ตุลาคม 2556 :ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดผ่านสภาตอนตี 4 สี่กรรมการบริหาร ปชป. ลาออกร่วมต้าน กม. นิรโทษ แก้ รธน. ม.190 ผ่าน รัฐสภา วาระ 2 พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านผ่านวุฒิสภาวาระ 1 ศาล รธน. ระบุแก้ รธน. ที่มา ส.ว. ไม่เข้าเกณฑ์ ม.154 ศาล รธน. นัดไต่สวนคดีคัดค้านแก้ไข รธน. เรื่องที่มา ส.ว. ศาล รธน. ชี้ พ.ร.บ. งบฯ 57 ไม่ขัด ม.168 'สุรพงษ์' รอดถอดถอนเพราะมติวุฒิฯ ไม่ถึง 3 ใน 5 ได้ 3 กกต. ใหม่ เตรียมส่งวุฒิสภาเห็นชอบ อสส. สั่งฟ้อง-ป.ป.ช.เตรียมไต่สวน อภิสิทธิ์-สุเทพ สั่งสลายชุมนุม ป.ป.ช. ตั้งอนุฯไต่สวนการบริหารโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน กำหนดปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ 29 พ.ย. รถไฟสายอันดามันแจ้งเกิด ต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคง 3 เขต กทม. ถึง 30 พ.ย. ป.ป.ช. ชี้ “แซม-ยุรนันท์” ซุกหุ้น อาจถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 1 เดือน หนี้สาธารณะเพิ่มอีก 7.42 หมื่นล้าน แตะ 44.63% ของจีดีพี น้ำท่วม 16 จังหวัด ตาย 80 ราย กรุงเทพฯ ติดอันดับ 5 เสี่ยงภัยอากาศแปรปรวน กำหนดปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ 29 พ.ย. รถไฟสายอันดามันแจ้งเกิด ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 1 เดือน ร่าง กม. นิรโทษสุดซอยผ่านสภา ส.ส. ตอนตีสี่       เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2556 นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือเรียกประชุมด่วนนัดพิเศษในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. . ในวาระที่ 2 ในมาตรา 2 และ 3      ในวันที่ 31 ที่สภาฯ ได้เริ่มประชุม และหลังจากที่มีการอภิปรายกันอย่างยาวนานกว่า 19 ชั่วโมง ประธานสภาฯ ได้สั่งให้ลงมติในวาระที่ 2 และ 3 ติดต่อกัน และในการลงคะแนนวาระที่ 3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 จึงมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเวลา 04.25 น. ทำให้เข้าสู่ขั้นตอนของวุฒิสภาต่อไป      ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ได้รับการต่อต้านจากภาคประชาสังคมอย่างกว้างขวางเนื่องจากความไม่ชัดเจนและมีการสับขาหลอกที่เริ่มต้นจากร่างของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่เสนอให้นิรโทษกรรม เฉพาะการกระทำที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมือง หลังจากที่ผ่านการเห็นชอบรับหลักการของสภาฯ ในวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 แล้ว ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาก่อนเข้าสู่สภาในวาระ 2 และ 3 และคณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2556 ให้เปลี่ยนไปใช้ร่างใหม่ของนายประยุทธ ศิริพานิช รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ที่เรียกกันว่า “ ฉบับเหมาเข่ง สุดซอย” แทน เนื่องจากได้ขยายให้นิรโทษกรรมรวมไปถึงคดีทุจริตย้อนหลังไปถึงปี 2547 ที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549 กล่าวหา บางคดีได้รับการพิพากษาตัดสินไปแล้ว และอีกหลายคดี ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดแล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดี      มาตรา 3 ของร่าง พ.ร.บ. ฉบับสุดซอยเหมาเข่งเขียนเอาไว้ว่า “การให้การกระทำทั้งหลายของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”      การแก้ไขนี้เป็นสาเหตุให้เกิดเสียงวิพากษ์และคัดค้านกันอย่างกว้างขวาง นิด้าโพลล์ได้ทำการสำรวจความเห็นประชาชน พบว่า 57.91% ของกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอย 65.89% คัดค้านการคืนเงิน 4.6 หมื่นบาท ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบ เอแบคโพลล์ พบว่า 84.7% มองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ทักษิณ และ 76.8% เชื่อว่าจะกระทบถึงเสถียรภาพรัฐบาล และกรุงเทพโพลล์ พบว่า 55.1% ของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนี้ และ 41.3% เชื่อว่าหากประกาศใช้จะเกิดการชุมนุมต่อต้านขยายในวงกว้าง      นักวิชาการ เช่น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นว่ารัฐบาลควรถอนร่างฉบับนี้เนื่องจากก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมอย่างกว้างขวาง ในขณะที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ก็คัดค้านการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย โดยอ้างข้อกฎหมายว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านสภาวาระ 1 แล้วไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมในวาระ 2 ได้ และยังไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและผู้สั่งการสลายการชุมนุม      ในภาคธุรกิจ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นองค์กรภาคธุรกิจรวมทั้งสภาหอการค้าไทย สหพันธ์อุตสาหกรรมไทย และสมาคมนายธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศจุดยืนคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการทุจริต เพราะเห็นว่าจะเป็นการส่งเสริมการโกงกิน ปลูกฝังค่านิยมโกงไม่ผิด ทำลายระบบคุณธรรมจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากหากประกาศใช้เป็นกฎหมายจะมีผลลบล้างคดีการทุจริตของนักการเมืองอย่างน้อย 13 คดี รวมทั้งลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกา เช่น คดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก คดีร่ำรวยผิดปกติที่มีการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน คดีทุจริตปล่อยกู้พม่า 4 พันล้าน คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร และการจัดซื้อรถดับเพลิง กทม. เป็นต้น      นอกจากกลุ่มนักธุรกิจแล้ว ยังมีอีกสองกลุ่มที่ทำการชุมนุมแสดงการต่อต้านร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 และกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ชุมนุมภายในสวนลุมพินีมากว่า 2 เดือนแล้ว 4 กก.บริหาร ปชป. ลาออก ต้าน กม. นิรโทษ      เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ และรองหัวหน้าพรรคอีก 3 คน คือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายอิสสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสน การลาออกครั้งนี้เป็นเพียงการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคแต่ยังคงเป็น ส.ส. อยู่ เนื่องจากหากยังมีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอยู่ก็อาจจะทำให้มีการตัดสินยุบพรรคได้ในอนาคต      ในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผู้ชุมนุมได้เริ่มทยอยมาที่สถานีรถไฟสามเสนจนกระทั่งล้นทะลักออกไปบนถนนกำแพงเพชร 5 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ปราศรัยบนเวทีว่ากลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแกนนำในการคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมจนกว่าจะสำเร็จ ร่างฯ แก้ ม.190 ผ่าน รัฐสภา วาระ 2      เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ใน วาระ 2 ว่าด้วยหนังสือสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นการพิจารณาจากร่างที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากที่มีนายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร เป็นประธาน ได้แก้ไข คือ      1. ตัดลดประเภทหนังสือสัญญาที่จะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาอย่างมีนัยสำคัญออกไปให้เหลือเพียง 4 ประเภท คือ       (หนึ่ง) หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตดินแดน       (สอง) หนังสือสัญญาที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ       (สาม) หนังสือสัญญาที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และ       (สี่) หนังสือสัญญาที่มีบทให้เปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุน      2. ให้ตัดข้อความเดิมที่กำหนดให้รัฐบาลต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งให้คณะรัฐมนตรีต้องชี้แจงต่อรัฐสภา และต้องเสนอกรอบเจรจาต่อรัฐสภาออกไปทั้งหมด      การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จึงถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแก้กลไกการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในกระบวนการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ผลักดันให้ประชาชนใช้ท้องถนนแสดงออกทางการเมือง วุฒิสภาผ่านวาระ 1 พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน      เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณาด่วนร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในขั้นรับหลักการวาระ 1 โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวรายงานถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายเงิน 2 ล้านล้านบาทนี้ พร้อมยืนยันว่าจะมีความรัดกุมและโปร่งใสในกระบวนการเบิกจ่าย และวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท จะไม่ทำให้ยอดหนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 ในเวลา 7 ปีนี้ จึงไม่กระทบต่อสถานะการคลังของประเทศ      หลังที่ประชุมวุฒิฯ ใช้เวลาอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างต่อเนื่องถึง 2 วัน โดยมี ส.ว.ใช้สิทธิอภิปรายถึง 74 คน ในที่สุด ที่ประชุมก็ได้ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 86 ต่อ 41 เสียงและงดออกเสียง 8 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา 25 คน เพื่อแปรญัตติใน 7 วัน แต่คณะกรรมาธิการฯ เตรียมขอเพิ่มเวลาอีก 30 วัน เนื่องจากต้องเชิญส่วนราชการมาชี้แจงถึง 18 หน่วยงาน ศาล รธน. นัดไต่สวนคำร้องแก้ที่มา ส.ว. 8 พ.ย.นี้      เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งกำหนดให้วันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 เปิดการไต่สวนคู่กรณี ในคำร้องของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กับคณะ คำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะ คำร้องของนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กับคณะ และคำร้องของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง กรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา กับพวก รวม 312 คน ร่วมเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ว่าเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญดังกล่าว หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการไต่สวนในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา 10.00 น.      ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งไม่รับคำร้องของประธานรัฐสภาที่ส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กับคณะ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กับคณะ ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกรณีการกดบัตรลดคะแนนแทนกัน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 หรือไม่ โดยศาลได้ให้เหตุผลว่า คำร้องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) ที่ศาลจะรับไว้วินิจฉัยได้ ศาล รธน. ตัดสิน พ.ร.บ.งบฯ 57 ไม่ขัด รธน.      เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2556 นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 8 เสียง ว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 มาตรา 27 ในส่วนงบประมาณของสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลปกครอง และมาตรา 28 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคแปด วรรคเก้า      การวินิจฉัยดังกล่าวเป็นไปตามที่ประธานรัฐสภาได้ส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กับคณะรวม 50 คน และคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะรวม 62 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) นั้น 'สุรพงษ์' รอดถอดถอนเพราะมติวุฒิฯ ไม่ถึง 3 ใน 5      เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญทั่วไปเป็นพิเศษ ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องด่วน การลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอน นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายไกรสร พรสุธี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ดำเนินการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ฉบับที่ 5 เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ      ในการลงคะแนนแบบลับ วุฒิสภามีมติถอดถอนนายสรุพงษ์ ด้วยคะแนน 71 ต่อ 59 เสียง และถอดถอนนายไกรสร ด้วยคะแนน 66 ต่อ 66 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง แต่เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การลงคะแนนเสียงถอดถอนต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ คือ 90 คะแนน ดังนั้นจึงถือว่าวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอนทั้ง 2 คนออกจากตำแหน่ง ได้ กกต. ชุดใหม่ครบ 5 คน      เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงมติเลือกนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ข้าราชการบำนาญ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเลขาธิการพีเน็ต นายบุญส่ง น้อยโสภณ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลอุทธรณ์ ภาค 7 และนายประวิช รัตนเพียร อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. จากผู้สมัครทั้งหมด 42 คน โดยทั้ง 3 ราย เป็นผู้ได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาฯ และเป็น กกต. ที่มาจากบุคคลทั่วไป      ส่วน กกต. อีก 2 รายที่ได้จากการสรรหาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาในต้นเดือนตุลาคมนั้น ได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ และ ดร.ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ ซึ่งทั้งหมดจะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไป      คณะกรรมการการเลือกตั้งมีจำนวน 5 คน และมีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี อสส. สั่งฟ้อง-ป.ป.ช.เตรียมไต่สวนกรณีอภิสิทธิ์-สุเทพ สั่งสลายชุมนุม      นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด มีความเห็นให้สั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามมาตรา 80, 83, 84, 90, 288 กรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2553 โดยอัยการสูงสุดจะให้ผู้ต้องหารับทราบก่อนจะนำตัวมาส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งคาดว่า น่าจะดำเนินการภายหลังปิดสมัยประชุมสภา เนื่องจากผู้ต้องหาเป็น ส.ส. และมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง      เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการที่ ศอฉ. มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการขอคืนพื้นที่จากการชุมนุมของ นปช. ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อสรุปและพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ได้ภายในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือภายในปีนี้ ป.ป.ช. ตั้งอนุ กก.ไต่สวนการบริหารโครงการน้ำ      เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อถอดถอนและตรวจสอบการกระทำอันมิชอบของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรองปลัดกระทรวงการคลัง จากกรณีกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ และการพิจารณาคัดเลือกโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนจำนวน 3.5 แสนล้านบาท โดยแต่งตั้งให้นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และให้นายภักดี โพธิศิริ กรมการ ป.ป.ช. และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการ      ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 132 คน ได้ยื่นเรื่องโดยมีความเห็นว่าการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลมีการกระทำความผิดต่อกฎหมาย ต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคง 3 เขต กทม.      เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 3 เขตเดิมของกรุงเทพมหานคร คือ เขตดุสิต เขตพระนคร และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ตั้งแต่ 19 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2556 เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้การชุมนุมทางการเมืองยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีประเด็นเกี่ยวกับคำตัดสินของโลกในคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 30 กองร้อยประจำจุดต่างๆ ในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ป.ป.ช. ชี้มูล “แซม-ยุรนันท์” ซุกหุ้น      เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลว่านายยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินกรณีไม่แจ้งการถือครองหุ้นบริษัท วิลล่า เมดิก้า (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 14 ล้านบาทต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 นอกจากนี้ ในการไต่สวนยังพบด้วยว่า นายยุรนันท์ ไม่ได้ยื่นข้อมูลเงินฝากสหกรณ์การบินไทยของภรรยาด้วย จำนวน 3 ล้านบาท หลังจากนี้ ป.ป.ช. จะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้นายยุรนันท์ พ้นจากตำแหน่ง และจะมีผลห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หนี้สาธารณะขยับอีก 7.42 หมื่นล้าน      น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2556 มีจำนวน 5.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 44.63% ของจีดีพี เป็นหนี้ของรัฐบาล 3.67 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.09 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 5.24 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 834 ล้านบาท      ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 7.42 หมื่นล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 3.74 หมื่นล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 3.22 หมื่นล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 4,502 ล้านบาท น้ำท่วม 16 จังหวัด ตาย 80 ราย      เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2556 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย ข้อมูล ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2556 ว่ายังคงมีสถานการณ์ฯ อีก 16 จังหวัด 62 อำเภอ 408 ตำบล 3,162 หมู่บ้าน 174,970 ครัวเรือน 533,776 คน (คิดเป็น 0.83 % ของประชากรทั้งประเทศ) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 80 ราย กทม.อยู่อันดับ 5 เสี่ยงภัยอากาศแปรปรวน      บริษัท Maplecroft ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ความเสี่ยงในอังกฤษ ได้จัดทำรายงานประจำปีว่าด้วยดัชนีความเสี่ยงจากวิกฤติสภาวะอากาศของโลกแปรปรวน หรือ Climate Change Vulnerability Index ผลปรากฏว่า กรุงเทพมหานครติดอันดับที่ 5 ของเมืองที่มีความเสี่ยงจากสภาวะอากาศโลกแปรปรวนที่สุด โดยอันดับที่ 1 คือ กรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ อันดับที่ 2 คือ นครมุมไบ ของอินเดีย อันดับที่ 3 คือ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และอันดับที่ 4 คือ นครโกลกาตา ของอินเดีย ทั้งนี้ Maplecroft ระบุว่า ในช่วงเวลา 12 ปีต่อจากนี้ เศรษฐกิจโลกในอัตราส่วน 1 ใน 3 จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาสภาพอากาศโลกปั่นป่วน      ตลอดทั้งเดือนตุลาคมมีพายุรุนแรงพัดเข้าสู่ฝั่งในภูมิภาคเอเชีย เช่น พายุหวู่ติ๊บในทะเลจีนใต้ ทำให้ฝนตกหนัก น้ำท่วมในเวียดนาม พายุใต้ฝุ่นนารี ที่เข้าไทยจนเป็นสาเหตุให้น้ำท่วมในประเทศไทย พายุใต้ฝุ่นฟิโทว์ในประเทศจีน พายุใต้ฝุ่นวิภาที่ถล่มญี่ปุ่นรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี และประเทศที่โชคร้ายที่สุดคือฟิลิปปินส์โดนพายุถึงสองลูกซ้อน คือ วิภาและอุซางิ ฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่มลงมาทับอาคารจนมีผู้เสียชีวิต      ส่วนในทวีปยุโรป ที่ประเทศอังกฤษเกิดพายุไซโคลนเซนต์จู๊ด กระแสลมแรงกว่า 128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และฝนตกหนักจนต้องยกเลิกเที่ยวบิน อาคารกว่า 2 แสนหลังไม่มีไฟฟ้าใช้      ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี เรียกร้องให้กลุ่มชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนและญี่ปุ่น ให้ร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน บรรเทาหายนะจากภัยธรรมชาติ ทั้งนี้ สภาวะโลกร้อนเกิดจากอุตสาหกรรมหนักในภูมิภาคมากราว 30 เปอร์เซ็นต์ การลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานแก้ปัญหาโลกร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าความเสียหายจากภัยธรรมชาติตลอดช่วงเวลา 40 ปี อยู่ที่กว่า 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 29 พ.ย. ปิดประชุมรัฐสภา      เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป พ.ศ. 2556 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ เนื่องจากการประชุมดังกล่าวจะครบกำหนด 120 วัน ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 จึงให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน เป็นต้นไป เตรียมสร้างรถไฟสายอันดามัน      ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบโครงการทางรถไฟสายอันดามันเพื่อการท่องเที่ยว เส้นทางภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี เส้นทางคีรีรัฐ-ทับปุด-ตะกั่ว-ระนอง และเส้นทางภูเก็ต-ตรัง      ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาและออกแบบเส้นทางรถไฟสายอันดามันจากสถานี คีรีรัตนนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ถึงสถานีบ้านท่านุ่น จ.ภูเก็ต ระยะทาง 106 กิโลเมตร และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทในการก่อสร้าง ขยายเวลาลดภาษีดีเซลอีก 1 เดือน      เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลามาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน 2556 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน