กรกฎาคม 2555 : ศาล รธน. ชี้แก้ ม.291 ไม่ล้มการปกครอง ศาล รธน. ชี้แก้ ม. 291 ไม่ล้มล้างการปกครอง ศาล เลื่อนพิจารณาคดีถอนประกัน “จตุพร” กมธ. ปรับลดงบปี 56 ลง 2.06 หมื่นล้านบาท ป.ป.ช. ไต่สวนการจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิด มติ ป.ป.ช. ให้ฟ้องยึดทรัพย์สุพจน์ 64 ล. ป.ป.ช. ยื่นเรื่องถอดถอนสุเทพ แทรกแซงข้าราชการประจำ ให้วุฒิสภา ครม. ตั้ง กก. คัดเลือกเอกชนวางระบบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ศาลฎีกาฯ รับฟ้องคดีแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ กฤษฎามหานคร จำคุก พล.อ.ธีรเดช 2 ปี เหตุเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ขึ้นเงินเดือนตัวเอง ผลสอบนายกฯ ไปโฟร์ซีซันส์ไม่ส่อชู้สาว ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ชะลอลง ทุนสำรองประเทศเพิ่ม แตะระดับ 1.750 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 9 เดือน ขาดดุลเงินสด 3.28 แสนล้านบาท ศาล รธน. ให้สามีภรรยาแยกยื่นภาษีได้ปีหน้า ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 1 เดือน ขยายเวลาโครงการรถคันแรกต้องจองก่อนสิ้นปี กลุ่มค้านเขื่อนแม่วงก์ ยื่นฟ้องศาลปกครอง ส่งออกข้าวหดตัว หวั่นเสียแชมป์ให้อินเดีย-เวียดนาม กรกฎาคม 55 เกิด 85 เหตุไม่สงบในภาคใต้ ศาล รธน. ชี้แก้ ม. 291 ไม่ล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ากรณีการแก้ไขมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญไม่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ ในการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้ตั้งประเด็นในการวินิจฉัยไว้ 4 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 ผู้ฟ้องมีอำนาจในการฟ้องคดีตามมาตรา 68 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 68 การให้สิทธิแก่ผู้ทราบการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 68 สองประการ คือ 1. สามารถให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ 2. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกการกระทำดังกล่าว ศาลเห็นว่าการแปลความดังกล่าวนี้จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 69 ประเด็นที่ 2 การแก้ไขมาตรา 291 ที่เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสามารถทำได้หรือไม่ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การตรารัฐธรรมนูญ 2550 เป็นกระบวนการผ่านประชามติ ประชาชนจึงเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้น การแก้ไขจะเป็นอำนาจของรัฐสภาแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับยังไม่สอดคล้องเจตนารมณ์ 291 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้มาจากการลงประชามติ จึงควรให้ประชาชนลงประชามติก่อนว่าสมควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หรือให้อำนาจรัฐสภาดำเนินการแก้ไข จะเป็นการสอดคล้องเจตนารมณ์มาตรา 291 ประเด็นที่ 3 การแก้ไขมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 291 เป็นไปเพื่อให้มีวิธีการแก้ไขเป็นรายมาตราและปรับปรุงโครงสร้างการเมืองใหม่ให้มีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาบกพร่องในตัวรัฐธรรมนูญเอง หากพิจารณาจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้มาจากการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังที่ผ่านวาระ 2 และเตรียมลงมติในวาระ 3 ของรัฐสภา จะเห็นได้ว่ากระบวนการดังกล่าวไม่มีข้อเท็จจริงที่จะล้มล้างการปกครอง อีกทั้งยังไม่มีรูปธรรม เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าของผู้ร้อง และ ประเด็นที่ 4 การแก้ไขมาตรา 291 ถือเป็นเหตุให้ยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเหตุที่ได้ตัดสินในประเด็นที่ 3 ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุให้ต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้ง 5 ศาล เลื่อนพิจารณาคดีถอนประกัน “จตุพร” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ศาลอาญา มีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เนื่องจากมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว ในการขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้ารัฐสภาโจมตีข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ไว้วินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68 หรือไม่ โดยศาลได้ให้เลื่อนการพิจารณาออกไปในวันที่ 9 สิงหาคม 2555 พร้อมกับการพิจารณาคดีแกนนำ นปช. อีก 24 คน คดีนี้เป็นไปตามที่นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 กมธ.ปรับลดงบปี 56 ลง 2.05 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2555 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 แถลงความคืบหน้าว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการทั้ง 4 คณะ ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ เสร็จแล้ว โดยคิดเป็นยอดรวมที่ปรับลด คือ 20,599 ล้านบาท โดยการปรับลดงบประมาณในปีนี้น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่มียอด 4.3 หมื่นล้านบาท ต่อจากนี้ กรรมาธิการจะส่งร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ได้ในวันที่ 9 สิงหาคม และจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2555 ปปช.ตั้งอนุ กก.สอบซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ป.ป.ช. มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นจำนวน 11 ชุด เพื่อตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดอัลฟา 6 และจีที 200 ตามที่คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องเข้ามา ซึ่งพบปัญหาคือไม่มีการกำหนดราคากลาง มีการจัดซื้อจากหลายบริษัทในราคาที่แตกต่างกัน และการจัดซื้อของแต่ละหน่วยงานไม่ได้มีการตรวจสอบราคากับหน่วยงานอื่น ทั้งนี้ มีรายงานว่านายจิม แมกคอร์มิก เจ้าของธุรกิจเครื่องตรวจระเบิด GT200 ถูกอัยการอังกฤษสั่งฟ้องในข้อหาฉ้อโกง 6 กระทงด้วยกัน หลังจากที่ได้จำหน่ายเครื่องมือดังกล่าวไปให้หลายประเทศทั้งในตะวันออกกลาง เม็กซิโก จีน และไทย มติ ป.ป.ช. ให้ฟ้องยึดทรัพย์สุพจน์ 64 ล. นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินจำนวน 64,738,587.52 บาท ของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ตามความผิดมาตรา 80 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ต่อไป ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 มีผู้บุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินในบ้านของนายสุพจน์ ซึ่งเจ้าของบ้านได้แจ้งความเสียหายว่ามีเงินสดหายไป 5 ล้านบาท แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้กลับพบว่ามีทรัพย์สินมากถึง 18 ล้านบาท และผู้ต้องหาให้การว่ายังมีเงินสดอีกจำนวนมากอยู่กับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ป.ป.ช. จึงขอให้นายสุพจน์ระบุที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นซึ่งไม่ตรงกับรายการในบัญชีทรัพย์สิน แต่นายสุพจน์ไม่สามารถจะระบุได้ ป.ป.ช.จึงได้ตั้งข้อกล่าวหานายสุพจน์ ว่าร่ำรวยผิดปกติซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดังกล่าวข้างต้น ป.ป.ช. ฟันสุเทพ แทรกแซงข้าราชการประจำ นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้มีมติส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ทำหนังสือสำนักนายกฯ ที่ นร 0405/(ลร1)/ว./600 ลง รมว.วัฒนธรรมส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และบุคคลอื่นจำนวน 19 ราย ไปช่วยราชการวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 ถึง ที่กระทรวงวัฒนธรรม อันเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 268 และมาตรา 266(1) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าด้วยการห้ามไม่ให้ ส.ส. ใช้ตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ตนเอง ครม. ตั้ง กก.เลือกบริษัทวางระบบจัดการน้ำ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกเอกชนให้ยื่นข้อเสนอในโครงการออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยมูลค่า 3 แสนล้านบาท โดยให้ประธานคณะกรรมการการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการตามตำแหน่งอีก 10 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และประธานคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5 คน คือ นายอภิชาติ อนุกูลอำไพ, นายรอยล จิตรดอน, นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล, นางสาววิลาวรรณ วนดุรงค์วรรณ คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยที่สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนของประเทศไทยมากที่สุด พร้อมทั้งเสนอแนะ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการเพื่อให้มีการนำกรอบแนวคิดที่ได้รับการคัดเลือกไปดำเนินการต่อไป ศาลฎีกาฯ รับฟ้องคดีแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ กฤษฎามหานคร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง มีคำสั่งให้ประทับรับคำฟ้องของอัยการสูงสุดในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กับพวกรวม 27 ราย ได้ให้สินเชื่อเงินกู้แก่บริษัทในเครือของ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยศาลกำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 11 ตุลาคม 2555 เวลา 09.30 น. คดีนี้มีการกล่าวหาว่าลูกหนี้คือ กลุ่ม บมจ. กฤษดามหานคร มีสถานะเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร จึงถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ทุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนตนกับพวกเนื่องจากธนาคารกรุงไทยเป็นองค์กรของรัฐ ธีรเดช ตกเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ศาลอาญาตัดสินจำคุกนายพูนทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนละ 2 ปี และจำคุกนายปราโมทย์ โชติมงคล ผู้ตรวจการแผ่นดิน อดีตเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 ปี 4 เดือน ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จากกรณีเมื่อปี 2547 ทั้งสามได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบกับร่างระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการและค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล พ.ศ. 2547 เพื่อรับเงินค่าตอบแทนในระเบียบดังกล่าว แต่เนื่องจากจำเลยทั้งหมดไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และมีประวัติการทำงานที่ดี มีเหตุลดโทษ เหลือรอลงอาญา 2 ปี คำตัดสินนี้มีผลให้ พล.อ.ธีรเดช ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยทันที ผลสอบนายกฯ ไปโฟร์ซีซันส์ไม่ส่อชู้สาว เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้แถลงผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินต่อกรณีที่มีผู้ร้องว่านายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เข้าประชุมสภาและเดินทางไปทำธุระส่วนตัวที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการมีผลประโยชน์ทับซ้อน และฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 และมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ขาดการประชุมสภา เนื่องจากในช่วงแรกของการประชุมไม่มีประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจง และเมื่อนายกรัฐมนตรีเสร็จภารกิจส่วนตัวแล้วก็ได้กลับมาประชุมสภา ส่วนเรื่องการไปพบนักธุรกิจนั้น ก็ไม่มีหลักฐานชี้ว่าจะนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มบุคคลใด และไม่พบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางชู้สาว จึงให้ยุติการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 มีผู้พบเห็นนายกรัฐมนตรีที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ เมื่อเวลา 14.00 น. และ 16.00 น. ซึ่งในเวลา 16.00 น. ก็มีผู้เห็นนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่โรงแรมเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าเป็นการเดินทางส่วนตัวไปพบกับกลุ่มนักธุรกิจเอกชนที่ไม่ได้เสียหายอะไร และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ อีกอันเป็นเหตุให้มีผู้ยื่นเรื่องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบสวนสาเหตุดังกล่าวข้างต้น พร้อมกันนี้ได้มีผู้ยื่นขอให้สอบสวนว่าโครงการบ้านหลังแรกจะเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) ของตระกูลชินวัตรหรือไม่ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้พิจารณาข้อเท็จจริงพบว่าบริษัทเอสซีแอสเสทอาจจะได้ประโยชน์เพียง 9 โครงการ 409 ยูนิต ที่มีราคาขายไม่เกินยูนิตละ 5 ล้านบาทเท่านั้น คิดเป็นมูลค่าเพียงร้อยละ 4.39 ของมูลค่าโครงการที่เปิดขายในปี 2554-2555 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือหุ้นในบริษัทเอสซีแอสเสท ร้อยละ 0.85 ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนแต่อย่างใด เศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ชะลอตัว นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจและการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือน มิถุนายน 2555 ขยายตัวชะลอลง จากปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยูโร ทำให้การส่งออกหดตัว 4.3% จากระยะเดียวกันปีก่อนและเดือนก่อนหน้าที่โต 6.7% ตามการส่งออกในหมวดอุตสาหกรรมที่หดตัวในเกือบทุกกลุ่มสินค้า และเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์พลาสติก ทุนสำรองประเทศเพิ่ม 300 ล้านดอลลาร์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 อยู่ที่ระดับ 1.750 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.548 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9,450 ล้านบาท 9 เดือน ขาดดุลเงินสด 3.28 แสนล้านบาท นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1.44 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.03 หมื่นล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวนทั้งสิ้น 1.72 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.13 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 2.87 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลเงินนอกงบประมาณอีก 4.09 หมื่นล้านบาท จากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังและการถอนเงินฝากคลังของเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 3.28 แสนล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินมาเพื่อชดเชยการขาดดุล 2.32 แสนล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 9.63 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 มีจำนวน 4.24 แสนล้านบาท สามีภรรยาแยกยื่นภาษีปีหน้า นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินการให้สามีภรรยาแยกยื่นภาษีได้ในปีหน้า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องมีการแก้ไขประมวลรัษฎากรเสนอให้สภาพิจารณาก่อนจึงจะบังคับใช้ได้ ซึ่งการแยกยื่นภาษีนี้จะทำให้กรมสรรพากรสูญเสียเงินภาษีกว่า 3,000 ล้านบาท ขยายเวลาลดภาษีดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 1 เดือน จากที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2555 เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้น ขยายเวลาส่งมอบรถคันแรกไม่มีกำหนด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ที่ประชุม ครม.สัญจรที่ จ.สุรินทร์ มีมติเห็นชอบแก้ไข โครงการรถยนต์คันแรก ที่ต้องจองซื้อรถยนต์ภายในสิ้นปี 2555 โดยขยายเวลาการส่งมอบรถออกไปโดยไม่มีกำหนด ทั้งนี้เพื่อบรรเทาปัญหาที่ผู้ผลิตไม่สามารถจะส่งมอบรถได้เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วมโรงงาน โครงการรถคันแรกเป็นนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคืนเงินภาษีสรรพสามิตให้แก่ผู้ซื้อ 1 แสนบาท หลังการซื้อ 12 เดือน กลุ่มค้านเขื่อนแม่วงก์ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับประชาชนอีก 151 คน ได้ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมชลประทาน และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกมติ ครม. วันที่ 10 เมษายน 2555 ที่อนุมัติให้มีการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ วงเงินงบประมาณ 13,280 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบประมาณ 2555-2562) ซึ่งไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องจัดทำประชามติรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไทยส่อเสียแชมป์ส่งออกข้าว น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 3.45 ล้านตัน ลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ขณะที่อินเดียและเวียดนามส่งออกได้มากกว่าไทยเล็กน้อยคือ 3.61 ล้านตันและ 3.52 ล้านตัน ตามลำดับ สาเหตุที่ข้าวไทยส่งออกลดลงเพราะมีราคาสูงกว่าคู่แข่งขัน ข้าวที่ส่งออกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 71,438 ล้านบาท ลดลง 34% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่มีมูลค่ารวมกว่า 107,644 ล้านบาท และหากคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 35% สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้อีกประมาณ 3.05 ล้านตัน มูลค่ารวมประมาณ 50,000 ล้านบาท รวมแล้วตลอดปี 2555 ไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 6.5 ล้านตัน ลดลง 39% จากที่ปี 2554 ส่งออกข้าวรวม 10.65 ล้านตัน หากเป็นเช่นนี้ไทยจะกลายเป็นผู้ส่งออกตกลงมาเป็นอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนามที่คาดว่าจะส่งออกได้มากถึง 8 และ 7 ล้านตัน ตามลำดับ เกิด 85 เหตุการณ์ใต้ไม่สงบในกรกฎาคมเดือนเดียว ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2555 ว่ามีทั้งหมด 85 ครั้ง แบ่งเป็นการซุ่มยิง 32 ครั้ง วางระเบิด 19 ครั้ง ขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ 7 ครั้ง โจมตีฐาน โจมตีปะทะ 4 ครั้ง วางเพลิง 6 ครั้ง คาร์บอมบ์ 3 ครั้ง ก่อกวน 3 ครั้ง ปิดล้อมตรวจค้น 3 ครั้ง วางเพลิงพบวัตถุระเบิด 3 ครั้ง และนำศพผู้เสียชีวิตมาทิ้งไว้ 5 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 42 ราย แบ่งเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ 20 ราย ศาสนาอิสลาม 20 ราย ไม่ระบุศาสนา 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 96 ราย 68 รายนับถือศาสนาพุทธ และอีก 28 รายนับถือศาสนาอิสลาม ในบรรดาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้ง 138 ราย แบ่งเป็น ราษฎรเสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 44 ราย ตำรวจ-ทหารเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 33 ราย อาสาสมัครเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ผู้นำท้องถิ่นเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างรัฐเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย ต่างด้าว คนร้ายและเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปีเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย