ธันวาคม 2556 : พลเมืองหลายล้านลุกขึ้นต่อต้านระบอบทักษิณ พลเมืองหลายล้านลุกขึ้นต่อต้านระบอบทักษิณ คปท.ห้าว-ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลาย นปช. ปะทะ นศ. ราม 153 ส.ส. ปชป. ลาออก ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ 2 ก.พ. เค วอเตอร์กลับบ้านชั่วคราว-รอรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง นายกฯ ประกาศตั้งสภาปฏิรูป ปชป. บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง การชุมนุมขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ยิ่งลักษณ์นำทีมเพื่อไทยลงปาร์ตี้ลิสต์ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดสมศักดิ์-นิคม แก้ รธน. ที่มา ส.ว. สศค.-ธปท. ลดเป้าจีดีพี ลดภาษีบุคคลธรรมดาเป็นเวลา 2 ปี ทิ้งใบจองรถคันแรก 1.32 แสนคัน พิบัติภัยธรรมชาติทั่วโลก พระราชดำรัสวันเฉลิม – ยึดมั่นในชาติ       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสขณะเสด็จออกมหาสมาคมเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 86 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ ท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีใจความว่า บ้านเมืองผาสุกมานานเพราะมีความเป็นปึกแผ่นในชาติ ทรงให้ตระหนักถึงความตั้งใจ ประพฤติตัวปฏิบัติงานให้สมฐานะและหน้าที่ ให้สอดคล้อง เกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงปลอดภัยของชาติ พลเมืองหลายล้านลุกขึ้นต่อต้านระบอบทักษิณ       1 ธันวาคม 2556 แกนนำต่อต้านระบอบทักษิณ ขนานนามตนเองว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.) ยังคงยึดพื้นที่ถนนราชดำเนินต่อไป และตลอดทั้งเดือนธันวาคม ทุกคืนบรรดาแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแฉข้อเสียของระบอบทักษิณโดยเฉพาะจากการคอร์รัปชั่นและเอื้อประโยชน์พวกพ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้เรียกร้องให้ประชาชนที่เห็นด้วยให้การสนับสนุน โดยจัดกิจกรรมเดินและชุมนุมนอกสถานที่หลายครั้ง ไปยึดสถานที่ราชการต่างๆ หลายแห่ง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติบนถนนแจ้งวัฒนะ ทั้งชนิดยึดชั่วคราวและยึดค้างคืน แต่ต่อมาในวันที่ 10 ธันวาคม ผู้ชุมนุมได้ถอนกำลังออกไปเหลือแต่เพียงการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเพียงแห่งเดียว ทุกวันมีประชาชนผู้สนับสนุนมาสมทบด้วยเป็นจำนวนมากทั้งที่มานอนค้างคืนและไปกลับ       ในวันที่ 9 ธันวาคม นายสุเทพ ได้เรียกชุมนุมใหญ่โดยหวังว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะสามารถทำให้รัฐบาลลาออกได้ ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีทั้งจากกลุ่มสถาบันการศึกษา กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มวิชาชีพแพทย์พยาบาล ตลอดจนประชาชนทั่วไป โดยมีการรวมตัวเป็นขบวนใหญ่ถึง 9 ขบวนด้วยกันจากที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เดินไปยังทำเนียบรัฐบาล ผู้ชุมนุมเกือบทุกคนใช้ธงชาติและนกหวีดเป็นสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หัวขบวนทั้งหมดได้เดินทางไปถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว ทั้งหมดก็หยุดนั่งบนถนนจนเต็มล้นและเมื่อถึงเวลาเย็นต่างก็สลาย ผู้ชุมนุมบางส่วนเท่านั้นที่กลับไปชุมนุมต่อที่ถนนราชดำเนิน       โดยที่ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งใช้สื่อดิจิตอลบนอินเตอร์เน็ท เช่น เฟสบุ๊คในการสื่อสาร ข้อมูลข่าวสารจึงแพร่หลายกระจายไปในเวลารวดเร็วยิ่งกว่าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ หลังการชุมนุมในวันที่ 9 ธันวาคม มีผู้โพสต์บนเฟสบุ๊คที่แชร์กันไปต่อๆ ว่าประทับใจในความเอื้ออาทรและเสียสละของทั้งผู้มาชุมนุมและประชาชนสองข้างทางและในละแวกใกล้เคียงที่นำน้ำดื่ม อาหารและสิ่งของมาให้ หลายคนเชื้อเชิญให้ไปใช้ห้องน้ำในบ้าน และผู้ชุมนุมบางส่วนที่มาจากต่างจังหวัดก็เข้าไปพักนอนในวัดต่างๆ โดยไม่คิดว่าตนเองนับถือศาสนาอะไร นอกจากนั้นตลอดเวลายังมีผู้นำเงินและสิ่งของมาบริจาคช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม น้ำเกลือเพื่อล้างแก๊สน้ำตา อาหารทั้งที่ปรุงเสร็จและอาหารสด ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นส่วนตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อกันหนาวและผ้าห่มสำหรับผู้ที่นอนค้างคืน เพราะอากาศในเดือนธันวาคมปีนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษกว่าทุกๆ ปี ไม่เว้นแม้แต่ในกรุงเทพฯ       กปปส. ประมาณตัวเลขจากการคำนวณพื้นที่บนถนนที่มีประชาชนออกมาร่วมเดินขบวนว่าน่าจะใกล้ 2 ล้านคน แต่ฝ่ายศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอ.รส.) แถลงว่ามีประชาชนเพียงหลักหมื่นที่ออกมาร่วมชุมนุม       ในวันที่ 22 ธันวาคม นายสุเทพ ได้เรียกร้องให้มีการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงวันที่ 22 นายสุเทพได้นำขบวนผู้ชุมนุมเดินไปชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุม โดยในวันที่ 19 ธันวาคม ได้เดินจากราชดำเนินไปถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ประตูน้ำ อโศก เพลินจิต ราชประสงค์ และในวันที่ 20 ได้เดินไปพระราม 4 เจริญกรุง สีลมและเยาวราช ในแต่ละวันมีผู้มาต้อนรับและมอบเงินสนับสนุนรวมทั้งสองวันเกินกว่า 7 ล้านบาท       โดยที่ วันที่ 22 เป็นวันอาทิตย์จึงมีผู้เดินทางจากต่างจังหวัดมาร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก โดย กปปส. ได้กระจายพื้นที่ชุมนุมออกไปเป็นหลายจุด เช่น แยกอโศกบนถนนสุขุมวิท แยกปทุมวัน แยกราชประสงค์ ย่านสีลม-หน้าสวนลุมพินี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งที่ถนนราชดำเนิน แต่ละจุดตั้งแต่เวลา 12.00 ถึง 18.00 น. มีคนมาร่วมด้วยเป็นจำนวนมากยิ่งกว่าในวันที่ 9 ธันวาคม ประมาณว่ามีคนออกมาชุมนุมถึง 6 ล้านคน หลังจบการปราศรัยบนเวทีและเคารพธงชาติ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางกลับ บางส่วนกลับไปปักหลักต่อที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย       การชุมนุมบนถนนราชดำเนินไม่มีเหตุร้าย แต่ที่เวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ในวันที่ 28 ธันวาคม เวลาตีสาม มีคนร้ายใช้รถเก๋งบุกยิงการ์ดหลังเวที มีคนตาย 1 บาดเจ็บ 3 และในคืนวันที่ 30 ธันวาคมก็มีการลอบยิงอีกครั้ง ทำให้คนขับรถแท็กซี่ที่ยืนในบริเวณนั้นเสียชีวิตอีก 1 คน คปท. ห้าว- ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลาย       ในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลแบ่งออกเป็น 8 สายเดินไปยังสถานที่ราชการ เช่น กระทรวงมหาดไทยและทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่ม คปท. ที่ไปทำเนียบรัฐบาลได้รื้อแท่งปูนและรั้วลวดหนามที่เจ้าหน้าที่นำมาปิดกั้นบนถนน เจ้าหน้าที่ในทำเนียบฯ ได้ยิงกระสุนแก๊สน้ำตาและกระสุนยางออกมา ในขณะที่ผู้ชุมนุมก็ตอบโต้โยนกระสุนแก๊สน้ำตากลับไป ทำให้ควันจากแก๊สน้ำตากระจายคลุ้งเต็มไปหมดทั้งบริเวณจนกระทั่งถึงเวลาเย็นผู้ชุมนุมจึงได้กลับไปยังที่ตั้ง       ในวันที่ 2 ธันวาคม กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลและทำเนียบรัฐบาล พยายามจะบุกเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาในการสกัดอีก ส่วนผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊กและก้อนหินเป็นอาวุธ หลังปะทะดุเดือดตลอดทั้งวันผู้ชุมนุมก็กลับที่ตั้งในเวลาเย็น       ทั้งสองวันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 119 คน       ในวันที่ 3 ธันวาคม กลุ่มผู้ชุมนุมได้กลับมายังทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจนครบาลอีก แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่รื้อเครื่องกีดขวางออกหมดและได้เปิดประตูให้เข้าไปแต่โดยดี รวมทั้งได้จัดน้ำไว้ต้อนรับ หลังเข้าไปสักพักใหญ่ผู้ชุมนุมทั้งหมดจึงเดินทางกลับ       ในวันนั้นศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 4 แกนนำ คปท. และนายสุเทพ เทือกสุบรรรณ เลขาธิการ กปปส. นปช. ปะทะ นศ. ราม       ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้มาชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อแสดงพลังปกป้องรัฐบาล และเริ่มปราศรัยโจมตีกลุ่ม กปปส. ในขณะที่ในบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งมารวมตัวประท้วงที่มีคนมากรีดรูปพ่อขุน ในคืนนั้นมีการปะทะระหว่าง นปช. กับนักศึกษาและคนในพื้นที่ ตลอดทั้งคืนมีเสียงปืนและระเบิดดังเป็นระยะจนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่ ทำให้บรรดานักศึกษาต้องเข้าไปรวมตัวในบริเวณมหาวิทยาลัยไม่กล้าออกเพราะกลัวถูกยิง       การชุมนุมมีต่อมาจนกระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 1 ธันวาคม แกนนำ นปช. จึงประกาศสลายการชุมนุมและให้ทุกคนกลับบ้าน หลังกลุ่ม นปช. ได้ทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว นักศึกษารามฯ ยังไม่กล้าออกจากมหาวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงจึงติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่ทหารมาคุ้มกันรับนักศึกษาออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความปลอดภัย       หลังเหตุการณ์สงบ มีผู้บาดเจ็บกว่า 10 คน เสียชีวิต 3 คน เป็นนักศึกษาถูกยิงเสียชีวิต 1 นปช. 1 และมีคนตายในรถบัสที่ถูกเผาอีก 1 คน 153 ส.ส. ปชป. ลาออก       วันที่ 8 ธันวาคม 2556 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ประชุมกันเป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโมง เพื่อกำหนดแนวทางว่าจะทำอย่างไรต่อการยุบสภาและเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่ง ส.ส. ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรลาออก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 153 คนได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อรองผู้อำนวยการพรรค เพื่อนำยื่นต่อสภาฯ ซึ่งมีผลให้ ส.ส. ทั้ง 153 คนหมดสถานภาพในทันที ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ 2 ก.พ.       วันที่ 9 ธันวาคม 2556 เวลา 08.40 น. นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ และต่อมา กกต. ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557       แต่โดยที่มีการชุมนุมประท้วงขัดขวางการเลือกตั้งทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดหลายแห่ง ทำให้เมื่อสิ้นสุดการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 77 จังหวัด มีผู้สมัครทั้งสิ้น 1,272 คน ใน 347 เขตจากทั้งหมด 375 เขตเลือกตั้ง 28 เขตใน 8 จังหวัดไม่มีผู้สมัคร และ 22 เขตมีผู้สมัครเพียงคนเดียว       รัฐธรรมนูญมาตรา 93 วรรค 7 กำหนดว่า การเปิดสภาเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะกระทำได้หากในสภาฯ มี ส.ส. เกินกว่า 95% ของที่นั่งทั้งหมด ซึ่งก็คือ 480 คน ดังนั้นเมื่อ 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัคร การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้ ส.ส. ไม่เกิน 347 คน ซึ่งเมื่อรวมกับ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออีก 125 คนเป็น 472 ซึ่งไม่ถึง 480 ที่นั่งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดอยู่ดี ซึ่งตัวเลข 472 นี้ยังไม่ได้คำนึงถึงอีก 22 เขตที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียวที่จะต้องได้คะแนนเสียงเกินกว่า 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น และมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ต้องการลงคะแนนในเขตนั้น ซึ่งจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ และการที่ 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัครจะมีผลต่อจำนวน ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่ออีกด้วย       การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินการโดย 5 กกต. ชุดใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่ง ซึ่งได้มีการประชุมเลือกประธานและแบ่งหน้าที่กันดังนี้ คือ นายศุภชัย สมเจริญ เป็นประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เป็น กกต.ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ เป็น กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ เป็น กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ นายประวิช รัตนเพียร เป็น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม       หลังมีเหตุขัดขวางประท้วงการรับสมัคร ส.ส. แบ่งเขตในหลายจังหวัด มีเจ้าหน้าที่ กกต. ขอลาออกหลายคน       กกต. ได้ประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ไว้ที่ 3.8 พันล้านบาท       การยุบสภาทำให้รัฐบาลมีสถานภาพเป็นรัฐบาลรักษาการ ซึ่งสามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ได้เท่านั้น คือ ไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและไม่สามารถใช้งบฉุกเฉิน หรือลงนามผูกพันโครงการระยะยาวได้ จึงมีประเด็นว่า รัฐบาลจะสามารถกู้เงินอีก 270 พันล้านบาทเพื่อใช้ในการรับจำนำข้าวในปี 2556/2557 ดำเนินการในโครงการบริหารจัดการน้ำ 350 พันล้านบาทต่อไป รวมทั้งดำเนินโครงการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทได้หรือไม่ เนื่องยังไม่มีความชัดเจนว่าเงินกู้จำนวนเหล่านี้ได้มาหรือยัง       นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 ที่เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2557 ยังเดินต่อไปได้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จะเร่งจ่ายเงินที่ยังค้างกับชาวนาให้หมด ขณะนี้จ่ายไปแล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากนี้คงต้องรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่       ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ทั้ง 8 เขตที่ประกาศไปก่อนหน้านั้นถือว่ายกเลิกไปโดยปริยาย เพราะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปแทน เค วอเตอร์ เตรียมกลับเกาหลีชั่วคราว       วันที่ 10 ธันวาคม 2556 หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นายมณฑล ภาณุโภคิน กรรมการผู้จัดการบริษัท เค วอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ชนะการประมูลในแผนจัดการน้ำ 2 แผนงานมูลค่า 45% ของทั้งหมด 9 แผนงาน วงเงิน 350 พันล้านบาท กล่าวว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทจนทำให้อาจต้องตัดสินใจส่งตัวทีมงานจากเกาหลีกลับประเทศไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีความแน่นอนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ เค วอเตอร์ ได้ใช้จ่ายไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท       วันที่ 11 ธันวาคม 2556 นายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ (กยน.) เชื่อว่าการยุบสภาจะทำให้โครงการนี้ตกไปโดยปริยาย เพราะในทางกฎหมาย พระราชกำหนดฉบับนี้ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 และในทางปฏิบัติ หากเปลี่ยนรัฐบาลโครงการของรัฐบาลเก่าก็มักจะถูกยกเลิก นอกจากรัฐบาลใหม่จะเป็นชุดเดิมกับรัฐบาลเก่า ก็อาจจะดำเนินโครงการต่อทันทีที่รับตำแหน่ง       นาย สุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) ยืนยันว่าโครงการน้ำจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ขณะนี้ยังขาดการรับฟังความเห็นประชาชนใน กทม. เพียงเวทีเดียว เนื่องจากต้องเลื่อนจากวันที่ 6 ธันวาคมออกไปเพราะความวุ่นวายทางการเมือง ส่วนการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างกับเอกชนทั้ง 4 รายนั้น คงต้องเลื่อนเป็นหลังมีรัฐบาลใหม่ นายกฯ ประกาศตั้งสภาปฏิรูป       เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 รักษาการนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสนอผ่านสถานีโทรทัศน์รวมกาลเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ถึงแนวทางตั้งสภาปฏิรูปทำงานคู่ขนานไปกับการเลือกตั้ง ให้มีสมาชิก 499 คน โดยโหวตเลือกกันเองจากประชาชนที่มาจากทุกสาขาอาชีพ 2,000 คน ทำหน้าที่ร่างแผนปฏิรูปประเทศเร่งด่วน 5 ด้าน ได้แก่ แนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม เพื่อให้ประชาชนมีส่วนในการกำหนดนโยบาย ปฏิรูปกติกาการเลือกตั้งและการสรรหาทุกระดับ เพื่อให้การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ปฏิรูปมาตรการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ปฏิรูปโครงสร้างบริหารราชการแผ่นดิน การใช้งบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ปฏิรูปการกระจายอำนาจและเตรียมสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนและท้องถิ่น       อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ได้รับการท้วงติงว่าเนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จะมีอำนาจแต่งตั้งสภาปฏิรูปหรือไม่ ปชป. บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง       วันที่ 21 ธันวาคม 2556 พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้เหตุผลว่าที่ประชุมพรรคได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าการเมืองไทยอยู่ในภาวะล้มเหลว สืบเนื่องจากประชาธิปไตยถูกบิดเบือนโดยบุคคลบางกลุ่ม ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาในระบบพรรคการเมืองและระบบเลือกตั้ง หากยังมีสภาพเช่นนี้ต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการปฏิรูป จะตกอยู่ในสภาพการเมืองล้มเหลว มีความขัดแย้ง สุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง ความสูญเสีย การทุจริตจะมีต่อเนื่อง พรรคต้องการหยุดภาวะการเมืองล้มเหลว       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กล่าวว่า ตนเคยเสนอกฎหมายให้ความผิดทางทุจริตไม่มีอายุความ การปฏิรูประบบภาษีให้เก็บภาษีที่ดินทรัพย์สิน แม้พรรคจะไม่ลงเลือกตั้งแต่จะไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่มีจุดยืนในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ จะเคียงคู่ประชาชนในการปฏิรูปประเทศใน 3 ขั้นตอน คือ 1. ให้ข้อเท็จจริง ระดมสมองว่าประเทศต้องปฏิรูปอย่างไร 2. ขัดเกลาเป็นนโยบายเพื่อให้ประชาชนใช้พรรคเป็นเครื่องมือ เป็นตัวแทน 3. ทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง การชุมนุมขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง       คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2556 โดยให้พรรคการเมืองมาลงชื่อสมัครและส่งรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ในวันที่ 23 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. และให้มีการจับสลากเลือกเบอร์ในวันที่ 26 ปรากฏว่ามี 9 พรรคที่มาลงเวลาตั้งแต่ 03.00 น. ของวันที่ 23 ส่วนอีก 25 พรรคไม่สามารถมายื่นได้เพราะเกิดความวุ่นวายจากกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่มาปักหลักตั้งแต่คืนวันที่ 22 กกต. จึงประกาศให้ไปแจ้งความและยื่นเอกสารที่สถานีตำรวจดินแดง และในวันที่ 26 ซึ่งเป็นวันจับสลากเลือกเบอร์พรรคที่อาคารเวสน์ 2 ในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กลุ่ม คปท. ได้มาชุมนุมปิดล้อมสถานที่จนเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ กกต. ต้องย้ายสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ไปที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติในวันรุ่งขึ้น       หลังการชุมนุมใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ ของ กปปส. ในวันที่ 22 ธันวาคม และมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไปชุมนุมต่อปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้งที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นที่ดินแดง จนทำให้หลายพรรคการเมืองไม่สามารถจะเข้าไปยื่นหลักฐานได้ในเช้าวันที่ 23 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดรับสมัคร จน กกต. ต้องประกาศให้ไปยื่นเอกสารที่ สน.ดินแดง ในวันที่ 24 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้เดินทางไปนำมวลชนกลับมายังถนนราชดำเนิน แต่ในวันที่ 25 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นเอกสารและจะมีการจับสลากเพื่อแจกเลขที่พรรคในวันที่ 26 นั้น ก็ยังคงมีความวุ่นวายต่อไป เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมจาก คปท. ที่ไปปิดล้อมสถานที่จนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายผู้ชุมนุมที่พยายามบุกเข้าไปในบริเวณ หลังการจับสลากเสร็จในตอนเช้าทั้ง กกต. และตัวแทนพรรคการเมืองต้องเดินทางออกจากสถานที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งได้นำตัวผู้ชุมนุม 14 คนที่เข้าไปในบริเวณไปสอบสวนที่ บก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี ก่อนจะให้ประกันตัวไปในคืนวันนั้น       แม้ในเวลา 11.30 น. แกนนำได้สั่งให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปยังบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ยังคงมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งอยู่ต่อ ความชุลมุนและการยิงแก๊สน้ำตาและปืนยังคงดำเนินต่อไปในตอนบ่าย ทำให้โรงเรียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต้องหยุดทันที แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแถลงว่าใช้กระสุนยางแต่ก็มีผู้ชุมนุมหลายคนถูกกระสุนจริง ตลอดทั้งวันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 158 ราย เสียชีวิต 2 คน เป็นตำรวจที่เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 1 และอีกคนคือผู้ชุมนุมที่เข้าไปช่วยส่งน้ำล้างแก๊สน้ำตาที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสไปเสียชีวิตภายหลังที่โรงพยาบาลแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดรักษาชีวิตไว้ได้ หนึ่งในผู้บาดเจ็บเพราะถูกยิงคืออาสาสมัครพยาบาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในรถฉุกเฉิน       หลังมีข่าวตำรวจเสียชีวิต ผู้แต่งกายเหมือนตำรวจกลุ่มใหญ่ได้รุมล้อมทุบรถยนต์และจักรยานยนต์ที่จอดในบริเวณนั้นประมาณ 50 คัน ซึ่งหลังจากที่มีการนำคลิปวิดีโอจำนวนมากเผยแพร่ในยูทูปและโลกออนไลน์ โฆษก ศอ.รส. พ.ต.อ. ปิยะ อุทา ได้ชี้แจงว่าผู้กระทำการดังกล่าวเป็นตำรวจปลอม ซึ่งก็สอดคล้องกับคลิปวิดีโออีกชิ้นหนึ่งที่แอบถ่ายรูปชายฉกรรจ์ทุบรถตู้ตำรวจที่จอดไว้ในกระทรวงแรงงาน นำชุดตำรวจปราบจลาจลมาสวมใส่ แต่ไม่มีผู้ใดในบริเวณนั้นสนใจขัดขวาง รวมทั้งยังมีภาพบุคคลสวมใส่ชุดคลุมขาวทั้งตัวสองคนทำความเคารพกันอีกด้วย       เรื่องนี้สอดคล้องกับภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ถ่ายเหนือหลังคากระทรวงแรงงาน มีชายในชุดดำมีป้าย POLICE ที่เสื้อหลายคนใช้ปืนเล็งไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม       ในวันที่ 27 ธันวาคม กกต. ย้ายที่รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตของ กทม. ไปที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ทำให้การรับสมัครราบรื่น ทำให้ใน กทม. มีผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตทั้งหมด 168 คนจาก 23 พรรคการเมือง       หลังปิดรับสมัครเลือกตั้ง ปรากฏว่ามี 30 พรรคการเมืองส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง แต่จากเหตุการณ์ที่มีการชุมนุมขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งทำให้ 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้ลงสมัคร กกต. ได้เสนอรัฐบาลให้เลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปก่อน แต่รัฐบาลให้ความเห็นว่าไม่สามารถจะทำได้ ยิ่งลักษณ์นำทีมเพื่อไทยลงปาร์ตี้ลิสต์       พรรคเพื่อไทยได้ส่งตัวแทนไปยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 23 ธันวาคม โดยมีรายชื่อผู้สมัครใน 6 ลำดับแรก เรียงกันดังนี้       1. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 3. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 4. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 5. นายชัยเกษม นิติสิริ 6. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง       ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม กกต. ได้จัดให้มีการจับสลากเลือกเบอร์ ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยจับได้หมายเลข 15 ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดสมศักดิ์-นิคม แก้ รธน. ที่มา ส.ว.       เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงว่า ตามที่ ป.ป.ช. ได้ไต่สวนคดีการถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. 383 คน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. โดยมิชอบไปแล้วบางส่วนนั้น ป.ป.ช. พิจารณาเห็นว่า พยานหลักฐานตามที่ได้ในขณะนี้เพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีผู้กระทำการไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 จำนวน 2 ราย คือ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาฯ และนายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา โดย ป.ป.ช. จะทำหนังสือแจ้งให้ทั้งคู่มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มกราคม 2557 สศค.-ธปท. ลดเป้าจีดีพี       สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) พร้อมใจกันลดเป้าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดปี 2556 ลงจากเดิม โดย สศค. ลดจาก 3% ของจีดีพี ลงเหลือ 2.8% และ ธปท. ก็คาดการณ์ว่าจะไม่ถึง 4% อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี สศค. ประเมินว่าการขยายตัวทั้งปีจะอยู่ที่ 5.2% และค่อยๆ ลดลงมาตามลำดับตามสถานการณ์จริงจนกระทั่งครั้งสุดท้ายคือ 3% แต่คาดว่าคงจะโตจริง 2.8% และยังคาดการณ์ว่าในปี 2557 คงจะไม่ถึง 3%       นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกตลอดทั้งปี 2556 น่าจะอยู่ที่ 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 1.3% ลดลงจากเป้าที่คาดว่าจะขยายตัว 7-7.5% และตัวเลขล่าสุดในเดือนตุลาคมพบว่ามีมูลค่าการส่งออกเพียง 19,393.5 ล้านเหรียญ และมูลค่ารวม 10 เดือนมีเพียง 191,533.3 ล้านเหรียญ หรือขยายตัวติดลบ 0.02% ซึ่งอาจจะทำให้ตัวเลขทั้งปีไม่ได้ตามเป้าหมาย ลดภาษีบุคลธรรมดาเป็นเวลา 2 ปี       เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงแก้ไขอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยเพิ่มความถี่ของขั้นอัตราภาษี จากเดิม 5 ขั้น เป็น 7 ขั้น ซึ่งจะมีผลให้ผู้ยื่นเสียภาษีประจำปี 2556 เสียภาษีน้อยลง โดยอัตราใหม่นี้จะมีผลใช้บังคับในปี 2556 และ 2557 ซึ่งคาดว่าจะทำให้กรมสรรพากรมีรายได้ลดลงปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท ทิ้งใบจองรถคันแรก 1.32 แสนคัน       นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดรถคันแรกที่ลูกค้าคืนใบจองว่า ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 มีจำนวน 132,000 คัน พิบัติภัยธรรมชาติทั่วโลก       ปี 2556 มีภัยพิบัติจากธรรมชาติเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคงจะเป็นประเทศฟิลิปปินส์ที่เจอพายุเกือบ 20 ลูกตลอดทั้งปี ลูกที่ร้ายแรงที่สุดคือพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนที่หลังจากพายุผ่านไปเกือบเดือนแต่ยังคงพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วันละ 8-10 ศพ จนยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 6,000 ราย และยังสูญหายอีกกว่า 1,779 ราย ในเอเชีย นอกจากฟิลิปปินส์แล้ว เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น ไทย ต่างก็เจอภัยพิบัติฝนตกน้ำท่วมกันถ้วนหน้า       สหรัฐฯ หลายส่วนเจอพายุและหิมะ 12 รัฐตอนกลางเจอทอร์นาโดถึง 81 ลูกทั้งปี พอถึงปลายปี 26 ธันวาคม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของแคนาดามีพายุหิมะ ประชาชนกว่า 5 แสนคนยังไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะฤทธิ์พายุน้ำแข็งซึ่งทำให้มีคนตาย 17 ราย       ส่วนในหมู่เกาะในทะเลคาริบเบียนก็เกิดน้ำท่วมหนักในเดือนธันวาคม มีคนตายถึง 8 ราย และในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิลก็เกิดน้ำท่วมดินถล่ม มีคนตายกว่า 32 ราย อีกกว่า 5 หมื่นคนต้องอพยพ