สิงหาคม 2556 : ร่าง พ.ร.บ. งบปี 57 วงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท ผ่านวาระ 3 ตั้ง 3 สภาปฏิรูปให้ "บรรหาร" ดูแล ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านสภาฯ วาระแรก แก้ รธน. เรื่อง ส.ว. ผ่าน รัฐสภา วาระ 2 เตรียมเสนอ ‘ทวีเกียรติ’ เป็นตุลาการศาล รธน. แทน ‘วสันต์’ 10 เดือนแรกปี 2556 รัฐขาดดุลเงินสด 4 แสนล้านบาท หนี้สาธารณะไทยพุ่งไม่หยุดเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.50% 1 ก.ย. ขึ้นค่าทางด่วนทุกเส้นทาง ลดเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนฯเหลือ 20 ส.ต. /ลิตร ออกมาตรการภาษีหนุนภาคท่องเที่ยว เตรียมตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยให้ลูกจ้าง มาตรการแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ ใช้งบอีก 2.7 แสนล้าน รับจำนำข้าวปี 56/57 คนสมัครงานล้นตำแหน่งว่าง 163% ผลวิจัย ป.1 ใช้แท็บเล็ตไม่คุ้มค่า คอร์รัปชั่นฉุดภาพลักษณ์ไทยดิ่ง สภา ส.ส. ผ่านร่าง พ.ร.บ. งบปี 57      เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ซึ่งมีกรอบวงเงิน 2.5 ล้านล้านบาท ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 290 ต่อ 136 เสียง งดออกเสียง 19 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง หลังจากที่ใช้เวลาในการอภิปรายนานถึง 5 วัน ตั้ง 3 สภาปฏิรูปให้บรรหาร ดูแล      ในเดือนสิงหาคม 2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คณะ คือ คณะปฏิรูปการเมือง คณะปฏิรูปเศรษฐกิจ และคณะปฏิรูปสังคม และมอบให้นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ดูแลในภาพรวม โดยจะเริ่มต้นทำงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 เป็นต้นไป      หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายในการปฏิรูปครั้งนี้ไว้ 7 ข้อ คือ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความมั่นคงแข็งแรง ให้สังคมไทยมีความเท่าเทียม เสมอภาค ตามสิทธิที่แต่ละกลุ่มควรได้รับ และลดความเหลื่อมล้ำ ให้มีกลไกการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี จะสร้างกระบวนการให้เกิดความยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐานที่แต่ละกลุ่มในสังคมควรได้รับ ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ให้มีประชาธิปไตยที่ผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ยึดเสียงส่วนใหญ่ รับฟังเสียงส่วนน้อย จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และบรรยากาศที่ดีของการไว้วางใจกัน และ จะยึดผลประโยชน์ส่วนรวมบนความถูกต้อง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านสภาฯ วาระแรก       เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ ในวาระที่ 1 ด้วยคะแนนเสียง 300 ต่อ124 งดออกเสียง 14 ไม่ลงคะแนน 2 จากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 35 คน ให้ทำการแปรญัตติภายใน 7 วัน แก้ รธน. ที่มา ส.ว. ผ่านรัฐสภาในวาระ 2      เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. ด้วยคะแนน 349 ต่อ 157 เสียง ในวาระ 2 ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมากได้เสนอให้บุพการี-คู่สมรส-บุตร ส.ส. ลงสมัคร ส.ว. ได้ และให้มี ส.ว. จำนวน 200 คนมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด      อนึ่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังจะต้องนำเข้าพิจารณาในวาระ 3 อีกครั้งหนึ่ง เตรียมเสนอ "ทวีเกียรติ"เป็นตุลาการศาล รธน. แทน”วสันต์”      เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ได้มีมติ 4 เสียงเลือก ศ.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ซึ่งได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ จากนี้จะส่งชื่อให้วุฒิสภามีมติให้ความเห็นชอบต่อไป 10 เดือนแรกปี 56 รัฐขาดดุลเงินสดแล้ว 4 แสนล้าน      นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 ว่า รัฐขาดดุลเงินสดรวม 4.07 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นเงินในงบประมาณ 2.72 แสนล้านบาท และเงินนอกงบประมาณอีก 1.34 แสนล้านบาท      ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1.75 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 1.83 แสนล้านบาท หรือ 11.7% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การเบิกจ่ายงบประมาณอยู่ที่ 2.02 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.16 แสนล้านบาท หรือ 6.1% จึงทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล หนี้สาธารณะพุ่งไม่หยุดเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน      กระทรวงการคลัง รายงานตัวเลขหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีจำนวน 5.22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 44.27% ของจีดีพี เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 4.79 หมื่นล้านบาท ซึ่งหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นรวมกันถึง 3.5 แสนล้านบาท กนง. มีมติคงดอกเบี้ย 2.5%      เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% หลังจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ชะลอตัวลง 1 ก.ย. ขึ้นค่าทางด่วน      นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 เป็นต้นไป ค่าผ่านทางพิเศษ 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ระบบทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2) และทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) จะมีการปรับขึ้นราคาตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทานระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บีอีซีแอล ว่าจะมีการพิจารณาขึ้นค่าผ่านทางทุกๆ 5 ปี โดยอิงจากดัชนีผู้บริโภค ลดเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนเหลือ 20 ส.ต./ลิตร      นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 29 สิงหาคม 2556 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาท/ลิตร จากเดิมจัดเก็บเข้ากองทุนฯ 0.70 บาท/ลิตร เป็น 0.20 บาท/ลิตร ซึ่งยังคงทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกประเภทปรับลดอัตราการส่งเข้ากองทุนฯ 0.30 บาท/ลิตร ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีหนุนภาคท่องเที่ยว      เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายสองฉบับ คือ      1. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... และ      2. ร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ....      โดยกฎหมายฉบับแรกเป็นมาตรการที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนิติบุคคลมีการพัฒนาบุคลากรของตน โดยการจัดสัมมนาในประเทศ และฉบับที่สองเป็นมาตรการทางภาษีสนับสนุนให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพย์สินของตนให้ดียิ่งขึ้น      กฎหมายทั้งสองฉบับเป็นไปตามหลักการของ “มาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 เตรียมตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยลูกจ้าง      เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบต่อไป โดยสาระสำคัญของร่างดังกล่าว เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงให้ทุนในการดำเนินการซึ่งเป็นทุนประเดิมและอุดหนุนตามความเหมาะสม มาตรการแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ      สืบเนื่องมาจากปัญหายางพารามีราคาตกต่ำเกษตรกรผู้ปลูกยางในภาคใต้ได้ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาและมีการปิดถนนเอเชียทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2556 จนกระทั่งเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีผู้บาดเจ็บในวันที่ 23 สิงหาคม 2556 นั้น      เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาแนวทางแก้ไขที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอ เช่น ให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตโดยการซื้อปุ๋ยโดยตรงให้กับเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูกไม่เกิน 10 ไร่ และส่งเสริมให้เกษตรกรโค่นต้นยางพาราที่มีอายุเกิน 25 ปี เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันทดแทน เป็นต้น      และในวันที่ 30 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (กสย.) ได้มีมติให้ยกเลิกการเก็บเงินเซสเป็นระยะเวลา 4 เดือน คือตั้งแต่เดือนกันยายน จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2556 นี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกยางมาช่วยซื้อยางกับเกษตรกร โดยมอบหมายให้องค์การสวนยาง (อสย.) ประสานผู้ส่งออกเพื่อมาหารือร่วมกัน พร้อมมอบหมายให้สถาบันวิจัยยางไปตรวจสต็อกของผู้ส่งออกทุกรายที่มีอยู่ขณะนี้ว่ามีเท่าไหร่และอยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อให้การงดเก็บเงินเซสที่กำหนดขึ้นส่งประโยชน์ถึงเกษตรกรได้อย่างแท้จริง      พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์สวนยาง พ.ศ. 2503 กำหนดให้ผู้ประกอบการส่งออกยางพาราจะต้องจ่ายเงินเซส (cess) หรือภาษี ในอัตรา 2 บาท/กิโลกรัม เงินจำนวนนี้จะแบ่งไปเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง 10% ให้สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร เพื่อใช้ในงานค้นคว้าวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ยาง เทคโนโลยีใหม่ๆ 5% อีก 85% นำไปใช้ส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยางให้ปลูกยางใหม่ทดแทนยางเก่า เมื่อมีการลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงก็จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเพิ่มจำนวนการซื้อยางจากเกษตรกรได้ ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกก็จะมีช่องว่างในการแข่งขันกับคู่ค้ารายอื่นๆ ในการส่งออกยางไปต่างประเทศได้      ประเทศไทยผลิตยางพาราได้ประมาณ 3.6 ล้านตันต่อปี มากกว่าร้อยละ 90 ส่งออกไปนอกประเทศ จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกยางพาราจึงหดตัวทำให้ราคายางพาราปรับตัวลดลงตามกลไกลตลาด ทำให้ขณะนี้มียางพาราแผ่นในสต็อกถึง 2 แสนตัน รัฐบาลจึงจะกำหนดเป็นนโยบายให้นำไปใช้ภายในประเทศในด้านการคมนาคมและซ่อมแซมถนน      คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจยังมีข้อเสนอจะให้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีดไม่เกิน 10 ไร่ และเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องเท่านั้น ในอัตราการช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท วงเงินรวม 5,268 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 3 กันยายนนี้ หาก ครม. เห็นชอบจะให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ลงนามถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการระดับตำบลในการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางของเกษตรกร ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ธ.ก.ส. และเกษตรตำบล เป็นกรรมการ และปลัดตำบลเป็นประธาน เพื่อร่วมกันลงตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางเป็นรายแปลงและออกใบรับรองเพื่อเกษตรอำเภอส่งไปยัง ธ.ก.ส. และจ่ายเงินสดเข้าบัญชีเกษตรกรต่อไป      กระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการแจ้งให้เกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรมายื่นแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรสามารถดำเนินการได้ทันทีหลังจาก ครม. มีมติเช่นกัน ใช้งบ 2.7 แสนล้านรับจำนำข้าวปี 56/57      เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติเห็นชอบกำหนดเพดานราคารับจำนำข้าวเปลือกในปีการผลิต 2556/2557 ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งนาปี และนาปรัง โดยจะรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ที่ราคาตันละ 15,000 บาท เกษตรกรสามารถนำข้าวมาเข้ารับจำนำได้ไม่เกิน 350,000 บาท/ครัวเรือน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 รับจำนำที่ตันละ 20,000 บาทตามเดิม ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ราคาตันละ 13,000 บาท จำกัดวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท/ครัวเรือน ทั้งนี้ใช้กรอบงบประมาณที่ 270,000 ล้านบาท และคาดจะมีข้าวร่วมโครงการทั้ง 2 รอบที่ 18 ล้านตัน คนสมัครงานล้นตำแหน่ง 163%      สำนักเศรษฐกิจการแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยรายงานสถานการณ์และการเตือนภัยด้านแรงงานประจำไตรมาส 2 ระบุว่า ไตรมาสดังกล่าวมีอัตราการว่างงานต่อกำลังแรงงานอยู่ที่ 0.77% โดยมีตำแหน่งงานว่าง 1.38 แสนอัตรา มีผู้สมัครงาน 2.26 แสนคน ซึ่งเมื่อเทียบอัตราผู้สมัครงานต่อตำแหน่งงานว่างแล้วอยู่ที่ 163.4% ขยายตัวจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 119.9% หรือเพิ่มขึ้น 36.28% นอกจากนี้ หากเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2555 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 121.12% แล้ว เท่ากับไตรมาส 2 ของปีนี้ อัตราผู้สมัครงานต่อตำแหน่งงานว่างขยายตัวเพิ่มขึ้น 34.9%      ทั้งนี้ ภูมิภาคที่มีอัตราการสมัครงานต่อตำแหน่งงานว่างสูงสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 205.25% รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร 197.19% ภาคใต้ 183.46% ภาคเหนือ 154.47% และภาคกลาง 131.57% ผลวิจัย ป. 1 ใช้แท็บเล็ตไม่คุ้มค่า      นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ผลการวิจัยการใช้แท็บเล็ตในนักเรียนชั้น ป.1 พบว่า ครูและนักเรียนยังคงใช้ศักยภาพเครื่องที่ได้รับแจกประกอบการเรียนการสอนเพียง 20% ซึ่งถือว่ายังน้อย จึงต้องหาแนวทางและจัดทำแผนเพื่อกระตุ้นให้มีการใช้งานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลการวิจัยยังระบุอีกว่า ครูผู้สอนยังไม่สามารถปรับเนื้อหาการเรียนการสอนจากแท็บเล็ตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่นได้ รวมถึงยังมีข้อกังวลว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้เด็กติดเกมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ศธ. จะเร่งกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งพัฒนาเกมที่ส่งเสริมการเรียนรู้นำมาบรรจุในแท็บเล็ตมากขึ้นต่อไป คอร์รัปชั่นฉุดภาพลักษณ์ไทยดิ่ง      คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เตรียมนำรายงานการพัฒนาระบบราชการไทยประจำปี 2555 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 20 สิงหาคม 2556 รับทราบก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยสาระสำคัญ คือ รับทราบรายงานดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 88 จาก 176 ประเทศ (ค่าดัชนี 37 หรือ 3.7 ในฐานคะแนนแบบเดิม) ซึ่งปี 2554 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 80 จาก 183 ประเทศ (ค่าดัชนี 3.4) อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากค่าดัชนีเปรียบเทียบกับปี 2554 ด้วยฐานคะแนนที่เท่ากันแล้ว จะพบว่าค่าดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 0.3 คะแนน โดยประเทศที่มีค่าดัชนีสูง หมายถึงประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นน้อยที่สุด และประเทศที่มีค่าดัชนีต่ำหมายถึงประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด ก.พ.ร. รายงานว่า สมรรถนะในการแข่งขันของระบบราชการไทยเชิงเปรียบเทียบความเป็นประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนประกอบธุรกิจ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 17 จาก 183 ประเทศ ในส่วนภาวะธรรมาภิบาลพบว่า มิติประสิทธิผลของรัฐบาลและมิติคุณภาพของมาตรการควบคุมยังคงอยู่ใน Percentile Rank ที่ 50-75 ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยพบว่า อยู่ในอันดับที่ 30 จาก 59 ประเทศ