สิงหาคม 2552 : รัฐบาลแถลงผลงาน 6 เดือน รัฐบาลแถลงผลงาน 6 เดือน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 53 ไม่ขัดกฎหมาย กู้ไจก้า 60 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงประปา กู้ในประเทศอีก 3 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จีดีพีไตรมาส 2 ติดลบลดลง โครงการไทยเข้มแข็งได้งบ 2 แสนล้านแรก อนุมัติค่าก่อสร้างรถไฟฟ้า ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เริ่มปฏิรูปการศึกษา รอบสอง เลื่อนชี้ขาด เงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีกล้ายาง พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ผ่านสภา ส.ส. รอบสอง เสื้อแดงถวายฎีกาช่วยทักษิณ แก้กฎหมายประกันสังคมครอบคลุมคู่สมรส-บุตร 33,067 ล้านบาท ช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติ 4 มาตรการลดรายจ่ายค่าพลังงาน เว้นภาษีเครื่องปรับอากาศ ยกระดับ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานดับไฟใต้ ขรก.ใต้ได้สิทธิพิเศษ รัฐบาลแถลงผลงาน 6 เดือน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานของรัฐบาลในโอกาสบริหารงานมาครบ 6 เดือน ว่าภาพรวมของประเทศมีแผนมีทิศทางชัดเจน มีหลายนโยบายที่ประสบความสำเร็จ อาทิ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ทำให้เด็กได้รับประโยชน์ 12 ล้านคน ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท โครงการต้นกล้าอาชีพ ที่มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 200,000 คน และสร้างงานกว่า 140,000 คน รวมทั้งมาตรการลดภาระค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชน 5 มาตรการ คือ การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ลดและให้ใช้น้ำ-ไฟฟรี ช่วยลดภาระประชาชนประมาณ 8 ล้านครัวเรือน โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท อีก 9,000,000 คน ที่ได้ประโยชน์ และโครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งขณะนี้ได้กระจายลงไปแล้วกว่า 30,000 โครงการ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 53 ไม่ขัดกฎหมาย ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ไม่มีการกระทำใดๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ตามที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ร้องต่อศาล นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2552 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งที่ประชุมขณะนั้น มีผู้เข้าร่วมประชุม 323 คน มีมติเห็นด้วย 244 ไม่เห็นด้วย 10 งดออกเสียง 56 ไม่ลงคะแนน 13 หลังจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป กู้เงินไจก้า มาพัฒนาประปา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) วงเงิน 60.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ย 0.8% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 15 ปี รวมระยะปลอดหนี้ 5 ปี และคิดค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ 0.1% ต่อปี ของวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย โดยวงเงินดังกล่าวใช้สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ กู้อีก 3 หมื่นล. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการลงทุนตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) โดยเป็นเงินกู้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 10 ปี และเป็นการกู้เงินต่อจากการที่กระทรวงการคลังเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทไปแล้ว จีดีพีไตรมาส 2 ติดลบลดลง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาสสอง (2/52) ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ยังคงติดลบ 4.9% ซึ่งแม้จะมีการขยายตัวถึง 2.3% จากไตรมาสแรก แต่ค่าเฉลี่ยของทั้ง 6 เดือน ยังคงอยู่ที่ติดลบ 6.0% เนื่องจากในไตรมาสแรกตัวเลขติดลบสูงถึง 7.1 % ไทยเข้มแข็ง ได้งบ 2 แสนล้านแรก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนตาม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 2 แสนล้านบาท โดยโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 2 แสนล้านบาทแรก จะมีประมาณ 400 โครงการ แยกออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตร กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มการศึกษา และกลุ่มสาธารณสุข ซึ่งหลังจากได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้ว หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ทันที อนุมัติงบรถไฟฟ้าสายสีม่วง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญา 1, 2 และ 3 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาในสัญญาที่ 1 ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2552 ส่วนสัญญาที่ 2-3 ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) โดยสัญญาที่ 1 คือ โครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก ระยะทาง 12 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้ารวม 8 สถานี เริ่มจากสถานีเตาปูนถึงสถานีพระนั่งเกล้า และงานก่อสร้างทางวิ่งช่วงบางซื่อ-เตาปูน โดยกลุ่ม CKTC Joint Venture นำโดย บมจ. ช.การช่าง (CK) เป็นผู้รับงานในราคา 14,292 ล้านบาท จากที่เสนอไป 16,724 ล้านบาท เริ่มปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบให้ปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ระหว่างปี 2552-2561 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการขึ้น 2 ชุด คือ หนึ่ง คณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นรองประธาน และนายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นเลขานุการ และสอง คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 มีรัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธาน เลื่อนชี้ขาดเงินบริจาค ปชป. ผลการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเรื่องการพิจารณากรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน โดยที่ประชุมฯ ได้ส่งสำนวนกลับไปให้อนุกรรมการไต่สวนฯ ดำเนินการสอบสวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหาร บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) เพิ่มเติม ศาลเลื่อนตัดสินคดีกล้ายาง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2552 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง ออกไป เป็นวันที่ 21 กันยายน 2552 พร้อมมีคำสั่งให้ออกหมายจับนายอดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเห็นว่าจำเลยจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ในความผิดฐานฉ้อโกงในการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น โดยโจทก์ได้ยื่นฟ้องผู้เกี่ยวข้อง 45 ราย พร้อมขอให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 1,440 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร่าง พ.ร.ก.สรรพสามิตน้ำมันผ่านรอบสอง ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 มีมติด้วยคะแนน 244 ต่อ 143 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ออกเสียง 6 เสียง ผ่านร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2552 ส่งผลให้ พ.ร.ก.ดังกล่าวมีผลประกาศใช้เป็นพระราชบัญญัติต่อไป อนึ่ง ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้เคยผ่านการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อส่งต่อยังวุฒิสภาเพื่อเห็นชอบ ปรากฏว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงต้องส่งกลับมายังสภา ส.ส. เพื่อลงมติอีกครั้งหนึ่งตามกฎหมาย เสื้อแดงถวายฎีกาช่วยทักษิณ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2552 กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ได้เป็นตัวแทนยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายอินจันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไป สำนักราชเลขาธิการจะส่งฎีกาไปให้รัฐบาลพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริต่อไป ขยายประกันสังคมถึงคู่สมรส-บุตร ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบในหลักการให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยขยายสิทธิครอบคลุมคู่สมรส และบุตรของผู้ประกันตน เพื่อให้ประชาชนมีสวัสดิการทั่วถึงมากขึ้น สำหรับ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม จะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในประเด็นทางกฎหมายก่อนนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทุ่ม 3 หมื่น ล.ช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการ และงบประมาณระยะ 3 ปี (2553-2555) ภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปบริหารจัดการ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม วงเงินกว่า 33,067 ล้านบาท 4 มาตรการลดรายจ่ายค่าพลังงาน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบมาตรการลดรายจ่ายค่าพลังงานให้กับประชาชน ซึ่งได้แก่ การลดราคาน้ำมันดีเซล และตรึงราคาก๊าซ LPG, NGV และ ค่า FT เป็นเวลา 1 ปี ตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เว้นภาษีเครื่องปรับอากาศ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 มีมติยกเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศ ลงมาจากเดิมซึ่งจัดเก็บอยู่ร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 0 ทำให้เครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในประเทศจะมีราคาลดลงร้อยละ 10-15 แต่คาดว่าจะทำให้การจำหน่ายมากขึ้น และมีราคาสามารถแข่งขันกับเครื่องปรับอากาศที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศได้อีกด้วย อนึ่ง การยกเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศนี้จะทำให้รัฐบาลขาดรายได้ไป 1,600 ล้านบาทต่อปี ยก ศอ.บต. เป็นหน่วยงานดับไฟใต้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบกฎหมายจัดตั้งองค์กรที่เข้ามาดูแลบริหารจัดการภาคใต้ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและยกระดับศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ขึ้นมา เพื่อให้ขึ้นตรงกับฝ่ายการเมือง โดยกฎหมายฉบับนี้จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ขรก.ใต้ได้สิทธิพิเศษ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบให้พนักงานราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา เฉพาะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี และ อ.จะนะ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เป็นกรณีพิเศษเพื่อให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ส่วนราชการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการ โดยวิธีพิเศษตามที่ส่วนราชการกำหนด และระยะเวลาของสัญญาจ้าง กำหนดระยะเวลาในแต่ละสัญญาได้เกินกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี และไม่เกินปีงบประมาณที่พนักงานราชการจะอายุครบ 60 ปี