เมษายน 2555 : นายกฯ รดน้ำป๋าเปรมวันสงกรานต์ นายกฯ ควง 3 รองนายกฯ เข้าบ้านสี่เสาฯ วันสงกรานต์ นิติราษฎร์ค้านนิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภา รัฐบาลเตรียมโชว์ผลงานรอบ 7 เดือน เพื่อไทยสอบตกที่ปทุมธานี 2 สนาม ศาลฎีกาพิพากษา "ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์" พ้น ส.ส. ศาล รธน. จำหน่ายคำร้องการแจกถุงยังชีพ เงินเดือน ขรก. 15,000 เลื่อนไปปี 57 พักหนี้คนดี-หนี้เกษตรกร เยียวยาเอสเอ็มอี ขยายเวลาเว้นเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 1 เดือน เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง เงินสำรองรัฐเพิ่มเล็กน้อย หนี้สาธารณะขยับขึ้นเป็น 41.06% ของจีดีพี นายกฯ พบประชาชนภาคใต้ 48 จังหวัดประสบภัยแล้ง ขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ – ต่ออายุรถเมล์ รถไฟฟรี ขึ้นค่าเอฟที อีก 30 สต./หน่วย เพิ่มอำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษอีก 9 มาตรา นายกฯ พบ พล.อ.เปรม เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรองนายกรัฐมนตรีประกอบด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เพื่ออวยพรเนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้หารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการส่วนตัวนานถึง 35 นาที การเข้าพบครั้งนี้มีการวิเคราะห์กันว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของกระบวนการปรองดองที่รัฐบาลประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีเพียงตัวนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีอีก 3 คนเท่านั้นที่ไปรดน้ำ พล.อ.เปรม แต่ไม่มีรัฐมนตรีคนอื่นๆ ในคณะรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงและเคยกล่าวปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม และ “อำมาตย์” ไว้อย่างหนักที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม เมื่อปี 2552 นิติราษฎร์ค้านนิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่รัฐ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ออกประกาศฉบับที่ 34 แสดงจุดยืนและทัศนะ ยืนยันสนับสนุนการกระทำของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ในการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างแก้ไขกฎหมายไปยังรัฐสภา และไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงต่อแนวทางการปรองดองหรือสมานฉันท์โดยวิธีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลทุกฝ่าย โดยระบุว่าจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงตลอดจนการสลายการชุมนุมทุกเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา การกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะได้กระทำการในฐานะเป็นผู้สั่งการหรือผู้ปฏิบัติการ ไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใดๆ หากผิดกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในเวลานั้น จะมีความผิดตามกฎหมายและต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การแก้ไข รธน. ในรัฐสภา ตามที่รัฐสภาได้มีมติให้มีการแก้ไขมาตรา 291 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบในการแก้ไขมาตรา 291/1 เรื่องจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้มาจากการเลือกตั้งจาก 77 จังหวัดๆ ละ 1 คน และผู้เชี่ยวชาญที่คัดเลือกจากคณะรัฐสภาอีก 22 คน รวมเป็นจำนวน ส.ส.ร. ทั้งสิ้น 99 คน ในวันรุ่งขึ้น 20 เมษายน ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้มีมติต่อในมาตรา 291/2 ในเรื่องอายุขั้นต่ำของผู้สมัคร ส.ส.ร. ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 35 ปี, มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่รับสมัครไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่มีการกำหนดวุฒิการศึกษาขั้นต่ำ ต่อจากนั้นในวันที่ 21 เมษายน 2555 จึงมีการพิจารณามาตรา 291/4 วาระ 2 เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ร. และมาตรา 291/5 เกี่ยวกับการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ให้เสร็จ ภายใน 75 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา มีผลบังคับใช้และให้นำกฎหมายว่าด้วยการบังคับท้องถิ่น รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับโดยอนุโลม การวินิจฉัยผ่านเกี่ยวกับการตัดสิทธิ์ทางการเลือกตั้ง การเพิกถอนผลการเลือกตั้งก่อนและหลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาให้เสร็จ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์ได้รับคำร้อง ในวันเดียวกันนั้น คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) คณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) คณะกรรมการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) และกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้หารือกันและได้ข้อสรุปในเรื่องกรอบเวลาที่จะให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ที่ให้ขยายเวลาเพิ่มหากไม่สามารถลงมติวาระ 3 ได้ทันในวันที่ 8 พฤษภาคม โดยให้สามารถเลื่อนไปถึงวันที่ 11พฤษภาคม 2555 ได้ รัฐบาลเตรียมโชว์ผลงาน 7 เดือน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 รัฐบาลจะนำเสนอผลงานในการทำงานช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำตามนโยบายที่วางไว้แล้วเสร็จไปร้อยละ 50 ทั้งนี้ โดยจะนำเสนอเป็นวีดิทัศน์และ สปอตวิทยุ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพลล์ สำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 26 แห่ง จำนวน 63 คนต่อการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในรอบ 9 เดือน โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 55 พบว่า ให้คะแนนรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจในภาพรวม 3.83 จากคะแนนเต็ม 10 โดยให้โครงการขจัดยาเสพติดเป็นผลงานยอดเยี่ยม รองลงมาเป็น โครงการคืนภาษีให้ผู้ซื้อรถคันแรก และโครงการ 30 บาทรักษา ทุกโรคได้จริง ขณะที่โครงการยกเลิกกองทุนน้ำมันเป็นผลงานยอดแย่ ได้คะแนนต่ำสุดที่ 3.03 คะแนน รองลงมาเป็น โครงการจำนำ โครงการแจกแท็บเล็ต พีซี ให้เด็กนักเรียน และโครงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ภายใน 90 วัน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต กล่าวว่า นับตั้งแต่บริหารประเทศมาได้ 8 เดือน รัฐบาลไม่สามารถจะดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน 16 ข้อ อาทิ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท นอกจากจะได้ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้เกิดการเลิกจ้างจนแรงงานตกงานนับล้านราย เอสเอ็มอี ต้องปิดกิจการโดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือ เพื่อไทยพ่ายที่ปทุมธานีถึง 2 สนาม จากการที่ ว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขต 5 จ.ปทุมธานี ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่ครบวาระ ในวันที่ 22 เมษายน 2555 ได้มีการจัดการเลือกตั้ง ปรากฏว่า ว่าที่ ร.ต.สุเมธ ไม่สามารถจะเอาชนะคู่แข่งขัน คือนายชาญ พวงเพ็ชร อดีตนายก อบจ. คนเดิมได้ โดยมีคะแนนทิ้งห่างกันถึง 214,429 กับ 110,974 คะแนน ก่อนหน้านี้ในวันที่ 21 เมษายน 2555 ได้มีการเลือกตั้งซ่อมในเขต 5 ปทุมธานีเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งแทน ว่าที่ ร.ต.สุเมธ ปรากฏว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยคือนายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ ก็พ่ายแพ้ต่อผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ คือ ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ด้วยคะแนน 24,119 ต่อ 27,981 ศาลฎีกาพิพากษา "ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์" พ้น ส.ส. เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา ให้ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และหลานสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้จำคุก น.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 2 เดือน พร้อมทั้งปรับเป็นเงิน 4,000 บาท กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในส่วนเงินกู้ยืมจาก นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาท โดยที่ น.ส.ชินณิชาไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี ศาล รธน. จำหน่ายคำร้องการแจกถุงยังชีพ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจำหน่ายคำร้องตามที่ประธานรัฐสภาได้ขอให้วินิจฉัยสถานภาพการเป็น ส.ส. ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่จากการที่ได้ไปแจกถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานที่ จ.พิษณุโลก ในระหว่างน้ำท่วม ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ให้เหตุผลว่า เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่จะต้องร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน โดยบุคคลทั้งสองมิได้บิดเบือน หรือแอบอ้างผลประโยชน์ในการแจกถุงยังชีพ อีกทั้งยังไม่มีมูลกรณีการใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อประโยชน์ตัวเองและพรรคการเมือง นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังยกคำร้องกรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายการุณ โหสกุล นายสุรชาติ เทียนทอง นายวรชัย เหมะ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปแทรกแซงแจกถุงยังชีพ ด้วยเหตุผลว่าเป็นการทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ขึ้นเงินเดือน ขรก. –ค่าแรง 300 บ. เลื่อน จากการที่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 มีมติให้เลื่อนการขึ้นเงินเดือนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่จบปริญญาตรี 15,000 บาท ออกไปเป็นปี 2557 นั้น ในวันที่ 11 เมษายน น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า เป็นเพียงการเลื่อนการปรับฐานเงินเดือน แต่จะมีค่าครองชีพเข้ามาเสริมทำให้เงินเดือนจริงเท่ากับ 15,000 บาท ทั้งนี้เพราะการปรับฐานเงินเดือนในครั้งเดียวในระบบจะทำให้ส่งผลต่อภาคเอกชนที่อ้างอิงกับฐานเงินเดือนของราชการ ในวันที่ 1 มกราคม 2556 ข้าราชการและลูกจ้างที่จบปริญญาตรีจะได้เงินเดือน 13,300 บาท ปวส. 10,200 บาท ปวช. 8,300 บาท และในวันที่ 1 มกราคม 2557 ปริญญาตรีจะเพิ่มเป็น 15,000 บาท ปวช. 9,400 บาท และ ปวส. 11,500 บาท ในส่วนของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทนั้น หลังจากที่ได้ประกาศใช้ไปแล้วในวันที่ 20 เมษายน 55 ใน 7 จังหวัด ยังมีอีก 70 จังหวัดที่ยังไม่ได้ปรับเป็น 300 บาท แต่จะต้องปรับเพิ่มขึ้น 39.5% นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. กำลังเตรียมกับกระทรวงแรงงานขอให้รัฐบาลชะลอออกไปก่อน โดยอาจจะชะลอไปขึ้นเป็น 300 บาทในปี 2558 เนื่องจากมีผลกระทบต่อภาคการผลิตในต่างจังหวัดอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) พักหนี้คนดี-หนี้เกษตรกร เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท เบื้องต้นคาดว่าจะมีประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์จากโครงการพักหนี้ฯ รวมกว่า 3.75 ล้านราย/บัญชี คิดเป็นมูลหนี้คงค้าง กว่า 4.59 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ได้กำหนดเงื่อนไขการเข้าโครงการไว้ 2 กรณี คือ เลือกพักเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตรา 3% ต่อปี หรือลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตรา 3% ต่อปี โดยไม่พักเงินต้น เป็นระยะเวลา 3 ปี (ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 31สิงหาคม 2558) รวมทั้งยังให้สิทธิในการขอกู้เพิ่มใหม่ได้ตามความสามารถในการชำระหนี้ ในอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ณ วันที่ได้รับอนุมัติการกู้เพิ่ม โดยที่ลูกหนี้ต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้หลังเข้าโครงการ คาดว่าผลจากโครงการพักหนี้ครั้งนี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 0.4 - 0.7% ต่อปี หรือ 4.4 –7.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ในวันเดียวกัน คณะรัฐมนตรียังอนุมัติการเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยสินเชื่อวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลากู้ยืมสูงสุด 7 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ และยังให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อวงเงินรวม 2.4 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันสูงสุด 5 ปี วงเงินค้ำประกันสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีมาตรการเรื่องภาษี จะยกเว้นภาษีรายได้นิติบุคคลที่เป็นเงินจากการขายเครื่องจักรเก่า เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ และอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครม. งดเก็บภาษีดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อวันที่24 เมษายน 2555 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลายกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 1 เดือน โดยให้สิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 จากเดิมวันที่ 30 เมษายน 2555 เศรษฐกิจฟื้น เงินสำรองรัฐเพิ่ม นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมปีนี้ ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยระดับการผลิตในหลายอุตสาหกรรมปรับขึ้นมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดอุทกภัย ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตปรับดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 68.1% และส่งผลให้การส่งออกในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่มูลค่าการส่งออกหดตัวลง จากการส่งออกสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 20 เมษายน 2555 ว่าอยู่ที่ระดับ 1.787 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.525 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,080 ล้านบาท จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 1.786 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.500 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะขยับที่ 41.06% ของจีดีพี นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ แถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2555 ดังนี้ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2555 มีจำนวน 4,362,357.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.06 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล3,117,186.74 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,077,900.35 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 167,270.23 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 64,460.24 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาล หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 28,665.38 ล้านบาท 16,888.72 ล้านบาท และ 18,906.14 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง นายกฯ ลงดับไฟใต้ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินตามยุทธศาสตร์การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกับประชาชนที่รอให้การต้อนรับก่อนข้าประชุมว่า ทางรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแผนนำบุคลากรและแผนการพัฒนาพื้นที่มาใช้เพื่อทำให้เกิดความสันติสุข ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 48 จังหวัดประกาศภัยแล้ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 48 จังหวัด 470 อำเภอ 3,202 ตำบล 34,551 หมู่บ้าน แบ่งเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 5 จังหวัด ภาคตะวันออก 6 จังหวัด และภาคใต้ 1 จังหวัด รถสาธารณะขึ้นค่าโดยสาร นายสรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้รถโดยสารสาธารณะทุกประเภทปรับขึ้นราคาค่าโดยสารโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2555 หลังจากภาวะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ เป็นดังนี้ รถสองแถว ปรับจาก 5.50 บาท เป็น 7 บาท รถมินิบัส ปรับจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาท รถ บขส. และรถร่วม บขส. ปรับขึ้นสูงสุด กม.ละ 4 สตางค์ รถ ขสมก. และรถร่วม ขสมก. จะสามารถปรับขึ้นอีก 1 บาทได้ก็ต่อเมื่อจ่ายค่าก๊าซ NGV ที่ราคา 9.50 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ให้ขยายระยะเวลาการให้บริการรถเมล์-รถไฟฟรีออกไปอีก 5 เดือน คือให้ไปสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 55 ทั้งนี้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( ขสมก.) มีรถให้บริการ 800 คันต่อวัน รัฐรับภาระค่าใช้จ่าย 1,208 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากรถไฟชั้น 3 จำนวน 164 ขบวนต่อวัน อีก 458 ล้านบาท ขึ้นค่าเอฟทีอีก 30 สต./หน่วย นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2555ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าเอฟที 30 สต./หน่วย เพื่อให้สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงที่แท้จริง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% จากปัจจุบันที่อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.23 บาท/หน่วย ดีเอสไอ รับคดีพิเศษเพิ่มอีก 9 มาตรา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ลงนามกำหนดกฎกระทรวงให้อำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพิ่มอีก 9 มาตรา ได้แก่ 1. (6) ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2. (7) ความผิดว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 3. (8) ความผิดว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 4. (9) ความผิดว่าด้วยแร่ 5. (10) ความผิดว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน 6. (11) ความผิดว่าด้วยเครื่องสำอาง 7. (12) ความผิดว่าด้วยวัตถุอันตราย 8. (13) ความผิดว่าด้วยยา 9. (14) ความผิดว่าด้วยอาหาร