พฤศจิกายน 2557 : ได้กรรมาธิการ-อนุกรรมาธิการยกร่าง รธน. กมธ. ยกร่างฯ ตั้ง 11 อนุฯ ช่วยร่าง รธน. สปช. รับรองชื่อ กมธ. วิสามัญทั้ง18 คณะ “สนช.” เริ่มรับกระบวนการฟังความเห็น ปชช. "ดุสิตโพล" เผย 6 เดือน คะแนน คสช. เริ่มลด ศาล ปค.สูงสุด พิพากษายืนเรื่องค่าชดเชยคดีบ่อบำบัดคลองด่าน อัยการสูงสุด มีมติไม่ส่งฟ้องกรณีรับจำนำลำไย ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.หอพัก แยกชาย-หญิง แก้ กม.ภาษีอุดช่องโหว่ดารา-อาชีพอิสระ เพิ่มเบี้ยคนพิการเป็นเดือนละ 800 บาท ให้ทุกหน่วยงานรัฐจัดทำคู่มือบริการประชาชน “ครม.” เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ขึ้นค่าครองชีพข้าราชการ ศาล ปค. สูงสุดยกฟ้องคดีน้ำท่วมปี 54 ครม. เห็นชอบภาษีมรดก กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ผ่านสภาฯ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่อง 39 ส.ว.แก้ รธน. ให้ สนช. ดำเนินการ กมธ. ยกร่างฯ ตั้ง 11 อนุฯ ช่วยร่าง รธน.       เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้จัดตั้งคณะอนุ กมธ. เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 11 คณะ แบ่งเป็น คณะอนุกรรมาธิการเพื่อดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญ 10 คณะ และคณะอนุกรรมาธิการด้านกระบวนการ 1 คณะ ดังนี้       คณะที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 1 พระมหากษัตริย์ และประชาชน หมวด 2 ประชาชน ส่วนที่ 1 ความเป็นพลเมือง และ ส่วนที่ 3 หน้าที่พลเมือง โดยมีนายมานิจ สุขสมจิตร เป็นประธาน       คณะที่ 2 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 1 พระมหากษัตริย์และประชาชน หมวด 2 ประชาชน ส่วนที่ 2 สิทธิ เสรีภาพของพลเมือง ส่วนที่ 4 การมีส่วนร่วมทางการเมือง และส่วนที่ 5 การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยมีนายปกรณ์ ปรียากร เป็นประธาน       คณะที่ 3 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมืองหมวด 1 ระบบผู้แทนที่ดี และผู้นำการเมืองที่ดี หมวด 2 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐหมวด 3 รัฐสภา และหมวด 4 คณะรัฐมนตรี โดยมีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธาน       คณะที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง หมวด5 การคลังและการงบประมาณของรัฐ โดยมี นายจรัส สุวรรณมาลา เป็นประธาน       คณะที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษาภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง หมวด 6 ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการนักการเมือง และประชาชน โดยมีนายปรีชา วัชราภัย เป็นประธาน       คณะที่ 6 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษาภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจ และการปกครองท้องถิ่นโดยมี นพ.กระแส ชนะวงศ์ เป็นประธาน       คณะที่ 7 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 3 นิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐหมวด 1 ศาลและกระบวนการยุติธรรม โดยมีนายบรรเจิด สิงคะเนติ เป็นประธาน       คณะที่ 8 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษาภาค 3 นิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐองค์กรอิสระ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน       คณะที่ 9 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง หมวด 1 การปฏิรูป เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรม โดยมีนายชูชัย ศุภวงศ์ เป็นประธาน       และคณะที่ 10 มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาศึกษา ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง หมวด 2 การสร้างความปรองดอง โดยมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน       ส่วนคณะอนุกรรมาธิการด้านกระบวนการ 1 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมาธิการจัดทำข้อเสนอแนะ ในการตรากฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญโดยมี นายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นประธาน       ทั้งนี้ อนุกรรมาธิการแต่ละคณะให้มีสมาชิกไม่เกิน 15 คน ประกอบด้วย สปช. คณะละไม่เกิน 5 คน สนช. คณะละไม่เกิน 1 คน ยกเว้นบางกรณีที่อนุกรรมาธิการ ประกอบด้วยสมาชิก สนช. อยู่แล้วขณะเดียวกันบางอนุกรรมาธิการก็ได้ให้มีการงดเว้นข้อบังคับการประชุม โดยให้มีสมาชิกได้ไม่เกิน 21 คน ในกรณีที่มีความจำเป็น       คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเริ่มฟังความเห็นของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง และสามารถเขียนรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม เป็นต้นไป ภายหลังจากรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายแล้ว จะมีเวลา 120 วันในการยกร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 เมษายน 2558 คาดว่าจะนำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 4 กันยายน 2558 สปช. รับรองชื่อ กมธ. 18 คณะ       เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 36 คน และที่ประชุมได้มีมติรับรองรายชื่อสมาชิก สปช. ที่เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำ สปช. ทั้ง 18 คณะ จากนั้นได้ให้แต่ละคณะประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธาน ผลปรากฏว่า คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปกีฬา มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปวัฒนธรรม จริยธรรม และการศาสนา มีนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา มีนายศักดิ์รินทร์ ภูมิรัตน เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงาน มี พล.ท.เดชา ปุญญบาล เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค มี น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีนายประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง มีนายสมชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการท้องถิ่น มีนายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน มีนายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน มีนายทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยวและบริการ มีนายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูประบบสาธารณสุข มีนางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนายปราโมทย์ ไม้กลัด เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีนายจุมพล รอดคำดี เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคมชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส มีนายอำพล จินดาวัฒนะ เป็นประธาน คณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน สนช. เริ่มกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ปชช.       เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2557 ที่รัฐสภาสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดโครงการ “สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน” โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. เป็นประธาน และนายมิชาอิล วินเซอร์ ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อาเดนาวส์ ประจำประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนโครงการฯ มีผู้แทนเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตย วุฒิสภา และสื่อมวลชนจากจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมประชุมด้วยเป็นจำนวนมาก       โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้แก่ประชาชน ให้ประชาชนได้ทราบถึงบทบาทอำนาจหน้าที่และแนวทางการดำเนินงานของ สนช. และ สนช. ได้รับฟังความเห็นและข้อเสนอของประชาชน ตามแนวคิดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ระบุให้ สนช. ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็น ส.ส. เป็น ส.ว. และเป็นรัฐสภาของชาติ ผลสำรวจ 6 เดือน คสช. คะแนนหล่น       เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,689 คน ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการบริหารประเทศครบ 6 เดือน พบว่า คะแนนความพึงพอใจลดลงเหลือ 8.49 คะแนน จากที่เคยได้ 8.52 คะแนน ในเดือนที่ห้า และ 8.82 คะแนนในเดือนที่หนึ่ง       อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ คสช. ในการบริหารประเทศ คือมาตรการจัดระเบียบสังคม ทำให้บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ส่วนปัญหาอุปสรรคคือเริ่มมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ มากขึ้น มีกระแสโจมตีการทำงานของ คสช. และมีปัญหาระหว่าง คสช. กับสื่อมวลชน ศาล ปค.สั่งรัฐจ่ายค่าโง่คลองด่าน 9 พันล้าน       เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ที่มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ชำระเงินค่าจ้าง ค่าเสียหาย รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 4,983,342,383 บาท กับอีก 31,035,780 เหรียญสหรัฐ ให้กับบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กับพวกรวม 6 คน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี (801,229,599 บาท) นับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 ทั้งนี้ให้จ่ายเงินแล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด รวมทั้งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้ง 6 และให้ยกคำร้องในกรณีที่ คพ. ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางด้วย       ทั้งนี้ คณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติให้ คพ.จ่ายค่าชดเชยให้กับเอกชนผู้เสียหายได้แก่บริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างกับพวก 6 คน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 9,000 ล้านบาท และ คพ. ได้ยื่นขอความเห็นศาลปกครองให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อสส. มีมติไม่ฟ้องคดีรับจำนำลำไย       เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมอัยการสูงสุดได้ประชุมทางลับและ มีมติ 0 ต่อ 9 ไม่ส่งฟ้องกรณีคดีทุจริตโครงการจำนำลำไยปี 46/47 และส่งเรื่องกลับให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปดำเนินการฟ้องร้องเองหากเห็นสมควร       กรณีคดีทุจริตโครงการจำนำลำไยเกิดขึ้นในปี 2546/47 มีค่าเสียหายตามวงเงินรับจำนำ 4.7 พันล้านบาท โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ไต่สวนและมีมติสั่งดำเนินคดีอาญากับข้าราชการระดับสูง 11 คนของกระทรวงเกษตรฯ ในข้อกล่าวหาว่าส่อเจตนาคัดเลือกบริษัทเอกชน (บริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด) เข้าดำเนินการโครงรับจำนำลำไย โดยไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน และ ป.ป.ช. ได้ส่งคดีให้อัยการสูงสุด ส่งฟ้องเอาผิดทางอาญา ครม. เห็นชอบร่างพรบ.หอพัก แยกชาย-หญิง       เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ ผ่านร่าง พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. .... ที่มีวัตถุประสงค์จะช่วยดูแลสังคมให้ดีขึ้น โดยมีสาระสำคัญคือให้แบ่งแยกหอพักชายและหญิงเป็นคนละอาคารกันแต่สามารถสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกันได้ อีกทั้งจะมีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักเข้ามาดูแลโดยตรง โดยให้หอพักหญิงมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงในการดูแลจัดการ ซึ่งเป็นการช่วยตรวจสอบกรณีหนุ่มสาวพักอาศัยอยู่ด้วยกันก่อนวัยอันควร อีกทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาสังคมอื่น ๆ เช่น ปัญหาความรุนแรงการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหอพัก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบแล้วจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป แก้ กม.เก็บภาษีอุดช่องโหว่ดารา-อาชีพอิสระ       เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติในวาระที่ 3 โดยมีมติเห็นชอบจำนวน 178 เสียง และงดออกเสียง 4 เสียง ให้ความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) ซึ่งมีหลักการที่จะอุดช่องโหว่การเสียภาษีเงินได้ของบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น นักแสดง หรือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆ ที่ตั้งคณะบุคคลเพื่อกระจายรายได้ให้เสียภาษีน้อยลง ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีถัดจากปีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ครม.เพิ่มเบี้ยคนพิการ 800 บาท       เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการให้เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการ จากเดิมรายละ 500 บาท เป็นรายละ 800 บาทต่อเดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 เป็นต้นไป โดยให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ให้ทุกหน่วยงานทำคู่มือบริการ ป.ช.ช.       เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญของกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการขออนุญาตในเรื่องต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐ โดยหน่วยงานรัฐจะต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน ภายใน 180 วัน ภายหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และหน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามคู่มือประชาชน โดยหากไม่ปฏิบัติตาม และส่งผลให้ประชาชนเกิดความเสียหาย ที่เกิดจาการทุจริตหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ สามารถดำเนินการเอาผิดทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ได้ ถือเป็นการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงบริการของรัฐ และยังเป็นการลดภาระ ในการยื่นขออนุญาต ซ้ำซ้อนในหลายหน่วยงานต่างๆ ที่โยนเรื่องไปมา ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมฯ       เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ที่มีสาระสำคัญคือให้ความคุ้มครองดูแลประชาชนในการชุมนุมในที่สาธารณะ โดยกำหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมไว้อย่างชัดเจน กำหนดให้ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งวัน เวลา สถานที่ที่จะชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง รวมถึงการกำหนดสถานที่ห้ามจัดการชุมนุม อาทิ ทำเนียบรัฐบาลสถานที่ราชการ ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง เป็นต้น       ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ถือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการใช้สิทธิในการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธตามหลักการของประชาธิปไตยสอดคล้องกับกฎกติกาของประเทศที่ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง และยังเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะปัจจุบันกฎหมายที่มีความเฉพาะเรื่องการชุมนุมยังไม่มี มีแต่นำกฎหมายอื่นๆ มาเทียบเคียง เช่น กฎหมายจราจร กฎหมายควบคุมการใช้เครื่องขยายเสียง กฎหมายการรักษาความสะอาดทำให้การควบคุมดูแลการชุมนุมในที่สาธารณะไม่เกิดประสิทธิภาพ ขึ้นค่าครองชีพ ขรก.       เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการในการเพิ่มค่าครองชีพข้าราชการ แต่ไม่ใช่การขึ้นเงินเดือน โดยมีหลักการว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท ให้ปรับเป็น 10,000 บาท และผู้ที่มีเงินเดือนไม่ถึง 13,000 บาท ให้ปรับให้ถึง 13,000 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการมาเป็นเวลานาน และไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้ จึงให้เป็นการเพิ่มค่าครองชีพดังกล่าว ศาล ปค. ยกฟ้องคดีน้ำท่วมปี 54       เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกฟ้องคดีที่ นายชัยรัตน์ ปัญญาวัฒนานุกูล ชาวบ้านจากจังหวัดนครปฐม ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี, ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.), การไฟฟ้าฝ่ายผลิต, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,กรมชลประทาน, กระทรวงมหาดไทย ,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกระทรวงการคลัง ว่าร่วมกันละเลยต่อหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า และละเลยในการช่วยเหลือเยียวยา ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 ทำให้นายชัยรัตน์ ไม่สามารถป้องกันหรือขนย้ายทรัพย์สินหนีภัยน้ำท่วมในปี พ.ศ. 2554 ได้ทันจนได้รับความเสียหาย โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาสั่งให้นายกรัฐมนตรี กับพวกทั้ง 11 รายร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 433,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ครม.เห็นชอบภาษีมรดก       เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก เตรียมเสนอเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป       ภาษีมรดกจะเก็บจากผู้รับมรดกในกรณีที่ได้รับมรดกมีมูลค่าเกินกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 10% เช่น ได้รับมรดก 70 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 50 ล้าน คือ 20 ล้านจะต้องเสียภาษี 10% ทั้งนี้มีข้อยกเว้นสำหรับมรดกที่บริจาคในกิจการศาสนา หรือ สาธารณประโยชน์       นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติประมวลรัษฎากรว่าด้วยการรับให้ หรือกรณีให้ทรัพย์สินขณะที่มีชีวิต จะเสียภาษีในส่วนที่ให้เกิน 10 ล้านบาทในอัตรา 5% ส่วนการรับหากไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่เสียภาษี ทั้งนี้ การชำระภาษีกับกรมสรรพากร สามารถผ่อนชำระได้นาน 2 ปี ในอัตราที่กรมสรรพากรกำหนด และในปีที่ 3 ต้องชำระจนครบจำนวน กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ผ่านสภาฯ       เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติในวาระ 3 ให้ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... ประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนน 188 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 เสียง ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวมีสาระสำคัญเพื่อคุ้มครองสัตว์ไม่ให้ถูกทารุณกรรม มีการจัดสวัสดิภาพให้แก่สัตว์ให้มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับสภาวะของสัตว์แต่ละชนิด และเป็นการป้องกันไม่ให้ใช้ข้ออ้างการทารุณกรรมสัตว์เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เครือข่ายกลุ่มคนรักสัตว์ได้เรียกร้องต่อรัฐบาล และ สนช. เร่งรัดให้ออกกฎหมายมาโดยตลอดเป็นระยะ ป.ป.ช. มีมติส่งถอดถอน 39 ส.ว. ให้ สนช. ดำเนินการ       เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง เอกสาร และความเห็น กรณีถอดถอน 39 ส.ว. ออกจากตำแหน่ง จากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป       ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวมีผู้ถูกกล่าวหาในส่วนของ ส.ว. จำนวน 39 ราย แต่เนื่องจากกรณีของ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ป.ป.ช. ได้แยกดำเนินการเป็นอีกคดีหนึ่งในฐานะประธานวุฒิสภา จึงเหลือผู้ถูกกล่าวหา 38 คน