มิถุนายน 2557 : ผู้ช่วยทูตทหารดูอาวุธยึด ผู้ช่วยทูตทหารดูอาวุธยึด คสช. แถลงผลงานหลังปฏิวัติครบ 1 เดือน กกต. เรียกเงินพัฒนาพรรคการเมืองคืน คสช. เดินหน้า 7 แผนเศรษฐกิจ ธกส. จ่ายหนี้ชาวนาครบ 9.2 หมื่นล้านบาท เร่งใช้งบบริหารจัดการน้ำ 1.7 หมื่นล้านตามแผน เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ไทยยังคงมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จำคุก “เสี่ยเปี๋ยง” 6 ปี คดียักยอกข้าวจีทูจี 2 หมื่นตัน ป.ป.ช. สอบทรัพย์สิน 100 บริษัท โยงทุจริตจำนำข้าว “จารุพงศ์-จักรภพ” ตั้ง “เสรีไทย” ต้าน คสช. สหรัฐฯ ลดระดับค้ามนุษย์ 'ไทย' สู่ขั้น 3 ผู้ช่วยทูตทหารดูอาวุธยึด       เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยเข้ารับฟังการชี้แจง มีผู้ช่วยทูตทหารเข้ารับฟัง 15 ประเทศ จาก 22 ประเทศ ในวันนั้น คสช. ได้นำส่วนหนึ่งของอาวุธสงคราม เครื่องกระสุนและยุทธภัณฑ์ต่างๆ จำนวนมากที่ตรวจยึดได้ภายในช่วง 1 เดือนมาแสดงด้วย ก่อนหน้านี้ คสช. ได้เคยเชิญตัวแทนคณะทูตต่างประเทศเข้าฟังการชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นในการทำรัฐประหาร       เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอียู ได้ประณามการทำรัฐประหารของ คสช. และประกาศควํ่าบาตรต่อ คสช. โดยแถลงว่า 28 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกอียูจะระงับการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการและยกเลิกการลงนามข้อตกลงความร่วมมือหุ้นส่วนกับไทย พร้อมย้ำว่า คสช. ต้องเร่งฟื้นฟูกระบวนการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญผ่านการจัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือในทั่วประเทศและเร่งรัดให้ คสช. ให้ความเคารพสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพ พร้อมทั้งเตือนว่าจะทบทวนความสัมพันธ์กับไทยและอาจพิจารณาการเพิ่มมาตรการควํ่าบาตรมากขึ้น คสช. แถลงผลงานหลังปฏิวัติครบ 1 เดือน       วันที่ 25 มิถุนายน 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เผยแพร่วิดีโอ “สรุปผลงานในรอบ 1 เดือน” ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สรุปว่า ในรอบ 1 เดือนตั้งแต่ คสช. ได้เข้าควบคุมอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นอกจากภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยแล้ว ยังได้เริ่มดำเนินการด้านอื่นอีกใน 2 มิติ คือเศรษฐกิจและสังคม       ด้านเศรษฐกิจ เริ่มจากการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ติดค้างชาวนาอยู่กว่า 9 หมื่นล้านบาท เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินปี 2557 ที่ยังติดค้างและเร่งรัดการจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 แต่งตั้งบอร์ดส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อนุมัติโครงการลงทุน และเริ่มการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและปฏิรูปพลังงาน       ด้านสังคม เริ่มการจัดระเบียบปัญหาสังคมที่สั่งสมมานาน เช่น ปัญหารถตู้ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ การให้กู้เงินนอกระบบ ผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด       นอกจากนี้ยังมีการทบทวนโครงการลงทุนที่มีขนาดเกิน 1 พันล้านของรัฐเป็นจำนวนทั้งสิ้น 28 โครงการ เงินลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท ว่าคุ้มค่าหรือไม่ มีจุดบกพร่องทุจริตที่ไหน หากพบก็ส่งต่อให้หน่วยงานรับผิดชอบคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยกเลิกบางโครงการที่ไม่เกิดผลดี เช่น โครงการจัดซื้อแท็บเล็ตนักเรียน เป็นต้น       ในเรื่องความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทหารได้ปฏิบัติการกวาดล้างอาวุธสงครามทันทีหลังวันยึดอำนาจและดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนทำให้สามารถจับกุมบุคคลระดับปฏิบัติการได้ในหลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น ตราด เพชรบูรณ์ ชลบุรี นนทบุรี ทุกที่นำไปสู่การบุกยึดอาวุธสงคราม กระสุน และวิทยุสื่อสาร ในที่อื่นๆ ได้อีกเกือบจะทุกๆ วัน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 ได้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในเวลาค่ำคืนทั่วประเทศ       สำหรับเรื่องข้อกฎหมายและการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน คสช. ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และฝ่ายกฎหมายของ 19 กระทรวง และสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการดำเนินงานในเรื่องการแก้ไขข้อกฎหมายและข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ที่จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ       1. กฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วน และส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง จะมีการนำมาพิจารณาและออกเป็นประกาศหรือคำสั่งของ คสช. ตามความจำเป็น       2. กฎหมายที่ค้างอยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติ ทั้งที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี และค้างอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา ให้ส่วนราชการจัดทำข้อมูลมาอีกครั้ง เพื่อจัดเรียงลำดับความเร่งด่วน เสนอต่อ คสช. และนำขึ้นสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไป และ       3. กฎหมายที่อยู่ในส่วนราชการที่เตรียมยกร่าง       ทั้ง 3 ข้อได้มอบให้ส่วนราชการกลับไปดำเนินการและเรียงลำดับความเร่งด่วนก่อนส่งกลับมาที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อจัดลำดับส่งให้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ คสช. ต่อไป กกต. เรียกเงินพัฒนาพรรคการเมืองคืน       วันที่ 3 มิถุนายน 2557 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือถึงพรรคการเมืองให้คืนเงินที่ได้รับจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง เนื่องจากประกาศ คสช. ฉบับที่ 11 ให้รัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง จึงทำให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองสิ้นสุดลงด้วย แต่หากพรรคการเมืองใดได้ใช้เงินกองทุนไปบางส่วนแล้วให้แจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายมาได้ นอกจากนี้ กกต. ยังชี้ว่า ด้วยเหตุที่พรรคการเมืองสิ้นสุดลงแล้ว จึงไม่ควรมีการประชุมพรรคหรือกรรมการบริหารเนื่องจากอาจขัดต่อการประกาศกฎอัยการศึกและประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน คสช. เดินหน้า 7 แผนเศรษฐกิจ       เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2557 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้เป็นประธานการประชุมจัดทำโรดแมปเศรษฐกิจร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง โดยกำหนดพันธกิจสำคัญ 4 ประการ คือ การรักษาวินัยการเงินการคลัง การใช้พลังงานทดแทน การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการนำประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี)       นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเร่งด่วน 7 โครงการ ซึ่งต้องเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เห็นชอบอีกครั้ง ประกอบด้วย โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2557 โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศด้านไฟฟ้า รถไฟ และถนน วงเงินรวม 63,096 ล้านบาท พัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ทั้งมาเลเซีย ลาว พม่า ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับเอสเอ็มอีและโอท็อป โครงการที่อยู่อาศัย โดยให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ลูกค้าชั้นดีของธนาคารอาคารสงเคราะห์ วงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 4.125% มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ปฏิรูประบบภาษี เบื้องต้นให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปี       ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง สำหรับมาตรการด้านพลังงานนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพลังงานชี้แจงต่อผู้ค้าปลีกทุกรายให้คงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ให้อยู่ในราคา ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 จนกว่าจะมีการหารือเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพลังงานทั้งระบบอีกครั้ง และให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่ ธกส. จ่ายหนี้ชาวนาครบ 9.2 หมื่นล้านบาท       วันที่17 มิถุนายน 2557 นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธนาคารได้จ่ายหนี้คงค้างตามโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2556/2557 ให้ชาวนาครบทั้ง 8 แสนรายแล้ว คิดเป็นเงินกว่า 92,000 ล้านบาท โดยชาวนาจังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ได้รับเงิน เร่งใช้งบบริหารจัดการน้ำ 1.7 หมื่นล้านตามแผน       เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2557 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมสรุปผลการพิจารณาแผนงานน้ำ ปี 2557 และแนวทางดำเนินงานในปี 2558 โดยสรุปได้ว่า ให้นำงบประมาณบริหารจัดการน้ำในปี 2557 ที่คงเหลืองบจำนวน 1 หมื่น 7 พันล้านบาท ไปดำเนินการตามแผนที่แต่ละหน่วยงานได้เตรียมไว้แล้ว เช่น การขุดลอกคูคลอง แผนป้องกันน้ำท่วม หรือแผนบริหารจัดการน้ำในด้านต่างๆ ส่วนงบประมาณที่เหลือกว่า 1 หมื่น 3 พันล้านบาท จะกันเอาไว้ก่อน โดยให้ 7 หน่วยงานรับผิดชอบตรวจสอบการใช้จ่ายก่อน หากไม่มีปัญหา ให้นำไปสมทบกับงบประมาณบริหารจัดการน้ำในปี 2558 ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ โดยคัดสรรจากผู้ชำนาญการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ จากหน่วยงานต่างๆ เพื่อวางแผนงานบริหารจัดการน้ำ และจัดสรรงบประมาณในปี 2558 เพื่อเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาต่อไป เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว       ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบข้อบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจเดือนพฤษภาคม 2557 โดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า อันเนื่องมาจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาคเอกชน เริ่มมีสัญญาณขยายตัวดีขึ้น ครัวเรือนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน การบริโภคสินค้าไม่คงทนหลายหมวดปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามความเชื่อมั่นผู้บริโภค สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้นมีการขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ติดลบ 0.2% ไทยยังคงมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ       บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลของประเทศไทย ที่ระดับ Baa 1 พร้อมยืนยันแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับมีเสถียรภาพ เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารมากนัก ในขณะที่ผลสำรวจหอการค้าฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 70.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ที่อยู่ระดับ 67.8 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และเป็นค่าดัชนีที่สูงสุดในรอบ 4 เดือน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารงาน รวมทั้งมีการอนุมัติจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวให้แก่ชาวนา ส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่มีการปรับตัวลดลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จำคุก “เสี่ยเปี๋ยง” 6 ปี คดียักยอกข้าวจีทูจี 2 หมื่นตัน       เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2557 ศาลแขวงสมุทรปราการ ได้อ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท เพรซิเดนท์อะกริ จำกัด จำเลยที่ 2 สำนวนละ 3 ปี รวม 6 ปี และปรับบริษัท เพรซิเดนท์ฯ จำเลยที่ 1 รวมทั้งให้จำเลยคืนข้าวสารจำนวนกว่า 2 หมื่นตัน ให้กรมการค้าต่างประเทศ หากไม่สามารถคืนข้าวสารได้ ให้ชดใช้เป็นเงิน 229 ล้านบาท       คดีนี้เกิดขึ้นในปี 2550 ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้รับใบสั่งซื้อข้าวชนิดแตกหัก 5 เปอร์เซ็นต์จากประเทศอิหร่านแบบ “จีทูจี” จำนวน 2 หมื่นตัน ราคา 200 ล้านบาท บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ของนายอภิชาต ได้เสนอตัวเป็นผู้นำข้าวชนิดแตกหักไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์จำนวน 16,400 ตันในครอบครองของกระทรวงพาณิชย์ไปปรับสภาพให้เป็นข้าวหักไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 4,742 ตัน ซึ่งนายอภิชาต จะได้รับผลประโยชน์จากจำนวนข้าวที่แตกต่างกันนี้ แต่ปรากฏว่าบริษัทฯ ได้ผิดนัดถึง 2 ครั้งไม่สามารถจะส่งคืนข้าวให้ได้ ทำให้รัฐบาลต้องคืนค่ามัดจำพร้อมเบี้ยปรับให้ประเทศอิหร่าน พนักงานอัยการ จึงเป็นโจทก์ฟ้องในปี 2551       หลังฟังคำพิพากษา นายอภิชาต ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยใช้หลักประกันเป็นเงินสด 2 ล้านบาท       นายอภิชาต ก่อตั้งบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้งฯ ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาทในปี 2535 และก้าวหน้าเติบโตเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของประเทศในปี 2547 เมื่อได้ชนะประมูลข้าวรัฐบาลถึง 1.68 ล้านตัน แต่ในปีนั้นเองเขาถูกตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขการส่งออกของบริษัทฯ ไม่ตรงกับตัวเลขของกรมศุลกากรถึง 2-3 แสนตัน อาจมีการนำมาเวียนเทียนขายในประเทศ ในปี 2550 สถานะการเงินบริษัทฯ เริ่มตกต่ำและถูกฟ้องล้มละลายโดยธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ในปี 2551-2552 แต่เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยทำโครงการรับจำนำข้าว ชื่อของเขากลับมาถูกอภิปรายพาดพิงในสภาฯ อีกครั้งโดยพรรคฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ว่าเขาเป็นผู้ใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทักษิณ และครอบครัว และเคยเดินทางไปประเทศจีนด้วยกันหลายครั้ง ป.ป.ช. สอบทรัพย์สิน 100 บริษัท โยงทุจริตจำนำข้าว       เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2557 นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่าจากการที่ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวอย่างละเอียด พบว่ามีบริษัทกว่า 100 แห่ง ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจึงต้องตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัทเหล่านี้และจะขยายผลการสอบสวนเพื่อหาจำนวนเงินที่ใช้ในการซื้อขายว่าไปอยู่ที่ใด และมีจำนวนเงินที่จ่ายออกตรงตามบัญชีหรือไม่ มีกำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้       ทั้งนี้ ป.ป.ช. คาดว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดและหากพบมีการกระทำผิดจริงจะชี้มูลคดีอาญาทั้งหมดเสร็จสิ้นในระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน นี้ “จารุพงศ์-จักรภพ” ตั้ง “เสรีไทย” ต้าน คสช.       เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2557 นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ผ่านทางเฟซบุ๊คและคลิปวิดีโอยูทูป ไม่ยอมรับการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของ คสช. ประกาศจัดตั้ง “องค์กรเสรีไทย” ที่ตนเป็นเลขาธิการ มีวัตถุประสงค์ 6 ข้อ คือ ต่อต้านเผด็จการ, เสริมสร้างประชาธิปไตย, เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม, ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดรับกับประชาธิปไตย และพัฒนาคุณภาพประชาชนสู่ความเป็นสากล       ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ขององค์กรเสรีไทย เป็นภาษาอังกฤษในคลิปวิดีโอดังกล่าว       บุคคลทั้งสองที่เป็นแกนนำองค์กรเสรีไทยในขณะนี้ได้หลบหนีหมายจับออกไปนอกประเทศแล้ว แต่ไม่ทราบว่าพักอยู่ในประเทศใด สหรัฐฯ ลดระดับค้ามนุษย์ 'ไทย' สู่ขั้น 3       เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 สหรัฐฯ ปรับลดไทย มาเลเซียและเวเนซุเอลา ลงสู่ขั้นต่ำสุดของบัญชีรายชื่อประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการจัดการปัญหาค้ามนุษย์ ในรายงาน Trafficking in Persons 2014 โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ามีเหยื่อค้ามนุษย์ของโลกหลายหมื่นคนไปลงเอยในไทย ในนั้นจำนวนมากเป็นแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งถูกบังคับกดขี่ ขู่เข็ญหรือไม่ก็ถูกหลอกให้ทำงานเยี่ยงทาส ขณะที่บางส่วนก็ถูกแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจทางเพศ และมีเหยื่อจำนวนมากที่ถูกหลอกแสวงหาผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมประมงเช่นเดียวกับโรงงานสิ่งทอ หรือแม้แต่เป็นคนรับใช้ภายในบ้าน "ความพยายามบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ยังไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดปัญหาในไทย และปัญหาคอร์รัปชั่นในทุกระดับคืออุปสรรคขัดขวางไม่ให้ความพยายามเหล่านั้นประสบความสำเร็จ       การจัดอันดับบัญชีรายชื่อนี้มีผลให้สหรัฐฯ สามารถออกมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ต่อไปได้ ซึ่งอาจจะนำมาใช้ในมาตรการต่อต้านการทำรัฐประหารของไทย แต่อย่างไรก็ตาม การสำรวจนี้ดำเนินการมาในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนที่กองทัพจะทำรัฐประหาร