาณ 2.84 ล้านไร่ ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวระบบจัดการน้ำแบบ “เปียกสลับแห้ง” (การปล่อยน้ำเข้า-ออก ตามระยะเวลาการเติบโตของต้นข้าว) เพื่อลดการใช้น้ำ และหลังจากนั้น ครม. ได้มีมติให้กองทัพบกส่งทหารช่างขุดเจาะน้ำบาดาลในพื้นที่ 8 จังหวัด คือ อ่างทอง, ลพบุรี, สิงห์บุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี, นครสวรรค์, พิษณุโลก และกำแพงเพชร เพื่อช่วยในการเพาะปลูก และแก้ปัญหาภัยแล้งในการทำนาข้าว สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่เพาะปลูกข้าวประมาณ 4.61 ล้านไร่ ได้ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ และการชะลอการเพราะปลูกข้าวนาปีที่จะเริ่มปลูกได้ประมาณปลายเดือนกรกฎาคมที่คาดว่าจะมีฝนตก หรือเมื่อมีปริมาณฝนตกชุกแล้ว เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดินพิจารณาแนวทางเลือกเพื่อกำหนดเป็นมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร อาทิ การปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น เช่น พืชอายุสั้น ซึ่งต้องคำนึงถึงคุณภาพและปริมาณของผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวเป็นสำคัญ และหากจำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยเพื่อช่วยเหลือรายได้แก่เกษตรกร จะพิจารณาผลภายหลังการเก็บเกี่ยวแล้ว รวมทั้งกำหนดมาตรการกรณีที่เกษตรกรไม่สามารถทำการเพาะปลูกข้าวนาปีได้       สำหรับข้าวนาปรัง ซึ่งกรมชลประทานได้ประกาศงดการทำนาปรังในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลอง ไปแล้ว แต่ปรากฏว่ายังมีเกษตรกรในบางพื้นที่ฝ่าฝืนประกาศและทำนาปรังไปกว่า 6 ล้านไร่ ได้ใช้น้ำในเขื่อนหลัก 4 แห่ง ที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของภาคเหนือและลุ่มเจ้าพระยา ทำให้เหลือน้ำในเขื่อนน้อยกว่าแผนที่วางไว้       สำหรับการทำฝนหลวงเพื่อให้ตกในพื้นที่รับน้ำเหนือเขื่อนต่างๆ ปริมาณน้ำฝนที่ตกและปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ก็ยังมีน้อยกว่าความต้องการ จนกระทั่งเกรงว่าจะมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ เนื่องจากต้นทุนน้ำในเขื่อนหลัก 4 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำพอจะใช้ได้อีก 45 วันเท่านั้น จึงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนประหยัดน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคด้วย โดยช่วงปลายเดือนมิถุนายนต่อต้นเดือนกรกฎาคมวิกฤติที่สุด ประมาณสองสัปดาห์ ดังนั้นช่วงนี้ให้ชะลอการปลูกข้าว ไปก่อนจนกว่าฝนจะมา และล่าสุดปริมาณน้ำเขื่อนหลักมีน้ำใช้การเหลือประมาณ 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับทุกกิจกรรม       สาเหตุที่ฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน ก็เพราะปรากฏการณ์แอลนิโญ่ ซึ่งปกติจะมีพายุเข้าประเทศไทยแล้วอย่างต่ำปีละ 2 ลูก แต่ปีนี้จะเกิดยากและจะเลยไปประเทศจีนหมด ทำให้มีปริมาณฝนน้อยจากช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่ฝนผ่านแล้วไปตกขอบประเทศ ไม่ตกกลางลุ่มเจ้าพระยา วัดจากปริมาณฝนภาคเหนือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 55% ภาคกลาง 69% สถานการณ์เช่นนี้ จึงต้องเลื่อนการปลูกข้าวออกไป เพราะอาจขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ และลดการส่งน้ำลงจากที่เคยส่งวันละ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะมีใช้แค่ 20 วัน และค่อยๆ ลดเหลือ 54 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะนี้เหลือ 35 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะมีน้ำใช้อยู่ได้อีกเดือนครึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน โดยยังส่งน้ำให้พื้นที่ปลูกข้าวไปแล้ว 2.8 ล้านไร่ด้วย เพื่อประคับประคองให้ได้ผลผลิต จะใช้วิธีหมุนเวียน สลับเวรการใช้น้ำฝั่งซ้ายฝั่งขวาเจ้าพระยา ทั้งหมด 22 จังหวัด เพราะน้ำชลประทานไม่พอ เช่น ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐมบางส่วน กรุงเทพฯ รอบนอก เช่น มีนบุรี หนองจอก ฉะเชิงเทรา นครนายก สมุทรปราการ สมุทรสาครบางส่วน หากปลูกเต็มพื้นที่ประมาณ 10 ล้านไร่ ต้องใช้น้ำถึง 1.5 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อเดือน มติ สนช. เห็นชอบ 204 เสียง รับหลักการ วาระ1 ร่างแก้ไข รธน. แล้ว       เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสนอ สำหรับประเด็นที่เสนอให้มีการแก้ไข 7 ประเด็น คือ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก สนช. จากเดิมที่เคยกำหนดว่า “ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” เป็น “ไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” การถวายสัตย์ปฏิญาณจากเดิมที่กำหนดว่าจะต้องกระทำต่อหน้าพระพักตร์ เป็น กระทำต่อพระมหากษัตริย์หรือผู้ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้แทนพระองค์ หรือรัชทายาทที่ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ระยะเวลาทำงานของกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่าง จากเดิมให้เวลาพิจารณาคำขอแก้ไขไม่เกิน 60 วัน สามารถขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน ให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ วาระดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาปฏิรูป (สปช.) ทั้ง 250 คน ว่าเมื่อลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่แล้ว ให้มี “กรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป” จำนวน 200 คน ขึ้นมาทำหน้าที่แทน กรณี กมธ. ยกร่างฯ ทั้ง 36 คน สิ้นสุดลง ไม่ว่าจะ สปช. ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรมนูญ หรือประชามติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะมี “กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” มีจำนวน 21 คน ขึ้นมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือน เมื่อแก้ 6 ประเด็นข้างต้น ก็ต้องมีการปรับตัวเลขมาตราให้สอดคล้องกัน       ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช. มีมติรับหลักการ ตามที่ ครม. และ คสช. เสนอ ด้วยเสียงเอกฉันท์ 204 เสียง งดออกเสียง 3 เสียงและไม่มีผู้ไม่เห็นด้วย ก่อนเข้าสู่วาระ 2 การพิจารณาเรียงลำดับรายมาตรา สวนดุสิตโพล เผย ปชช. ค้านกาสิโนถูกกฎหมาย       จากการที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลมีความคิดที่จะตั้งกาสิโน สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 1,363 คน กรณี การเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย อันดับ 1 ไม่เห็นด้วย 45.19% เพราะ ทำให้คนติดการพนัน อยากรวยทางลัด มีหนี้สิน เป็นการ มอมเมาเยาวชน เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ขัดต่อวัฒนธรรมไทย ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น กฎหมายไม่เคร่งครัด ในระยะยาวเกิดผลเสียมากกว่า ฯลฯ อันดับ 2 เห็นด้วย 38.66% เพราะสร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศ สามารถนำเงินไปพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ ได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เกิดการจ้างงาน ธุรกิจอื่นๆ อาจฟื้นตัวและมีผลกำไรที่ดีขึ้น ฯลฯ และอันดับ 3 ไม่แน่ใจ 16.15% เพราะมีทั้งผลดี-ผลเสีย ศาลปกครองสูงสุด ไฟเขียว กม.สิทธิการตาย       เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 องค์คณะศาลปกครองสูงสุด “ยกฟ้อง” ในคดีที่ นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ, พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา และ พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีออก “กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. 2553” โดยอาศัยอำนาจของมาตรา 4 และมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดยศาลให้เหตุผลว่า การออกกฎกระทรวงฯ นี้ มิได้เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และองค์ประกอบอันมีความหมายในการปล่อยให้ผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาเสียชีวิตลงโดยงดเว้นไม่ให้การรักษา หรือการใช้ยาและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างเพื่อยุติชีวิต แต่เป็นการรักษาอย่าประคับประคองเพื่อให้ผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาดังกล่าวตายอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อมิให้ยื้อความตายอย่างสิ้นหวังหรือทำให้ผู้นั้นต้องทรมานจากการเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่หากไม่มีบริการสาธารณะที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยแล้ว ผู้นั้นควรจะตายอย่างธรรมชาติแล้ว โดยให้เหตุผลว่า เนื้อหาสาระของกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ไม่ปรากฏว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และกฎหมายอื่นแต่อย่างใด ครม. เห็นชอบ กู้เงินสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง       เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่องการกู้เงินจากไจก้า เพื่อดำเนินการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 วงเงินกู้ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 20 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.4% ค่าดำเนินการ 0.2% ของเงินกู้ทั้งหมด ปลอดหนี้เป็นระยะเวลา 6 ปี พร้อมยังสั่งการให้กระทรวงคมนาคมชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดและแผนการกู้เงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและอื่นๆ ที่มีการกู้หลายครั้ง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ เป็นความจำเป็น เพราะเป็นเรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งในพื้นที่เมือง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในระยะยาว ผู้ประกอบการกระทบหนักจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300       หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดำเนินการสำรวจ "ทัศนะของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2559" โดยสำรวจจากผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทั้งภาคการค้า บริการ การผลิต และภาคการเกษตร พบว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ในปีที่ผ่านมานั้น ธุรกิจจำนวนถึง 95.4% ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดังกล่าวทุกรายการที่สำรวจ เช่น ต้นทุน ผลกำไร การลดการจ้างงาน การขาดสภาพคล่อง ความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น จากการสอบถาม ผู้ประกอบการในต่างจังหวัด พบว่า แม้ว่าการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท จะทำให้ลูกจ้างได้รับรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และทำให้แรงงานไม่ต้องไปทำงานนอกพื้นที่ แต่ก็มีปัญหาในเรื่องค่าแรงที่ไม่เป็นธรรมสำหรับแรงงานที่มีฝีมือและ ประสบการณ์ รวมทั้งแรงงานต่างด้าวจะได้รับประโยชน์จากอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นแทนที่จะเป็นแรงงานไทย นอกจากนั้น แรงงานเองอาจจะได้รับค่าล่วงเวลาน้อยลง โดยให้มีการปฏิบัติงานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ท้ายที่สุดธุรกิจจะเริ่มหันไปใช้เครื่องจักรเพิ่มขึ้นมากกว่าแรงงาน ซึ่งอาจทำให้แรงงานตกงานได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานยืนยันว่า จะไม่มีมติยกเลิกอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และยังไม่มีความคิดให้นำระบบค่าจ้างลอยตัวมาใช้แต่อย่างใด ศก. ขยายตัวไม่ดี คลัง จ่อชง ครม. ไฟเขียว ยืดเวลาคงแวต 7%       กรมสรรพากร เปิดเผยถึงภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในเดือนมิถุนายน 2558 ว่า แม้จะสูงกว่าเป้าหมายหลายหมื่นล้านบาท อันเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีปิโตรเลียม และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคที่ขยายตัวดีขึ้น การจัดเก็บภาษีนิติบุคคลในปีนี้จะต่ำกว่าประมาณการแน่นอน เนื่องจากปีที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ไม่ดี จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการของนิติบุคคล แต่คาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล น่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นใน ปี 2559       สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนพฤษภาคม 2558 มีมูลค่าการส่งออก 18,428.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.01% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ของปีนี้ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,012.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 19.97% เป็นการติดลบสูงสุดในรอบ 5 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 แต่ยังได้ดุลการค้ามูลค่า 2,416.8 ล้านเหรียญฯ หรือ 71,567 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกยังคงมาจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าที่ยังชะลอตัว โดยเฉพาะอียู ญี่ปุ่น และอาเซียน ยกเว้นสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การนำเข้าของประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงลดลง ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ จราจรอัมพาตหนัก       วันที่ 8 มิถุนายน 2558 เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 02.00 น. จนถึงเช้ามืด ทำให้น้ำท่วมขังผิวจราจรในพื้นที่ทั่ว กทม. และปริมณฑล ส่งผลให้การจราจรเร่งด่วนในช่วงเช้าติดขัดยาวเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร บางโรงเรียนต้องประกาศหยุดการเรียนการสอน       ปลัด กทม. เผยว่า จากกรณีดังกล่าววัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 141 มิลลิเมตร ที่บริเวณถนนพระราม 4 และอุปสรรคสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมขังเกิดจากขยะที่กีดขวางทางน้ำไหลในระบบระบายน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะขนาดใหญ่ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ โอ่ง ขอนไม้ ต้นไม้ สร้างความเสียหายให้กับเครื่องระบายน้ำภายในอุโมงค์ยักษ์ 1 ตัว เหลือใช้งานได้เพียง 3 ตัว       วันที่ 10 มิถุนายน 2558 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงสถานการณ์น้ำท่วม กทม. จนเข้าขั้นวิกฤติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ว่า การประชุมในวันนี้เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานถึงสถานการณ์แผนป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขังคือ ขยะ ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกันบูรณาการตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงระบบการเก็บขยะให้เข้มข้นขึ้น หลังจากนี้อาจพิจารณาเพิ่มโทษตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และอาจต้องมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวนั้น กทม. ได้ดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำเพิ่มอีก 3 แห่ง จะทำให้น้ำระบายได้เร็วขึ้น       เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2558 เวลาประมาณ 01.00 น. มีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง ทำให้มีน้ำท่วมขังรอระบายในถนนหลายสาย ปลัดฯ กรุงเทพฯ กล่าวว่า กทม. เตรียมความพร้อมในการรับมือแก้ไขในช่วงสถานการณ์ฝนตก แต่หากมีปริมาณฝนตกเกินกว่า 60 มิลลิเมตร คงต้องขอเวลาในการระบายน้ำเพื่อเข้าสู่ระบบ แต่ยืนยันว่าอุปกรณ์และบุคลากรมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากที่ผ่านมา กทม. สามารถเร่งระบายน้ำในหลายพื้นที่จนแห้งได้อย่างรวดเร็ว เกาหลีเหนือเจอภัยแล้งสุดใน 100 ปี       เกาหลีเหนือเผชิญภัยแล้งที่สุดในรอบร้อยปี เนื่องจากในปี 2557 ที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกน้อยที่สุดในรอบสามสิบปี ส่งผลให้นาข้าวกว่าร้อยละ 30 แห้งผาก แม้รัฐบาลจะส่งเสริมให้มีการปลูกพืชอื่น ๆ แทนแต่ก็เกรงว่าจะไม่เพียงพอและซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนอาหารในประเทศให้หนักยิ่งขึ้น       ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1990 ในเกาหลีเหนือมีผู้เสียชีวิตจากการขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากภัยแล้งหลายแสนคน แต่คาดว่าภัยแล้งครั้งนี้จะไม่มีผู้เสียชีวิตมาก เนื่องจากเกาหลีเหนือได้ปฏิรูปการเกษตรและอนุญาตให้ภาคเอกชนทำการเกษตรมากขึ้น อีกทั้งโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) ได้ให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม มีตัวเลขว่าปัจจุบันเกาหลีเหนือมีสตรีมีครรภ์และกำลังให้นมลูก และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบจำนวนมากที่มีร่างการแคระแกร็นเพราะขาดสารอาหาร ปากีสถานตายเกินพันจากคลื่นความร้อน       วันที่ 27 มิถุนายน 2558 ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตในปากีสถานเพราะคลื่นความร้อนสูงถึง 1,242 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ยากจน โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทางตอนใต้ของปากีสถาน อุณหภูมิได้เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง 45 องศาเซลเซียสในนครการาจี ความร้อนทำให้มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูง ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับและการผลิตน้ำประปาหยุดชะงัก จนเกิดการชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่       คาดว่าในเดือนกรกฎาคมปัญหาคลื่นความร้อนจะบรรเทาลงเพราะมีลมเย็นจากทะเลพัดเข้าฝั่ง ยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน       ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปกำลังจะเผชิญปัญหาคลื่นความร้อนที่พัดมาจากแอฟริกา โดยแต่ละประเทศได้ประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โยการดื่มน้ำบ่อยๆ และเลี่ยงการดื่มของมึนเมา เป็นต้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาร่างกายขาดน้ำและเป็นลมแดด       ในปีนี้คาดว่าสเปนอาจจะมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 44 องศาเซลเซียส ส่วนประเทศที่อยู่ทางเหนือ เช่น ฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็อาจจะมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40 และ 30 องศา ได้เช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าจะเป็นอุณหภูมิสูงที่สุดในรอบหกสิบปี การขาดแคลนน้ำและการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต       การศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) พบว่า ปริมาณน้ำสะสมใต้ดินทั่วโลกกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว การสำรวจได้ใช้ดาวเทียมเกรซ ( GRACE : Gravity Recovery and Climate Experiment) สำรวจความเปลี่ยนแปลงจากสนามแรงโน้มถ่วงโลกระหว่างปี 2546-2556 ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของชั้นหินอุ้มน้ำ พบว่า แหล่งน้ำบาดาลแห่งสำคัญของโลก 13 จาก 37 แห่ง คิดเป็นอัตราราว 1 ใน 3 กำลังลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่มีน้ำทดแทนเข้าในปริมาณที่น้อยมากจนถึงไม่มีเลย       นักวิทยาศาสตร์เตือนว่ามนุษย์ได้สูบน้ำใต้ดินไปใช้อย่างมากมายโดยไม่รู้ตัวว่าจะหมดลงเมื่อใด เพราะวิธีการทางกายภาพและทางเคมีที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถตรวจวัดได้อย่างถูกต้อง       การขาดแคลนน้ำจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเรื่องโลกร้อนที่นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พรินสตัน และยูซีเบิร์กลีย์ของสหรัฐฯ เตือนว่าโลกกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อ “การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่” จากการสำรวจเก็บข้อมูลพบว่าอัตราการสูญพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังตั้งแต่ ค.ศ. 1900 เป็นต้น มาเร็วกว่าปกติถึง 114 เท่า โดยมีสัตว์สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 400 ชนิด เมื่อเทียบกับโลกในอดีตแล้ว การสูญพันธุ์กว่า 400 ชนิดต้องใช้เวลาถึง 10,000 ปี       มลภาวะและการตัดไม้ทำลายป่าส่งผลกระทบต่อผึ้ง มีความเป็นไปได้ที่หลายสายพันธุ์จะสูญพันธุ์ในช่วงเวลาเพียงสามช่วงอายุคน เมื่อผึ้งสูญพันธุ์ พืชที่อาศัยผึ้งในการผสมเกสรก็จะค่อยๆ หายไปทีละชนิด