มิถุนายน 2556 : โปรดเกล้าฯ ครม. ยิ่งลักษณ์ 5 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม. ยิ่งลักษณ์ 5 หน้ากากขาวร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาล-ระบอบทักษิณ ศาลปกครองสั่งให้รับฟังความเห็นประชาชนก่อนบริหารจัดการน้ำ จำนำข้าวได้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครอบครัวที่ตันละ 1.2 หมื่นบาท ปรับลดลดเป้าการขยายตัวเศรษฐกิจ ครม. อนุมัติอีก 7,500 ล้าน ช่วยเอสเอ็มอี ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. ตั้ง “ปลอดประสพ” นั่ง ปธ.ตรวจสอบไทยเข้มแข็ง หนี้ครัวเรือนไทยสูงสุดในรอบ 5 ปี เฉลี่ย 188,774 บาทต่อครอบครัว ศาลฎีกายกฟ้องอดีต กกต. คดีจัดเลือกตั้งมิชอบ พนักงานรัฐวิสาหกิจชายลาดูแลภรรยาคลอดได้ 15 วัน ทุนสำรองประเทศเพิ่ม 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยสปริงจัดชุมนุมออนไลน์ต้านระบอบทักษิณ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแก้ รธน. มาตรา 68 และ 237 เอกชนเสนอตั้งนิคมอุตฯ ใหม่ 28 โครงการ รองรับเออีซี โปรดเกล้าฯ ครม. ยิ่งลักษณ์ 5 แล้ว เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังต่อไปนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พ้นจากรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางปวีณา หงสกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราเทพ รัตนากร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางเบญจา หลุยเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพ้อง ชีวานันท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายยรรยง พวงราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หน้ากากขาวชุมนุมครั้งที่ 5 ต้านรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 กลุ่มหน้ากากขาวจำนวนมากได้เดินทางมาร่วมชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ เพื่อแสดงพลังต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และต่อต้านระบอบทักษิณเป็นครั้งที่ 5 แกนนำกลุ่มได้อ่านแถลงการณ์ยืนยันว่าจะมีการต่อสู้และแสดงพลังอย่างสงบ เพื่อขจัดระบอบเผด็จการและการคอร์รัปชั่นที่เป็นปัญหาสั่งสมมานาน นอกกลุ่มหน้ากากขาวจะชุมนุมในกรุงเทพฯแล้ว ยังมีการชุมนุมในต่างจังหวัดและต่างประเทศเช่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็นต้น อีกด้วย ศาลสั่งรัฐจัดฟังความเห็นก่อนเดินหน้าโครงการน้ำ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษามีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและ อุทกภัย (กบอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) นำแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนดำเนินโครงการก่อสร้างเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ จำนวน 9 โครงการ 10 แผนงาน วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ไปดำเนินการจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในมาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง มาตรา 57 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชนท้องถิ่น และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว การวางแผนพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การวางผังเมือง การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการออกกฎที่อาจมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน ให้รัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ มาตรา 67 สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการอนุรักษ์ บำรุงรักษาและการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามความเหมาะสม การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์การอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว สิทธิของชุมชนที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัตินี้ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ครม. ไฟเขียวลดราคาจำนำข้าว เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุม มีมติรับทราบผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 ลงเหลือ 12,000 บาท/ตัน จาก 15,000 บาท/ตัน และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2556 พร้อมทั้งตั้งเพดานการรับจำนำข้าวต่อรายไม่เกินครอบครัวละ 5 แสนบาท พร้อมนี้ ครม. ยังกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย เข้มงวดในการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจดทะเบียน การตรวจสภาพข้าว การเก็บรักษา และการระบายข้าว มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลมีข้าวในสต็อกกว่า 18 ล้านตันจากการจำนำในสามฤดูกาลก่อน คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 220,968 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาข้าวในตลาดโลก คลังลดเป้าเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 4.5% นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า คลังปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2556 ขยายตัวได้ 4.5% ต่อปี โดยมีช่วงอยู่ที่ 4-5% ต่อปี จากเดิมขยายตัวได้ 4.8% ต่อปี มีช่วงอยู่ที่ 4.8-5.8% ต่อปี ทั้งนี้ เหตุที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลง เนื่องมาจากการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุนโดยในส่วนของการบริโภคมาจากสาเหตุรายได้ของเกษตรกรลดลงจากราคาพืชผลตกต่ำ ทั้งราคายางพารา และการลดราคาจำนำข้าว อัดฉีดอีก 7.5 พันล้าน อุ้มเอสเอ็มอี ฝ่าวิกฤต เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติวงเงินรอบสองอีก 7,500 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ในการปรับปรุงเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้สูงขึ้น แต่ละรายกู้ได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินช่วยเหลือดังกล่าวเป็นการให้ต่อเนื่องจากรอบแรกที่ได้ 7,500 ล้านบาท และมีเอสเอ็มอียื่นขอความช่วยเหลือเต็มวงเงินแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2556 ส่วนใหญ่แต่ละรายจะได้รับเงินกู้ประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อนำไปปรับปรุงเครื่องจักร ลดการใช้แรงงานและลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ครม. ต่ออายุลดภาษีดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ออกไปอีก 1 เดือน ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2556 เพื่อบรรเทาผลกระทบและช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันดีเซลอีกเดือนละ 9,000 ล้านบาท ตั้ง "ปลอด" นั่ง ปธ.ตรวจสอบไทยเข้มแข็ง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานประเมินผลเพื่อศึกษาการดำเนินการภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (ไทยเข้มแข็ง) โดยมี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคณะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง เพื่อประเมินผลโครงการไทยเข้มแข็งว่ามีโครงการอะไรดำเนินการไปแล้วบ้าง และก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้าง หนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 5 ปี นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสภาพหนี้ครัวเรือน พบว่า 64.6% ของครัวเรือนไทยมีหนี้สิน และค่าเฉลี่ยหนี้ครัวเรือนมีหนี้สินสูงถึง188,774.54 บาท ตัวเลขนี้ขยายตัว 12% จากปี 2555 ซึ่งถือเป็นหนี้ครัวเรือนที่สูงสุดนับตั้งแต่การสำรวจในรอบ 5 ปี โดยมีอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนเฉลี่ย 11,671.93 บาท ทั้งนี้ หนี้สินครัวเรือนแบ่งเป็นหนี้นอกระบบ 49.6% ผ่อนชำระเดือนละ 6,377.70 บาท ขยายตัว 13.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนการกู้ในระบบ มีสัดส่วน 50.4% ผ่อนชำระเฉลี่ยเดือนละ 10,990.28 บาท ศาลฎีกา พิพากษากลับยกฟ้อง “พล.ต.อ.วาสนา-ปริญญา” เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ศาลอาญา ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต., นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร, พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ กรรมการ กกต. และ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา อดีตเลขาธิการ กกต. เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ. 2541 จากกรณีจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 เอื้อประโยชน์ให้พรรคไทยรักไทย ศาลฎีกาใช้เวลาพิจารณาคดีนี้นานกว่า 5 ปี โดยพิพากษากลับยกฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีสิทธิฟ้องอดีต กกต. เนื่องจากนายถาวร ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา นายปริญญา และนายวีระชัย จำเลยที่ 2-4 คนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี สำหรับจำเลยที่ 1 และ 6 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 5 พล.อ.จารุภัทร นั้น ได้ลาออกจาก กกต. ไปก่อน โจทก์จึงถอนฟ้อง พนักงานรัฐวิสาหกิจชายลาดูแลภรรยาคลอดได้ 15 วัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในเรื่องการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ 2 ข้อ ได้แก่ 1. ลูกจ้างซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อน หรือในวันที่ลาภายใน 90 วันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 15 วันทำงาน นายจ้างอาจให้แสดงหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาตด้วยก็ได้ 2. ลูกจ้างซึ่งลาไปช่วยเหลือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ภริยาคลอดบุตรให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกิน 15 วันทำงาน แต่ถ้าเป็นการลาเมื่อพ้น 30 วัน นับแต่วันที่ภริยาคลอดบุตร ไม่ให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลา เว้นแต่ผู้บริหารสูงสุดเห็นสมควรจะให้จ่ายค่าจ้างระหว่างลานั้นก็ได้ แต่ไม่เกิน 15 วันทำงาน ทุนสำรองประเทศเพิ่ม 1,200 ล้านเหรียญฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2556 ว่า อยู่ที่ระดับ 1.765 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.408 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.72 หมื่นล้านบาท หากคิดอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่ระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 1.753 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.290 ล้านล้านบาท ไทยสปริงเปิดเฟสบุ๊คต้านระบอบทักษิณ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2556 ตัวแทนกลุ่มไทยสปริง นำโดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ พร้อมด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และนายขวัญสรวง อติโพธิ เครือข่ายกลุ่มไทยสปริง ได้แถลงข่าวเปิดตัวการประกาศการชุมนุมทางออนไลน์ โดยพฤติการณ์เช่นนี้ ประชาชนย่อมมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะปฏิเสธความชอบธรรม ด้วยการแข็งข้อตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญปัจจุบันรับรองไว้ในมาตรา 69 สำหรับ ความเคลื่อนไหวการชุมนุมครั้งนี้ผ่านสื่อออนไลน์ หวังสร้างอาวุธทางปัญญาร่วมกัน ก่อนถึงเดือนสิงหาคม ผ่านเฟสบุ๊คชื่อ thai spring forum ร่วมกับเฟสบุ๊คการเมืองหลักๆ ในฐานะพันธมิตร จากนั้นจะมีการถ่ายทำคลิปชุมนุม จำนวน 6 ครั้ง ครั้งละ 1 หัวข้อ นำมาทยอยเผยแพร่ทางเฟสบุ๊ค ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. โดยจะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน ถึง วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2556 ซึ่งการชุมนุมแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลา 2 ชั่วโมง เป็นการชุมนุมแบบปิด ศาล รธน.รับคำร้องค้านแก้มาตรา 68 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง รับคำร้องของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กรณียื่นคำร้องคัดค้านการประทำของ ส.ส. และ ส.ว. รวม 312 คน เสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ... ) พ.ศ. .... โดยแก้ไขมาตรา 68 และมาตรา 237 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เอกชนยื่นขอตั้งนิคมอุตฯ 28 แห่ง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดให้ภาคเอกชนยื่นเสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2556 ปรากฏว่ามีผู้เสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมฯ รวม 28 โครงการ มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 8.92 แสนล้านบาท พื้นที่พัฒนา 1.42 หมื่นไร่ แบ่งเป็น นิคมฯ เอสเอ็มอี 18 โครงการ นิคมฯ โลจิสติกส์ อ.เชียงของ จ.เชียงราย 4 โครงการ และนิคมฯ ภาคอีสาน 6 โครงการ ทั้งนี้ กนอ. มีมาตรการจูงใจสำหรับเอกชนที่เสนอตั้งนิคมฯ ในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ 1. สนับสนุนการก่อสร้างศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) พื้นที่ประมาณ 500 ตร.ม. วงเงินไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท 2. ยกเว้นค่ากำกับบริการ 2 ปี และให้ชำระในปีที่ 5 เป็นต้นไป 3. สนับสนุนการประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ