พฤษภาคม 2558 : ผลงาน คสช. ครบ 1 ปี ได้ 8.15 จาก 10 คะแนน ครบ 1 ปี คสช. ประชาชนให้คะแนนการทำงาน 8.15 จาก 10 ศาลอนุมัติยิ่งลักษณ์ ยื่นประกันตัว 30 ล้านบาท คดีทุจริตโครงการจำนำข้าว มติ สนช. ให้ถอดถอน 'บุญทรง-ภูมิ-มนัส' คดีทุจริตขายข้าวแบบจีทูจี ป.ป.ช. ลงมติเอกฉันท์ ‘สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล’ ร่ำรวยผิดปกติ มติ สนช. 167 เสียง เห็นชอบ ก.ม.ล้มละลาย ปรับลดขั้นตอนคำขอรับชำระหนี้ให้เร็วขึ้น ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ยาสูบฯ ฉบับใหม่ เข้มข้นกว่าเดิม สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพครบสามวาระแล้ว อนุ กก. ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ยิ่งลักษณ์- 34 ครม. จ่ายเงินเยียวยาม็อบการเมืองปี 48-53 โดยมิชอบ สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.แก้ไขฯ สื่อลามกอนาจารเด็ก ครบสามวาระ สนช. ผ่านร่าง ก.ม.ชุมนุมในที่สาธารณะ ไทย จัดประชุม 17 ประเทศแก้ปัญหาผู้อพยพทางเรือ คสช. สั่งปีหน้า คลองแสนแสบต้องใส ภัยแล้ง-เลิกจำนำข้าวฉุดรายได้เกษตรกรวูบหนัก แล้งฉุดจีดีพีสูญ 5 หมื่นล้าน แผ่นดินไหวซ้ำเนปาล ดินไหวระทึกทะเลภูเก็ต ชี้ถ่ายเทพลังจากเนปาล วิจัยชี้ภัยโลกร้อนทำสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ ออสซี่เตือนภัยเอลนีโญในเอเชียแปซิฟิก คลื่นร้อนคลุมอินเดียคร่าถึง 800 ศพ พายุไต้ฝุ่น “โนล” พ้นฟิลิปปินส์ คสช. ครบ 1 ปี ปชช. เทคะแนนให้ 8.15 จาก 10       เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,969 คน ระหว่างวันที่ 15-22 พฤษภาคม 2558 เรื่องการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ต่อ “ผลการดำเนินงาน 1 ปีของ คสช.” ในการแก้ปัญหาสำคัญในหลายๆ เรื่อง เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความพึงพอใจของประชาชน ต่อ คสช. ในการบริหารประเทศ ครบ 1 ปี ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.97 ค่อนข้างพึงพอใจ เพราะทำเพื่อประชาชน มีการจัดระเบียบสังคมและแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น มีโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ รองลงมา 33.06 พึงพอใจมาก เพราะดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆ มา มีความเด็ดขาดในการทำงาน ทำงานเร็ว มีความโปร่งใส บ้านเมืองสงบสุข โดยร้อยละ 11.24 ไม่ค่อยพึงพอใจ เพราะเศรษฐกิจซบเซา ค่าครองชีพสูง ปัญหาภาคการเกษตรยังไม่ดีขึ้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังแก้ไขไม่ได้ ในขณะที่ร้อยละ 4.73 ไม่พึงพอใจเลย เพราะต่างชาติยังไม่เชื่อมั่น รวบอำนาจ จำกัดสิทธิเสรีภาพ       ทั้งนี้ ในภาพรวมหลังการปฏิวัติครบหนึ่งปี ประชาชนให้คะแนน คสช. 8.15 จากคะแนนเต็ม 10 ยิ่งลักษณ์ ยื่นประกัน 30 ล. ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว       เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรก และสอบคำให้การ ในคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงตอบศาล ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี พร้อมแถลงขอยื่นคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับสมบูรณ์ ไม่เกินวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ และศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำนวน 30 ล้านบาท สนช. มีมติให้ถอดถอน 'บุญทรง-ภูมิ-มนัส'       เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติให้ถอดถอน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รัฐมตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในคดีทุจริตขายข้าวแบบจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ ด้วยคะแนน 180 ต่อ 6 งดออกเสียง 4 182 ต่อ 5 งดออกเสียง 2 บัตรเสีย 1 และ 158 เสียง ไม่ถอดถอน 25 เสียง ไม่ออกเสียง 6 บัตร เสีย 1 ใบ ตามลำดับ ทำให้ทั้ง 3 คน ถูกตัดสิทธิ์การเมือง หรือ รับราชการในหน่วยงานรัฐ 5 ปี นับแต่วันที่ สนช. มีมติ ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดว่าผู้ถูกถอดถอนจะต้องได้คะแนนมากกว่า 132 เสียงขึ้นไป ป.ป.ช.ฟัน ‘สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล’ รวยผิดปกติ สร้างบ้าน 16 ล.       เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดการไต่สวนกรณีการร่ำรวยผิดปกติของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ พรรคชาติไทยพัฒนา จากการไต่สวนที่พบว่า นายสมศักดิ์ ได้ปลูกสร้างบ้านเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ในระหว่างปี 2541 ถึง 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่นายสมศักดิ์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ โดยได้ใช้เงินปลูกสร้างประมาณ 16 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ จากการเรียกนายสมศักดิ์ มาชี้แจงถึงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวพบว่าคำชี้แจงฟังไม่ขึ้น เพราะไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ชัดเจน และไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนการชี้แจงให้ ป.ป.ช. เชื่อถือได้       จากนี้ ป.ป.ช. จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ยึดบ้านหลังดังกล่าวเป็นของแผ่นดินต่อไป สนช.เห็นชอบ ก.ม.ล้มละลาย ลดขั้นตอนขอชำระหนี้       เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเอกฉันท์ 167 เสียง เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย เพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป       โดย ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีหลักการสำคัญ คือ การปรับลดขั้นตอนการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ เพื่อให้การพิจารณาคำขอรับชำระหนี้มีความรวดเร็วขึ้น พ.ร.บ.ยาสูบฯ ใหม่ปรับเข้มกว่าเดิม       เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงนิยามคำว่า "ผลิตภัณฑ์ยาสูบ" ให้ครอบคลุมไปถึง บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบจากเดิม 18 ปี เป็น 20 ปี ห้ามแบ่งขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแยกเป็นมวน และห้ามขายผ่านรูปแบบของพริตตี้รวมถึงห้ามขายในสถานที่ต่างๆ เช่น วัด สถานบริการ สาธารณสุข สถานศึกษา สวนสาธารณะ นอกจากนี้ ห้ามการโฆษณาในรูปแบบเป็นผู้สนับสนุนการประกวดและการแข่งขันรวมทั้งห้ามโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และยังกำหนดห้ามไม่ให้ดำเนินกิจกรรมในลักษณะให้การอุปถัมภ์หรือการสร้างความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม (ซีเอสอาร์) อีกด้วย ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการยึดหรืออายัดผลิตภัณฑ์ยาสูบ ถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว บันทึกเสียง และออกใบสั่ง รวมไปถึงเพิ่มอัตราโทษให้สูงขึ้น เช่น การสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ จากเดิมมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท เป็นมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท เป็นต้น สนช. ผ่านวาระ 3 พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ       เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในวาระสาม ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 184 เสียง สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือให้ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนโดยให้นายจ้างหักจากค่าจ้าง และให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับของกองทุน ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่า 2-15 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้าง ขณะเดียวกัน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีอำนาจประกาศให้ลูกจ้างหรือนายจ้าง หยุดหรือเลื่อนการส่งเงินเข้ากองทุนได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อนุฯ ป.ป.ช.มีมติ ยิ่งลักษณ์-ครม. จ่ายเงินเยียวยาชุมนุมมิชอบ       วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 34 คนว่าปฏิบัติมิชอบเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง จากการที่มีมติเมื่อวันที่ 10 มกราคม และ 6 มีนาคม 2555 ให้จ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยให้ใช้เงินงบกลางถึง 1,921 ล้านบาทโดยที่ไม่มีกฎหมายใดๆ มารองรับ       ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. ภายใน 15 วัน สำหรับรัฐมนตรีที่ไม่ถูก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา 1 คนนั้น คือ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่เสียชีวิต ส่วนข้อกล่าวหาต่ออธิบดีกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น ให้ข้อกล่าวหาตกไป ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม สื่อลามกอนาจารเด็กผ่าน วาระ 3 แล้ว       เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติในวาระ 3 เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก) ด้วยคะแนนเสียง 193 ต่อ 1 งดออกเสียง 2 ให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป       สำหรับสาระสำคัญของร่างนี้ คือ การกำหนดให้ผู้ใดที่มีวัตถุหรือสื่อลามกอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ไว้ในความครอบครอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำการค้าและทำให้แพร่หลายซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท สนช. เห็นชอบ ก.ม.คุมม็อบ       เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ในวาระ 2 และ 3 และที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียง 158 ต่อ 0 เสียง ทำให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา       สาระสำคัญ อาทิ ผู้ประสงค์ที่จะจัดการชุมนุมในสาธารณะ ให้แจ้งการชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ก่อนมีการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง พร้อมต้องระบุวัตถุประสงค์ และวันเวลา และสถานที่ชุมนุมสาธารณะตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ไทย เป็นเจ้าภาพประชุม 17 ประเทศแก้ปัญหาผู้อพยพทางเรือ       เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย หลังเกิดปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาลอยลำอยู่กลางทะเล โดยมีตัวแทนจากประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม 17 ประเทศ เช่น บังกลาเทศ เมียนมา อินโดนีเซีย มาเลเซีย อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อิหร่าน ฯลฯ นอกจากนี้ ไทยยังได้อนุมัติให้เครื่องบินสหรัฐฯ บินเข้าเขตน่านฟ้าของไทยตามที่สหรัฐฯ เคยแจ้งความประสงค์ไว้ว่า ต้องการลาดตระเวนเพื่อสำรวจผู้อพยพที่ลอยลำอยู่กลางทะเล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้อนุมัติด้วยวาจาแล้ว ซึ่งจะสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยในทางปฏิบัติ ศูนย์ฯ ของสหรัฐฯ จะต้องประสานกับศูนย์อำนวยการลาดตระเวนและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย (ศอ.ยฐ.) ซึ่งมีกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นผู้รับผิดชอบหลัก คสช. สั่งปีหน้า คลองแสนแสบต้องใส       คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายที่ต้องการให้น้ำในคลองแสนแสบสะอาด ปลอดภัย และเป็นแหล่งท่องเที่ยว ภายในปี 2559 จึงได้สั่งให้แต่ละหน่วยงานเสนอรายละเอียดแผนดำเนินงาน กรอบเวลาและงบประมาณ ภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ โดยมอบให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ เป็นประธาน       สำหรับความยาวของคลองแสนแสบในพื้นที่กรุงเทพฯ มีระยะทางยาว 45.45 กม. มีคลองสาขาเชื่อม 101 จุด ส่วนจุดที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เป็นช่วงจากคลองตันถึงบางกะปิ ระยะทาง 6 กม. ดังนั้นจะต้องเร่งแก้ไขที่ต้นเหตุ ในขณะเดียวกันก็ต้องควบคุม กำกับเรื่องของการปล่อยน้ำลงคูคลองและระบบการระบายน้ำของโรงงานขนาดเล็กตลอดแนวคลองแสนแสบ จึงต้องมีมาตรการทางกฎหมายที่เข้าควบคุมอย่างจริงจัง เหตุภัยแล้ง-เลิกจำนำข้าวฉุดรายได้เกษตรกรวูบหนัก       สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส 1 ปี 2558 ว่า มีผู้มีงานทำ 37.6 ล้านคน ลดลง 0.5% หรือ 200,000 คน จากไตรมาสเดียวกันปี 57 ที่มีผู้มีงานทำ 37.8 ล้านคน โดยผู้มีงานทำภาคเกษตรลดลง 4.4% เพราะภัยแล้ง รวมทั้งยังเป็นช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว และการเพาะปลูกข้าวลดลงหลังจากยุติมาตรการรับจำนำ ส่วนผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.3% ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิต ก่อสร้าง โรงแรมและภัตตาคาร ส่งผลให้อัตราการว่างงานโดยรวมอยู่ที่ 0.94%       สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังต่อไปนั้น คือ ผลกระทบด้านรายได้ของแรงงาน ซึ่งในปี 58 ภัยแล้งมาเร็วกว่าปกติ และมีสัญญาณรุนแรงขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557-21 พฤษภาคม 2558 มี 12,364 หมู่บ้านได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จากทั้งหมด 74,965 หมู่บ้านทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและรายได้ของเกษตรกร จากปัจจุบันค่าจ้างแรงงานภาคเกษตรเฉลี่ยรายละ 5,700 บาทต่อเดือน ต่ำกว่านอกภาคเกษตร ประมาณ 1 เท่า “เมื่อการจ้างงานภาคเกษตรลดลง ประกอบกับผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรลดลง จะยิ่งซ้ำเติมปัญหารายได้ของครัวเรือนเกษตร และลูกจ้างเกษตรที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว”       หอการค้าไทยร่วมกับหอการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐจัดทำโครงการพัฒนาชาวนาให้เป็นผู้ประกอบการด้านข้าวแบบครบวงจร ด้วยการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้ ตั้งแต่การจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดี จัดหาปุ๋ย ลดต้นทุนทำนา รวมถึงการทำตลาดเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศตามช่องทางต่างๆ เพื่อตัดวงจรพ่อค้าคนกลางที่กดราคา โดยจะเน้นผลิตข้าวคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงแปรรูปข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า รวมทั้งส่งเสริมให้ลูกหลานชาวนาที่จบการศึกษาปริญญาตรี ประกาศนียบัตรชั้นสูง และประกาศนียบัตรวิชาชีพ กลับมาช่วยพัฒนางานในวิสาหกิจชุมชนด้วย แล้งฉุดจีดีพีสูญ 5 หมื่นล้าน       ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ได้ประเมินผลกระทบจากมาตรการงดส่งน้ำเพื่อทำนาปรัง ในลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง เพื่อรับมือภัยแล้ง โดยการสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง 281 ราย ใน 4 จังหวัดที่อยู่ในเขตงดส่งน้ำทำนาปรัง ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี และนครปฐม พบว่า 69% ให้ความร่วมมืองดปลูกข้าวนาปรังโดยสิ้นเชิง       เมื่อประเมินภาพใหญ่ พบว่าการงดส่งน้ำเพื่อทำนาปรังฤดูกาล 2557/58 ทำให้เหลือพื้นที่ปลูกนาปรังประมาณ 6.34 ล้านไร่ ผลผลิต 3.8 ล้านตัน ลดลงจากฤดูกาลก่อนหน้า ซึ่งมีโครงการรับจำนำข้าวในราคาสูง ทำให้มีพื้นที่ปลูกนาปรังสูงถึง 15.92 ล้านไร่ ผลผลิต 9.55 ล้านตัน ส่วนรายได้ของชาวนาในเขตงดปลูกนาปรังหายไปครัวเรือนละ 70,268 บาท รวมรายได้ที่หายไปทั้งระบบลดลงรวมประมาณ 27,462 ล้านบาท การบริโภคครัวเรือนเกษตรหายไป 25,631 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่หายไป 58,539 ล้านบาท       รัฐบาลมีมาตรการชดเชยรายได้ในช่วงงดส่งน้ำ 3 โครงการ คือ โครงการตำบลละ 1 ล้านบาท โครงการจ้างแรงงานเกษตรกร และการสนับสนุนเมล็ดพืชเพาะปลูกช่วงหน้าแล้ง รวมเม็ดเงินอัดฉีด 3,674 ล้านบาท พบว่ารายได้สุทธิของเกษตรกรที่หายไปอยู่ที่ 23,788 ล้านบาท การบริโภคครัวเรือนเกษตรหายไป 22,202 ล้านบาท จีดีพีที่หายไปสุทธิ 50,707 ล้านบาท ทั้งนี้ ชาวนาส่วนใหญ่ 48% ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเป็นเงินสด ส่วนที่อยากได้รับความช่วยเหลือเป็นคูปองซื้อปัจจัยการผลิตมีเพียง 17.4% เท่านั้น แผ่นดินไหวซ้ำเนปาล       หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2558 ต่อมาในวันที่ 2 พฤษภาคม เวลาประมาณ 12.35 น.ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 5.0 ริกเตอร์       และในวันที่ 12 พฤษภาคม ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ริกเตอร์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทำให้ผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 8,786 ราย บาดเจ็บ 22,304 ราย และมีอากคารบ้านเรือนพังเสียหายครั้งนี้มากกว่า 300,000 หลัง       ผลจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบทำการเผาศพผู้เสียชีวิต เพราะโรงพยาบาลไม่มีที่เก็บศพเพียงพอ สนามบินนานาชาติต้องปิดชั่วคราว เพราะพื้นรันเวย์แตกร้าว และไม่มีที่จอดเพียงพอ คาดว่ายังมีนักปีนเขากว่า 200 คนถูกหิมะถล่ม การช่วยเหลือและกู้ศพเป็นไปด้วยความยากลำบาก       ส่วนในประเทศอินเดียมีผู้เสียชีวิต 130 ราย บาดเจ็บ 560 ราย ประเทศจีนมีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บ 383 ราย และประเทศบังกลาเทศมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 200 ราย ดินไหวระทึกทะเลภูเก็ต ชี้ถ่ายเทพลังจากเนปาล       วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 04.18 น. เกิดแผ่นดินไหวบริเวณตอนใต้ของเกาะยาว จ.พังงา ลึกลงไปใต้ดิน 4 กม. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.6 แมกนิจูด รับรู้แรงสั่นไหวได้บริเวณ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่ ไม่มีการแจ้งเตือนคลื่นยักษ์สึนามิจากศูนย์เตือนภัยพิบัติ ต่อมาเวลา 12.25 น. ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกบริเวณตอนใต้ของเกาะยาว จ.พังงา ใกล้เคียงกับจุดที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อตอนเช้ามืด แรงสั่นสะเทือนขนาด 3.2 แมกนิจูด ลึกลงไปประมาณ 1 กม. และที่ จ.พังงา ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 3.2 ในช่วงเที่ยงวัน ส่งผลให้ในทะเลมีกระแสน้ำวนและไหลเชี่ยว       การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 ที่ประเทศเนปาล จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.5 ที่ประเทศปาปัวนิวกินี ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งหมดตั้งอยู่บนรอยเปลือกโลกเดียวกัน       แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นการถ่ายพลัง เมื่อมีแผ่นดินไหวที่เนปาลส่งผลกระทบมายังพม่า อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี และประเทศไทยที่อยู่ตรงกลาง ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ต้องระมัดระวัง เนื่องจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยและรอยเลื่อนระนองถือเป็นกลุ่มรอยเลื่อนที่มีการขยับตัวชัดเจน ทั้งยังเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง แม้แผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะเกิดจากรอยเลื่อนหลักแล้ว จึงส่งผลไปรอยเลื่อนแขนง แต่เมื่อรอยเลื่อนแขนงขยับตัวแล้วก็อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวบนตัวรอยเลื่อนหลักได้เช่นกัน แต่ไม่น่าจะรุนแรง เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนแนวการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกเหมือนกับประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น จึงไม่สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ วิจัยชี้ภัยโลกร้อนทำสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์       นายมาร์ค เออร์เบิน นักชีววิทยาประจำมหาวิทยาลัยคอนเนกติกัตของสหรัฐฯ เผยแพร่งานวิจัยผ่านวารสาร “ยูเอส เจอร์นัล ไซน์” เมื่อ 30 เมษายน โดยอ้างอิงผลการศึกษาวิจัย 131 ชิ้นจากทั่วโลก พบว่าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก ทั้งที่เป็นพืชและสัตว์ โดยสิ่งมีชีวิต 1 ใน 6 ชนิดต้องสูญพันธุ์ไปในแต่ละปีเพราะอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่นานาชาติต้องเร่งแก้ไขร่วมกัน       ขณะเดียวกัน รมว.กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม รวมถึง รมว.กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ร่วมกันประกาศแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อนลงให้ได้ 26 เปอร์เซ็นต์ภายปี 2083 หลังญี่ปุ่นติดอันดับประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ทั้งยังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานสำรอง เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทั่วประเทศถูกสั่งระงับการทำงานเพื่อตรวจสอบสภาพ หลังโรงไฟฟ้าที่ จ.ฟุกุชิมะ ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2554       นอกจากนี้ บิชอพนิค โฮมทัม ประธานฝ่ายสิ่งแวดล้อมของคริสตจักรแห่งอังกฤษ นิกายแองกลิคัน ซึ่งมีโบสถ์อยู่ใน 80 ประเทศทั่วโลก แถลงข่าวเมื่อ 1 พฤษภาคม ว่า ทางคริสตจักรจะระงับการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานถ่านหินและน้ำมันดินในต่างประเทศทั้งหมด เพราะถือเป็นพลังงานสกปรก ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนและนำไปสู่ภาวะโลกร้อน ออสซี่เตือนภัยเอลนีโญในเอเชียแปซิฟิก       สำนักพยากรณ์อากาศสังกัดกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งออสเตรเลีย ประกาศเตือนประชาชนเฝ้าระวังและรับมือสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป หลังการตรวจสอบสภาพอากาศโดยรวมในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกพบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยผิวน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกระแสลมในทะเลอ่อนกำลังลง และจะทำให้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญครั้งแรกในรอบ 5 ปีของออสเตรเลีย ส่งผลให้อากาศร้อนขึ้น และปริมาณน้ำฝนลดน้อยลง เสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้งและไฟไหม้ป่ารุนแรง เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วเกินควบคุม ขณะที่ปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้เริ่มต้นเร็วกว่าปกติซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิถุนายน – พฤศจิกายน       นอกจากนี้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะปาปัวนิวกินีและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะและอยู่ไม่ไกลจากออสเตรเลีย       ขณะเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งญี่ปุ่นประกาศเตือนประชาชนเตรียมเฝ้าระวังภัยธรรมชาติ ทั้งลมพายุกระโชก ฟ้าผ่า ฝนกระหน่ำ ลูกเห็บ คลื่นสูงในทะเล รวมถึงน้ำท่วมฉับพลัน หลังพายุไต้ฝุ่นโนลเคลื่อนผ่านฟิลิปปินส์เข้าสู่พื้นที่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ที่ความเร็วลมสูงสุดประมาณ 180 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อ 12 พฤษภาคม ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่เกาะฮอนชู ตอนกลางของญี่ปุ่น ในวันที่ 13 พฤษภาคม คลื่นร้อนคลุมอินเดียคร่าถึง 800 ศพ       ประเทศอินเดียเผชิญสภาพอากาศร้อนจัด โดยเฉพาะพื้นที่รัฐทางภาคใต้ ได้แก่ อานธรประเทศ เตลังกานา และอุตตรประเทศ อุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งสูงเกือบถึง 50 องศาเซลเซียส ปรากฏการณ์สภาพอากาศร้อนรุนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน ถึง 25 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว ถึง 1,412 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่รัฐอานธรประเทศ และเตลังกานา ซึ่งอุณภูมิสูงถึง 47 องศาเซลเซียส รัฐบาลอินเดียประกาศเตือนประชาชนให้หลบอยู่ในที่ร่ม ดื่มน้ำมากๆ และหากจำเป็นต้องออกกลางแจ้งให้ใช้ร่มหรือสวมหมวกกำบังแดด รวมถึงให้สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากฝ้าย ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เพราะเป็นลมแดด อยู่ในชนชั้นแรงงาน คนชรา และคนไร้บ้าน ซึ่งไม่มีที่พักพิงหลบคลื่นความร้อน โดยเบื้องต้น ทางการได้พยายามตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำ พร้อมประกาศเตือนให้ชาวบ้านพยายามอยู่ในอาคารและดื่มน้ำมากๆ ส่วนโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ก็มีมาตรการเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยจากคลื่นความร้อนครั้งนี้ และคลื่นความร้อนจะยังส่งผลให้รัฐต่างๆ เผชิญกับภัยแล้ง พายุไต้ฝุ่น “โนล” พ้นฟิลิปปินส์       เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2558 พายุไต้ฝุ่นโนล ความแรงระดับ 5 หรือความเร็วลมศูนย์กลางพายุราว 185 - 220 กม.ต่อชั่วโมง พัดสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและดินถล่มหลายพื้นที่ ทางการประกาศให้ผู้คนในพื้นที่เส้นทางพายุพัดผ่านอพยพเพื่อความปลอดภัยมากกว่า 2,000 คน ส่วนเรือประมงและเรือโดยสารต้องงดออกเดินทางเนื่องจากทะเลมีคลื่นสูง