“...เห็นแก่ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น...” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานแก่ชาวไทยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ได้กระตุ้นจิตสำนึกให้คนไทยหันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างความเป็นปกติสุขให้เกิดขึ้นแก่บ้านเมือง ก็ด้วยการที่แต่ละคนต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด โดยเห็นแก่ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น พระราชดำรัสนี้มีความชัดเจนในยามที่บ้านเมืองต้องการความสงบสุข และควรที่คนไทยทุกคนจะได้น้อมรับเพื่อนำไปเตือนสติตนเอง และสำรวจตนว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ขัดต่อประโยชน์และความดีงามของส่วนรวม ดังนี้ ประโยชน์ส่วนรวมต้องเป็นที่หนึ่ง สำหรับประโยชน์ส่วนตนต้องขึ้นต่อประโยชน์ส่วนรวมของคนส่วนใหญ่เสมอ คนไทยทุกคนจึงมีหน้าที่ในการช่วยกันเพื่อสร้างความสุขของสังคมให้กลับคืนมาเป็นปกติได้โดยถ้วนหน้าทันที นักการเมือง ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาด โปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้วยการทำงานที่เข้มแข็ง เสียสละ เพื่อประโยชน์สาธารณะมากกว่าประโยชน์ส่วนอื่น ด้วยการสร้างการเมืองที่ก้าวหน้าให้ประชาชนมีความรัก ความศรัทธา ไม่ต้องหวาดระแวงว่านักการเมืองจะเข้ามาหาประโยชน์ด้วยการโกงกินและคอร์รัปชั่น และเป็นผู้นำของสังคมได้ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไรสูงสุดอย่างเดียว และทิ้งซากความเสื่อมโทรมให้กับสังคมจนทำให้สังคมปราศจากความสงบ ความสุข ความปลอดภัย และสร้างทุกขภาวะเพิ่มขึ้นจนยากแก่การแก้ไข เช่น กรณีมาบตาพุด อันเป็นผลจากการที่รัฐและเอกชนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ละเลยความสำคัญของชุมชนและคนที่อยู่ในสังคม อันเป็นการละเมิดสิทธิของชุมชนอย่างร้ายแรงและทำลายคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนที่อยู่มาก่อน ครู นักการศึกษา ต้องช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต และจิตใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความสุขกับการเรียน มากกว่าเพิ่มความทุกข์และกดดันทางวิชาการโดยที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตปกติ และเป็นผู้นำในการเป็นแบบอย่างให้เยาวชนมีจิตสำนึกต่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ประชาชนคนทั่วไป ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยกัลยาณมิตร ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่เหมือนคนแปลกหน้าจนมองไม่เห็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน และประโยชน์ร่วมกัน กลายเป็นสังคมชิงดีชิงเด่น และพร้อมจะเอารัดเอาเปรียบกัน กลายเป็นสังคมที่หวาดระแวง และบั่นทอนกันเอง ก็จะไม่สามารถสร้างภาวะที่เป็นสุขให้เกิดขึ้นได้ในสังคม เมื่อสังคมเผชิญกับปัญหาและมีทุกข์ ทุกคน ทุกสถานะ ต้องตระหนักในปัญหาร่วมกัน และช่วยกันสร้างสภาวะที่เป็นทางออก และเป็นความสุขร่วมกัน ด้วยการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติ เพื่อความสุขส่วนรวมจะได้เกิดขึ้น ปีใหม่นี้ ขอให้ทุกคนคืนความเป็นปกติสุขให้แก่สังคมไทยด้วยเถิด ทิพย์พาพร ตันติสุนทร ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา