สิงหาคม 2557 : โปรดเกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 โปรดเกล้าฯ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนที่ 29 กมธ. ยกร่างข้อบังคับฯ คาดโทษ สนช. ขาดประชุมเกิน 1 ใน 3 พ้นสภาพทันที งบ 58 จำนวน 2.575 ล.ล. ผ่านวาระแรก ที่ประชุม สนช. รับหลักการ ร่าง กม.ทวงหนี้ “คสช.” เร่งแก้ปัญหายางพารา ใช้กว่า 5 พันล้าน ในอีก 10 ปี “คสช.” อนุมัติเงินอุดหนุน “อปท.” แต่ห้ามนำไปใช้ดูงานเมืองนอก แผนเร่งด่วนจัดการขยะ 6 จังหวัด 526 ล้านบาท มติ ป.ป.ช. ให้ สนช. ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ โครงการระบบเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ 3 เส้นทาง ใช้งบ 5,979 ล้าน คสช. ไฟเขียวผ่านร่าง พ.ร.บ.อุ้มบุญแล้ว เตรียมเสนอ สนช. พิจารณาต่อ แผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน เตรียมปรับหลักสูตร เพิ่มหน้าที่พลเมือง ศาลตัดฟ้องคดี ศอฉ. ฆ่าเสื้อแดง โปรดเกล้าฯ ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนที่ 29       เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2557 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 24 สิงหาคม 2557 แล้วนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายรัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าแข่งขันด้วย และที่ประชุมที่มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 194 ได้ลงคะแนนเสียง 191 คะแนนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยอีก 3 เสียงที่งดออกเสียงเป็นของประธาน สนช. นายพรเพชร วิชิตชลชัย และรองประธานอีก 2 คน คือ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานคนที่ 1 และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานคนที่ 2       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งสิ้น 197 คน มีมติเลือก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้รับการโหวตเลือกเป็นประธาน สนช. ยกร่างฯ กฎ สนช. ใหม่ขาดประชุมเกิน 1 ใน 3 พ้นสภาพทันที       เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 นายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างฯ ข้อบังคับฯ ว่า ขณะนี้ กมธ. ได้พิจารณาเสร็จแล้วและได้สรุปรายงานเสนอต่อประธาน สนช. เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช. ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 โดยประเด็นที่สำคัญและถือเป็นมาตรฐานสูงสำหรับนักการเมืองซึ่งไม่เคยมีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับใดมาก่อน คือ ข้อบังคับเกี่ยวกับการสิ้นสมาชิกภาพ โดย กมธ. ได้กำหนดว่า หากสมาชิก สนช. ไม่แสดงตน เพื่อการลงมติในการประชุมสภา สนช. โดยขาดการประชุมเกิน 1 ใน 3 ตามวงรอบ 3 เดือน หรือ 90 วัน ก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันที ยกเว้นบุคคลที่ประธาน สนช. มอบหมายให้เป็นตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ หรือ ติดภารกิจ หรือ ป่วย ก็จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติจะรวบรวมผลการลงมติในการเข้าประชุมเพื่อให้สมาชิกได้ตรวจสอบและถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทราบ งบ 58 จำนวน 2.575 ล.ล. ผ่านวาระแรก       วันที่ 18 สิงหาคม 2557 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติรับหลักการ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ด้วยคะแนน 183 เสียง และงดออกเสียง 3 คือ ประธานและรองประธาน จากนั้นที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างฯ จำนวน 50 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 7 วัน       ร่างงบประมาณตั้งวงเงินไว้ที่ 2.575 ล้านล้านบาท และมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นผู้ชี้แจง โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าในปี 2557 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 อัตราเงินเฟ้อประมาณร้อยละ 1.9-2.9 ส่วนในปี 2558 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นคัวเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกจะทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2557 ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.8-2.8 ทำให้คาดการณ์รายได้สุทธิทั้งสิ้น 2.434 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 2.1 หลังจากหักภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1.09 แสนล้านบาท คงเหลือรายได้สุทธิที่นำมาจัดสรรเป็นรายจ่ายรัฐบาล 2.325 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ในประเทศ ที่ประชุม สนช. รับหลักการ ร่าง กม.ทวงหนี้       เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ด้วยมติเอกฉันท์ 168 เสียง งดออกเสียง 4 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา โดยสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้มีการละเมิดสิทธิ์ คุกคามใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และสร้างความเดือดร้อนรำคาญ จึงจำเป็นต้องตรากฎหมายนี้ขึ้นมา และแม้ไม่ครอบคลุมหนี้นอกระบบ แต่สามารถแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเพื่อให้ครอบคลุมทั้งหนี้ในระบบ และนอกระบบ “คสช.” เร่งแก้ปัญหา ยางพารา ทุ่มเงิน 5 พันกว่าล้าน       เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบแนวทางการพัฒนายางทั้งระบบตามแผนเดิมในระยะเวลา10 ปี ระหว่าง ปี 2557-2567 โดยให้การสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง ภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบจำนวน 3 โครงการ และอนุมัติกรอบวงเงินเพื่อดำเนินการตลอดระยะเวลาโครงการ รวมประมาณ 5,938 ล้านบาท เพื่อชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ และอนุมัติงบประมาณกลางประจำปี 2557 จำนวน 977 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการในปีแรก รวมถึงส่งเสริมแหล่งเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา อนุมัติงบอุดหนุน อปท. แต่ห้ามทัวร์นอก       วันที่ 26 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 8.5 พันล้านบาท ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ จัดสรรให้ อปท. ทุกแห่งๆ ละ 1 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้ อปท. ตามสัดส่วนที่ อปท. แต่ละแห่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเองในปีงบประมาณ 2557 ทั้งนี้ อปท. จะนำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ดังนี้ โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงถาวร พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเรื่องการส่งเสริมอาชีพของประชาชนในท้องถิ่นตัวเอง ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นเติบโตขึ้น       ทั้งนี้ คสช. ห้ามมิให้ อปท. นำเงินอุดหนุนทั่วไปครั้งนี้ไปใช้จ่ายในการศึกษาดูงานของบุคคลากรท้องถิ่น คสช. ไฟเขียวโรดแม็ปจัดการขยะเร่งด่วน 6 จังหวัด       เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบโรดแม็ปการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย เพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดการบูรณาการ โดย คพ. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม สระบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่จังหวัดดังกล่าว คาดว่ามีค่าใช้จ่ายรวม 526.94 ล้านบาท มติ ป.ป.ช. ให้ สนช. ยื่นบัญชีทรัพย์สิน       เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดใหญ่ มีมติเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า สนช. มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2552 มาตรา 32 โดยต้องยื่นบัญชีฯ ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันรับตำแหน่ง นั่นคือวันที่ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมแห่งสภาในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งสอดคล้องกับมติ ป.ป.ช. ที่เคยพิจารณาในกรณีของ สนช. เมื่อปี 2549 และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สนช. จะต้องมีการเปิดเผยต่อสาธารณะ ตามมาตรา 35 เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในมาตรา 6 วรรค 2 บัญญัติให้ สนช. ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ประกอบกับมาตรา 41 ที่ทำให้เห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่ง สนช. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกับ ส.ส. และ ส.ว. ในส่วนของการถือครองหุ้นนั้น สนช. ยังสามารถถือครองหุ้นต่อไปได้ ไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์การถือครอง เนื่องจากมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาตรา 41 คุ้มครองอยู่ ส่วนกรณีของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้กรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่มีการพิจารณา เพราะยังไม่มีการแต่งตั้ง สปช. คสช.ไฟเขียว 5.9 พันล้าน โครงการเคเบิ้ลใต้น้ำ       เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการระบบเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเพื่อรองรับบริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในการเชื่อมอินเทอร์เน็ตของ 4 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอ โดยใช้งบประมาณรวม 5,979 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นการใช้เงินกู้ประมาณ 3,289 ล้านบาท และรายได้ของทีโอที ประมาณ 2,689 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2559 สำหรับประโยชน์จากการลงทุนในโครงการนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และช่วยรองรับความต้องการบริโภคข้อมูลข่าวสารต่างประเทศของประเทศไทย อีกทั้งเป็นการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย คสช. ไฟเขียวผ่านร่าง พ.ร.บ.อุ้มบุญแล้ว       เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2557 นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... แล้ว ก่อนจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้พิจารณาต่อ ซึ่ง ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ได้กำหนดหลักการเพื่อกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้เหมาะสม ตลอดจนควบคุมการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับตัวอ่อนและเทคโนโลยีช่วยการช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยมีทั้งหมด 49 มาตรา แบ่งเป็น 6 หมวด และบทเฉพาะกาล คสช. อนุมัติแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน       เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2557 พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทางในการวางแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ แผน และเป้าหมายที่กำหนดในแนวทางเดียวกัน คือ การพิทักษ์รักษาพื้นที่ป่าไม้ให้มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศภายใน 10 ปี จากเดิมที่เหลืออยู่เพียงร้อยละ 31.5 โดยให้ กอ.รมน. ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)จัดทำแผนแม่บทดังกล่าว มีเป้าหมายหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า ทวงคืนผืนป่าจากผู้บุกรุกครอบครอง ภายใน 1 ปีเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ภายใน 2 ปี และฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่เป้าหมายภายใน 2–10 ปี ภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ และ 17 กลยุทธ์ พร้อมทั้งจะเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับแผนแม่บทดังกล่าว โดยเน้นดูแลประชาชนในพื้นที่ป่าและรอบพื้นที่ป่าให้มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เตรียมปรับหลักสูตร เพิ่มหน้าที่พลเมือง       ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 6 สพฐ.7 เตรียมปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานครั้งใหญ่อีกรอบ หลังจากที่มีการใช้หลักสูตรปัจจุบันมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งแม้ว่าหลักสูตรนี้จะครอบคลุมดีอยู่แล้ว แต่ก็ครบกำหนด 6 ปีที่จะต้องทบทวน และผลจากงานวิจัยและเสียงจากภายนอกก็มีส่วนทำให้ต้องมีการปรับหลักสูตรใหม่เพื่อให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกัน       การทบทวนจะมีตั้งแต่โครงสร้างหลักสูตร เวลาเรียนที่เหมาะสม ความเหมาะสมในการแบ่งกลุ่มสาระวิชาออกเป็น 8 กลุ่มสาระ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยที่สังคมต้องการ ทั้งนี้ การปรับหลักสูตรจะต้องแก้ปัญหาทุกประเด็นที่เกิดขึ้น       ดร.สุชาติ วงศ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการจัดทำคู่มือการเรียนการสอนวิชาหน้าที่พลเมือง กล่าวว่า วิชาหน้าที่พลเมืองกำหนดให้เป็นรายวิชาเพิ่มเติม ตั้งแต่ ป.1- ม.6 โดยโครงสร้างหลักสูตร ระดับประถมศึกษาจะเรียน 6 วิชา 40 ช.ม.ต่อปี ม.ต้น 6 รายวิชา 20 ช.ม.ต่อภาคเรียน ม.ปลาย 4 วิชา เลือกสอนชั้นใดก็ได้แต่ต้องครบ 80 ช.ม.ใน 3 ปี และ สพฐ. ได้จัดทำตัวอย่างการเรียนรู้ให้โรงเรียนนำไปใช้เพื่อให้การสอนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยการสอนจะเน้นแบบบูรณาการในรูปแบบกิจกรรม ศาลตัดฟ้องคดี ศอฉ. ฆ่าเสื้อแดง       วันที่ 28 สิงหาคม 2557 ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ออกคำสั่ง ศอฉ. ให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธและกระสุนจริง รวมทั้งพลแม่นปืนผลักดันผู้ชุมนุม หรือกระชับพื้นที่ หรือสลายการชุมนุม นปช. ในปี 2553 โดยเจตนาประสงค์ต่อผลที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยศาลมีความเห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้ อัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อไม่มีการฟ้องของอัยการโจทก์ ผู้เสียหายจัดการที่เป็นญาติผู้ตาย จึงไม่อาจเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้       อย่างไรก็ตาม นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีความเห็นแย้งไว้ในท้ายคำสั่งศาลว่า หากคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีเฉพาะข้อหากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเท่านั้น