ให้ศาสนธรรมนำการศึกษาไทย ปีนี้ครบ 100 ปี การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระปิยมหาราช พระนามนี้บอกถึงความเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย เป็นร้อยปีที่แล้ว ที่พระองค์มีความวิตกห่วงใยต่อการศึกษาชาติ ดังที่พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีความตอนหนึ่งว่า “การสอนศาสนาทั้งในกรุงและหัวเมือง จะต้องมีให้มากขึ้น ให้มีความวิตกไปว่าเด็กรุ่นหลังจะห่างเหินพระศาสนาจนเป็นคนไม่มีธรรมในใจมากขึ้น ต่อไปภายหน้าถ้าเป็นคนที่ได้เล่าเรียนคงจะประพฤติตัวดีกว่าคนที่ไม่ได้เล่าเรียนนี้หาถูกไม่ คนที่ไม่มีธรรมเป็นเครื่องดำเนินตามคงจะหันไปทางทุจริตโดยมาก ถ้ารู้น้อยก็โกงไม่ค่อยคล่องหรือโกงไม่สนิท ถ้ารู้มากก็โกงมากขึ้นและโกงพิสดารมากขึ้น การที่หัดให้รู้อ่านอักขระวิธีไม่เป็นเครื่องฝึกหัดให้เป็นคนดีและคนชั่ว เป็นแต่จะได้วิธีเรียนความดีและความชั่วให้คล่องขึ้น” พระปริวิตกต่ออนาคตของลูกหลานสยาม-ไทย ได้ส่งผลจริงแท้ดังที่กำลังช่วยกันปฏิรูปการศึกษารอบที่สองอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งการที่ประชาธิปไตยไทยไม่ก้าวหน้าก็เพราะนักการเมือง ข้าราชการและนักธุรกิจไม่เป็นผู้นำทางศีลธรรมให้เยาวชนได้เห็นเป็นแบบอย่าง กระทั่งว่าทุกวันนี้การทุจริตคอร์รัปชั่นได้พัฒนานำหน้าระบบประชาธิปไตยไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้ประเทศไทยประสบกับอุทกภัยใหญ่ในรอบ 50 ปี น้ำท่วมพื้นที่ทำกินของเกษตรกรซึ่งเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารเกือบค่อนประเทศ เรื่องนี้บอกอะไรแก่เรา-ท่าน เมื่อการพัฒนาประเทศผูกติดกับแผนเศรษฐกิจและสังคม การศึกษาจึงสร้างคนให้เป็นเพียงสัตว์เศรษฐกิจ โดยทำลายฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในผืนดิน น้ำ และอากาศ เพื่อสนองความต้องการของสังคมบริโภคอย่างผิดครรลองของธรรมชาติ การศึกษาไม่ได้มีเป้าหมายให้คนสามารถดำรงชีวิตให้สมกับศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ เพราะมัวแต่มุ่งหาทรัพย์และอำนาจ จนเกิดวิกฤตทางวัฒนธรรมและศีลธรรม ความอ่อนแอของคนไทยถึงจุดต่ำสุดเกือบจะทุกด้านแล้ว เพราะขาดการใช้หลักศาสนธรรมนำชีวิต ซึ่งควรเป็นทั้งอุดมคติและทางออกของการศึกษา อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษของประเทศเยอรมัน นาม คอนราด อาเดนาวร์ กล่าวว่า “ชาวคริสเตียนผู้เคร่งครัดสมควรอย่างยิ่งที่จะเข้ามาทำงานการเมือง” คำพูดนี้สะท้อนตัวตนของท่านเองที่เป็นนักการเมือง และเป็นนายกรัฐมนตรีติดต่อกัน 3 สมัย 12 ปี โดยใช้หลักจริยธรรมนำการใช้ชีวิตและการงานเพื่อประเทศอย่างสำเร็จสูงสุด เป็นที่ประจักษ์ไม่เพียงแต่ชาวเยอรมัน แต่ต่อชาวโลกทั้งมวล วันที่ 14 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00-12.30 น. ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีฯ กรุงเทพฯ สถาบันฯ จะจัดให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองที่รับผิดชอบในสังคมประชาธิปไตย (Civic Education) จากประเทศเยอรมัน ทำอย่างไรการศึกษาของเยอรมันจึงประสบความสำเร็จในการสร้างคน และเป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมแลกเปลี่ยนและช่วยกันหาทางออกให้กับการศึกษาไทยด้วย โดยแจ้งความจำนงทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือ e-mail มาที่สถาบันฯ และด้วยการแบ่งปันความรู้เป็นทานอันประเสริฐ เวทีนี้จึงไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทิพย์พาพร ตันติสุนทร ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา