การเสวนาเรื่อง การถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาและสาธารณสุข การเสวนาหัวข้อข้างต้น จัดโดยศูนย์ศึกษาการบริหารกิจการบ้านเมืองระดับท้องถิ่น คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันนโยบายศึกษา เมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม 2553 โดยมีผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับในจังหวัดเชียงใหม่ บุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรของสถานีอนามัยที่ถ่ายโอนไปแล้ว และยังไม่ได้รับการถ่ายโอน นอกจากนี้ยังมีผู้แทนสาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งนักวิชาการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ การเสวนาดังกล่าวได้แบ่งหัวข้อออกเป็น 2 วัน คือ เรื่องการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาจัดในวันแรก และวันที่ 2 คือเรื่องการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุข โดยมีวิทยากรที่สำคัญคือ คุณณรงค์ เชื้อบุญช่วย นักวิเคราะห์นโยบายและแผน และคุณปัญญา ทองประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญ จากสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น รศ.ไพรัช ตระการสิรินนท์ รศ.ดร.พศิน แตงจวง อาจารย์ไพสิษฐ พาณิชย์กุล ศ.ดร.วิภาดา คุณาจิติกุล และ ดร.จันทนา สุทธิจารี เป็นผู้ดำเนินรายการทั้ง 2 วัน โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 60 คน การเสวนาครั้งนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้สะท้อนปัญหาการถ่ายโอนที่เกิดจากความไม่มั่นใจในการถ่ายโอนทั้งจากองค์กรผู้รับการถ่ายโอน และผู้ที่ต้องการจะถ่ายโอนไปสู่องค์กรใหม่ อันเนื่องจากไม่มั่นใจในการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อความมั่นคงในอาชีพและตำแหน่ง อีกทั้งภาครัฐผู้ดูแลในระดับนโยบายคือกระทรวงต้นสังกัดไม่ได้ดำเนินการสร้างความเข้าใจอันดีแก่บุคลากรในสังกัดเพื่อให้การถ่ายโอนเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังเป็นปัญหาความไม่เข้าใจข้อมูลกฎหมายที่ให้อำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องการจัดการศึกษาและสาธารณสุขเพื่อนำไปปฏิบัติ ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ถ่ายโอนและผู้รับโอนขาดความชัดเจนในนโยบายนี้ก็จะทำให้ขั้นตอนของกระบวนการถ่ายโอนเป็นไปอย่างยากลำบากและส่งผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ดี การถ่ายโอนดังกล่าวแม้จะเป็นนโยบายที่ต้องปฏิบัติตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่ก็มีแผนไว้รองรับเป็นขั้นตอน อีกทั้งแผนดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดเจนว่า การถ่ายโอนอำนาจจากกระทรวงสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะรับโอนจะต้องมีความพร้อมก่อนโดยมีองค์ประกอบตัวชี้วัดด้วย คือหากเป็นการถ่ายโอนด้านการศึกษานั้น กระทรวงศึกษาได้กำหนดให้มี 6 องค์ประกอบคือ การวัดประสบการณ์ของท้องถิ่นในการจัดการศึกษา แผนการเตรียมความพร้อมในการศึกษา วิธีการบริหารและการจัดการศึกษา การจัดสรรรายได้เรื่องการศึกษา ระดับและประเภทของการศึกษาที่สอดคล้อง กับสภาพของปัญหาหรือความต้องการของชุมชน ความเห็นของประชาชน ส่วนการถ่ายโอนด้านสาธารณสุขนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ต้องดำเนินการถ่ายโอนสถานีอนามัยและโรงพยาบาลให้ท้องถิ่นที่มีความพร้อม โดยพิจารณาจากองค์ประกอบ 5 ตัวชี้วัด คือ ประสบการณ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้านสาธารณสุข ที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานและสนับสนุนอะไรบ้างก่อนมีการรับโอน แผนการเตรียมความร่วมก่อนการรับโอน วิธีการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข การจัดทำงบประมาณ 3 ปีย้อนหลังว่าได้อุดหนุนอะไรบ้างและสถานีอนามัยและโรงพยาบาลในท้องถิ่น ความคิดเห็นของประชาชนว่าสมควรที่ท้องถิ่นของตนพร้อมที่จะรับโอนสถานีอนามัยหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาร่วมกันแล้วไม่ว่าการถ่ายโอนการศึกษาและสาธารณสุขนั้น ล้วนเป็นเรื่องของความสุขร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้รับโอนและผู้ถ่ายโอน ที่จะทำให้คนที่ได้รับประโยชน์ที่อยู่ตรงกลางมีความสุขคือประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นนั่นเอง การถ่ายโอนเรื่องการศึกษาจึงควรพิจารณาว่าเมื่อโอนไปแล้วนักเรียนจะได้อะไร ไม่ใช่นึกถึงแต่ครู ขณะเดียวกันการถ่ายโอนเรื่องสาธารณสุขก็เช่นเดียวกันควรพิจารณาถึงประชาชนผู้รับบริการสาธารณสุขคือผู้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่กระทรวงต้นสังกัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเป้าหมายของการกระจายอำนาจ การถ่ายโอนด้านการศึกษาและสาธารณสุขล้วนมีเป้าหมายคือเพื่อพัฒนาคุณภาพของประชาชนในท้องถิ่นทั้งในเรื่องการศึกษาและสาธารณสุขเป็นสำคัญ ภายหลังการเสร็จสิ้นเสวนาทั้ง 2 วันแล้ว ผู้เข้าร่วมเสวนายังได้เสนอให้มีการจัดในลักษณะนี้อีกให้ครอบคลุมด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น ด้านความปลอดภัย ด้านพัฒนาชุมชน และเห็นว่าการจัดพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเล็กๆ เช่นครั้งนี้ทำให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันและสามารถนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติได้