กรกฎาคม 2553 : ยูเนสโก เลื่อนพิจารณากรณี ปราสาทพระวิหาร คกก.มรดกโลกเลื่อนถกแผนจัดพระวิหารไปปีหน้า “พนิช” คว้าชัยในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 6 เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งใน กทม. เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่ม 6 จังหวัด ออกหมายจับ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ศาลให้ประกันตัว "วีระ มุสิกพงศ์" “ดีเอสไอ” สั่งไม่ฟ้อง “ทีพีไอฯ” คดีไซฟ่อนเงิน 1 ต.ค.ขึ้นค่าโดยสารรถไฟ หนี้สาธารณะ พ.ค. เพิ่ม 3.5 หมื่นล้าน ทีดีอาร์ไอแนะรัฐบาลขยายเก็บภาษี "อมาตยา เซน" แนะไทยสร้างสังคมเป็นธรรม ได้ตัว คกก.ปฏิรูปประเทศ และ คกก.อิสระฯ เพื่อความปรองดองครบแล้ว หมอค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ คกก. มรดกโลกเลื่อนถกแผนจัดพระวิหารไปปีหน้า คณะกรรมการมรดกโลก มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2553 ณ กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล ให้เลื่อนพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหารไปในการประชุมครั้งหน้าปี 2554 ที่ประเทศบาห์เรน ทำให้ไทยและกัมพูชามีช่วงเวลาที่จะเจรจากันเรื่องการปักปันเขตแดนกัน และทำให้ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะเขาพระวิหารคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากกัมพูชาเสนอแผนพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ในระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป และมีรายละเอียดที่ต้องไปถกเถียงกันอีก “พนิช” คว้าชัยในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6 เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2553 ผลการเลือกตั้งซ่อม อย่างไม่เป็นทางการ ส.ส.กทม. เขต 6 ซึ่งประกอบด้วย เขตคลองสามวา, เขตบึงกุ่ม, เขตหนองจอก และเขตคันนายาว ปรากฏว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ คว้าชัยในการเลือกตั้ง ด้วยคะแนน 96,480 คะแนน ขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครหมายเลข 4 จากพรรคเพื่อไทย ได้ 81,776 คะแนน ส่วนจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 191,598 คน หรือร้อยละ 49.55 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต 6 ทั้งหมด 386,660 คน เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งในกทม. ได้เกิดเหตุระเบิดถึงสองครั้งใน กทม. โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2553 เวลาประมาณ 17.45 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณป้ายรถเมล์ด้านหน้าห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี สาขาราชดำริ เป็นเหตุให้ประชาชนที่ยืนรอรถเมล์ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย และรถประจำทางที่จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย 2 คัน และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 30 ก.ค. เวลาประมาณ 01.00 น. เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณตรงข้ามห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่ม 6 จังหวัด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม 6 จังหวัด ตามข้อเสนอของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา หนองบัวลำภู ชัยภูมิ มุกดาหาร ชลบุรี และมหาสารคาม ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง ร้อยเอ็ด และสกลนคร ทำให้ล่าสุดมีพื้นที่ซึ่งยกคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 10 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี เชียงใหม่ เชียงราย อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และสมุทรปราการ ออกหมายจับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยคดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ดังนั้น ป.ป.ช. จึงนำเรื่องมายื่นฟ้องอีกคดี เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีคำสั่งให้จำน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราวจนกว่าจะสามารถติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาขึ้นศาลได้ ศาลให้ประกันตัว "นายวีระ มุสิกพงศ์" ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งปล่อยตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ ชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 6 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขสั่งห้ามผู้ต้องหาออกนอกประเทศ รวมทั้งออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น และห้ามไม่ให้ร่วมชุมนุมกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคล จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เว้นแต่จะเป็นการรวมตัวกลุ่มญาติ อีกทั้งห้ามผู้ต้องหาเผยแพร่ข่าวต่อสาธารณะ โดยให้ผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวทุก 15 วัน ตามวัน เวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด “ดีเอสไอ” สั่งไม่ฟ้อง “ทีพีไอฯ” คดีไซฟ่อนเงิน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2553 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีมติสั่งไม่ฟ้อง บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) เนื่องจากการกล่าวหาเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงจากการบอกเล่ามาอีกทอดหนึ่ง ผู้กล่าวหาไม่สามารถให้รายละเอียดได้ชัดเจนเพียงพอ และเมื่อพิจารณาพยานหลักฐานอื่นที่สำคัญ เช่น งบการเงินประจำปีและหลักฐานการว่าจ้างบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น ก็มีความชัดเจน และเชื่อได้ว่าบริษัท เมซไซอะฯ ได้ทำงานตามที่ว่าจ้างจริง จึงเห็นว่าพยานหลักฐานที่กล่าวหาว่าบริษัท ทีพีไอฯ ทำผิด ยังไม่พอที่จะใช้ยืนยันหรือพิสูจน์ความผิดของบริษัท ทีพีไอฯ ได้ ทั้งนี้ บริษัท ทีพีไอ ถูกกล่าวหาว่าทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง เนื่องจากจ่ายเงินค่าจ้างให้บริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เพื่อจัดทำสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในโครงการต่างๆ มูลค่า 263 ล้านบาท ระหว่างเดือน ก.ค. 2547 - ก.พ. 2548 เพื่อจัดทำสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ 1 ต.ค. ขึ้นค่าโดยสารรถไฟ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2553 ที่ประชุมคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีมติให้ รฟท. ปรับขึ้นค่าโดยสารชั้น 1 และชั้น 2 เพิ่มขึ้น 10% มีผล 1 ต.ค. 2553 คาดว่าการปรับค่าโดยสารดังกล่าวจะส่งผลให้ รฟท. มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ ประมาณ 97 ล้านบาท ทั้งนี้ รฟท. ยังต้องมีการหารือกับกระทรวงการคลังว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ส่วนค่าโดยสารชั้น 3 ยังไม่มีการปรับขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อนโยบายการให้ความช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาล และเพื่อไม่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยต้องรับภาระเพิ่มขึ้น หนี้สาธารณะ พ.ค. เพิ่ม 3.5 หมื่นล้าน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พ.ค. 2553 มีจำนวน 4,144,260 ล้านบาท หรือ 42.59% ของ จีดีพี ซึ่งเพิ่มขึ้นสุทธิ 35,278 ล้านบาท จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 32,720 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 13,791 ล้านบาท ทีดีอาร์ไอแนะรัฐขยายเก็บภาษี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) รายงานผลการศึกษามาตรการการคลังเพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเสนอให้มีการขยายฐานภาษีให้มีการจัดเก็บอย่างทั่วถึง เพื่อรัฐจะมีเงินพอในการจัดสวัสดิการ และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งนี้เนื่องจากพบว่า ปัจจุบันมีผู้เสียภาษีเงินได้เพียงประมาณ 8-9 ล้านคน คิดเป็นเพียงประมาณ 1 ใน 4 ของกำลังแรงงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน และการออม “อมาตยา เซน” แนะไทยสร้างสังคมเป็นธรรม เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2553 ศาสตราจารย์ ดร.อมาตยา เซน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2541 เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างการสนทนา ดร.อมาตยา เซน ได้มีความคิดเห็นต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าไม่ได้เป็นสงครามชนชั้นอย่างที่สื่อต่างชาตินำเสนอ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีความซับซ้อน ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และสื่อต้องทำงานร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม นอกจากนี้ ยังแนะให้เดินหน้ากระบวนการปรองดอง ทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกระบวนการยุติธรรมควรจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน และที่สำคัญคือภาคการเมืองต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้กระบวนการปรองดองสำเร็จได้ แนวทางการพัฒนาประเทศที่ถูกต้อง จึงควรมีปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ประชาชนมีความสุข เช่น การสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้และทรัพยากร เปิดตัว คกก.ปฏิรูปประเทศ และ คกก.อิสระฯ เพื่อความปรองดองแล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2553 มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการ 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดเป็นประธาน และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ที่แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ที่มี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสเป็นประธาน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สิทธิประธานคณะกรรมการของทั้ง 3 ชุดเป็นผู้สรรหาตัวกรรมการเอง โดยล่าสุด ได้ตัวกรรมการครบทั้ง 3 ชุด และมีการแถลงเปิดตัวเรียบร้อยแล้ว โดยชุดแรกที่เปิดตัว คือ คณะกรรมการ คอป. มีจำนวน 9 คน ประกอบด้วย นายคณิต ณ นคร นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายจุฑารัตน์ เอื้ออำนวย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเดชา สังขวรรณ คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายไพโรจน์ พลเพชร เลขาธิการสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน นพ.รณชัย คงสกนธ์ ภาคจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นายสมชาย หอมลออ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ นายสุรศักดิ์ ลิขสิทธิวัฒนกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัธรรมศาสตร์ และ นายมานิจ สุขสมจิตร บรรณาธิการอาวุโส หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สำหรับรายชื่อคณะกรรมการปฏิรูปชุดนายอานันท์ และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปชุด นพ.ประเวศนั้น ได้มีการแถลงเปิดตัวพร้อมกันเมื่อวันที่ 8 ก.ค. โดยคณะกรรมการชุดนายอานันท์ หรือ คปร. มีจำนวน 20 คน ประกอบด้วย นายอานันท์ ปันยารชุน นายกฤษณพงศ์ กีรติกร นางกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา นายชัยอนันต์ สมุทวณิช นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายบัณฑร อ่อนดำ นางปราณี ทินกร นายพงศ์โพยม วาศภูติ นายเพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ พระไพศาล วิสาโล นางรัชนี ธงไชย นายวิชัย โชควิวัฒน นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ นายศรีศักร วัลลิโภดม นายสมชัย ฤชุพันธุ์ นางสมปอง เวียงจันทร์ น.ส.สมสุข บุญญะบัญชา นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล และ นายอคิน รพีพัฒน์ ส่วนรายชื่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปชุด นพ.ประเวศ หรือ คสป. มีจำนวน 28 คน ประกอบด้วย นพ.ประเวศ วะสี นายนพดล แก้วสุพัฒน์ ศ.ดร.ประสาท สืบค้า นายดุสิต นนทะนาคร นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิพล นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล นายชูชัย ศุภวงศ์ นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ นายชัยวัฒน์ ถิรพันธุ์ ผศ.ชิดชนก ราฮิมมูลา นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ นายต่อพงษ์ เสลานนท์ นางเตือนใจ ดีเทศน์ รศ.นิพนธ์ พัวพงศกร นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นางปรีดา คงแป้น นายปรีดา เตียสุวรรณ นางเปรมฤดี ชามภูนท นายพลเดช ปิ่นประทีป นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม นายมานิจ สุขสมจิตร นายรัชฏะ ศรีบุญรัตน์ นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข นายวิชัย โชควิวัฒน นายสน รูปสูง นายสมพร ใช้บางยาง น.ส.สารี อ๋องสมหวัง และ นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ หมอค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ แพทย์และพยาบาลหลายโรงพยาบาลทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ได้แต่งชุดดำเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ไม่ให้มีการนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ประเด็นที่แพทย์ไม่เห็นด้วย ได้แก่ มาตรา 7 เรื่องสัดส่วนของคณะกรรมการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุข โดยมองว่า แทบไม่มีตัวแทนจากแพทย์ในคณะกรรมการดังกล่าว และมาตรา 45 เกี่ยวกับการฟ้องคดีอาญาและบทลงโทษแพทย์ ด้านสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป เตรียมล่าชื่อบุคลากรทางการแพทย์ที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว 10,000 ชื่อ เพื่อมอบให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมีมติว่า จะแต่งชุดดำทุกวันศุกร์ และจัดกิจกรรมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจนกว่าจะมีการแก้ไข