กุมภาพันธ์ 2552 : อาเซียนซัมมิท-ประเทศไทยกับประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ อาเซียนลงนาม “ปฏิญญาชะอำ” เตรียมสร้างประชาคมอาเซียน ครม. ผ่านกรอบงบปี 53 “1.9 ล้านล้าน” เศรษฐกิจไทย ติดลบ 4.3% 10 อันดับสิทธิมนุษยชนไทยปี 51 ผ่านกฎหมายลดหย่อนภาษีค่าอุปการะ 30,000 บาท/คน งบฯ ชายแดนใต้ เน้นความมั่นคง เศรษฐกิจ พัฒนาบุคลากร อนุมัติแผนแก้หนี้เกษตร - ฟื้นฟูอาชีพ ขึ้นเงินอุดหนุน ร.ร.เอกชน เป็น 70% ต่อหัว ขึ้นค่าตอบแทน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน มติ วันหยุดยาว - กระตุ้นเศรษฐกิจ ยกฟ้องอธิบดีสรรพากร - พวก กกต. ยกคำร้อง “อภิสิทธิ์-เนวิน” ตั้งรัฐบาล ไทยจัดเรตหนัง 7 ประเภท 10 ประเทศ ลงนาม “ปฏิญญาชะอำ” เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552 ณ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศ ได้ร่วมลงนามเอกสารผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 “กฎบัตรอาเซียนเพื่อประชาชนอาเซียน” จะเป็นกรอบทางกฎหมายและทางสถาบัน เพื่อปูทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายการสร้างประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 โดยการประชุมครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญใน 4 เรื่องหลัก คือ 1) การสร้างเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจ 2) ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน 3) การจัดการด้านภัยพิบัติ และ 4) เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษและการลดช่องว่างการพัฒนา ทั้งนี้ ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้ให้การรับรองและออกเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง กับการประชุมฯ อีก 6 ฉบับ และรับทราบเอกสารอีก 7 ฉบับ รวมทั้งเป็นพยานเอกสารที่ลงนาม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน 1 ฉบับ ดังนี้ เอกสารที่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนให้การรับรอง จำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ แผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน แผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่สอง ค.ศ. 2009-2015 ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในอาเซียน แถลงการณ์ว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน แถลงการณ์ว่าด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก เอกสารที่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนรับทราบ จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ รายงานประจำปีของเลขาธิการอาเซียนเรื่องการดำเนินงานของอาเซียนต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 รายงานของเลขาธิการอาเซียนว่าด้วยพัฒนาการการอนุวัติแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ รายงานของเลขาธิการอาเซียนว่าด้วยการติดตามผลการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 13 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง รายงานของผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิอาเซียน สรุปรายงานตารางความคืบหน้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและตารางความคืบหน้าประชาคมอาเซียน รายงานการดำเนินโครงการเผยแพร่ปีแห่งความรู้เกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2551 รายงานว่าด้วยการแข่งขันเพลงประจำอาเซียน เอกสารที่ลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นพยาน จำนวน 1 ฉบับ ได้แก่ 1. ความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม ครม. ผ่านกรอบงบปี 53 “1.9 ล้านล้าน” เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่าจะจัดเก็บรายได้รวม 1,834,500 ล้านบาท เมื่อจัดสรรและหักคืนภาษีแล้ว คงเหลือรายได้สุทธิ 1,510,000 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการรายได้สุทธิปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ที่ประมาณไว้ 1,472,590 ล้านบาท ประมาณ 37,410 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% ขณะที่รายจ่ายในปีงบประมาณ 2553 จะอยู่ที่ 1,900,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบประมาณปี 2553 เป็นงบประมาณแบบขาดดุล 390,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การพิจารณางบฯรายจ่ายทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2553 จะมีอัตราการเจริญเติบโต 3% และอัตราเงินเฟ้อ 2% ถือเป็นอัตราเติบโตที่ดีกว่าปี 2552 โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เศรษฐกิจไทย ติดลบ 4.3% เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ไตรมาสที่ 4 ปี 2551 (ตุลาคม-ธันวาคม 2551) ติดลบ 4.3% หดตัวครั้งแรกในรอบ 10 ปี ขณะที่การส่งออกในเดือนมกราคมที่มูลค่าติดลบสูงถึง 26.5% และปัจจัยอื่นๆ คาดว่าจะทำให้ปี 2552 จีดีพี ติดลบ 1% หรืออย่างน้อยไม่ขยายตัว คือ 0% ทั้งนี้ สาเหตุที่จีดีพี ไตรมาส 4 หดตัว 4.3% ทำให้ปี 2551 ทั้งปี เศรษฐกิจขยายตัวเหลือเพียง 2.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% และในปี 2552 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวติดลบ 1-0% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยการส่งออกปีนี้ มูลค่าจะติดลบ 13.1% หรือมูลค่าลดลง 3.8 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะลดลง 3.7% คิดเป็นรายได้ที่ลดลง 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว 3% ส่วนอัตราการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มจาก 1.5-2.5% ของกำลังแรงงาน เป็น 2.5-3.5% หรือมีจำนวน 9 แสนถึง 1.3 ล้านคน 10 อันดับสิทธิมนุษยชนไทย ปี 51 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงผลการจัดอันดับ "10 ความคืบหน้า 10 ความถดถอย สถานการณ์สิทธิมนุษยชนไทย ปี 2551" ว่า ใน 10 ความคืบหน้า ได้แก่ 1. การขยายตัวของการมีส่วนร่วมของประชาชนทางสังคมการเมือง 2. รัฐเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศรับรองสิทธิของผู้พิการ 3. ศาลนราธิวาสพิจารณาคดี "อิหม่ามยะผา" ถูกซ้อมเสียชีวิต 4. กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ 5. ขึ้นบัญชีดำ 14 อาจารย์ฉาวล่วงละเมิดทางเพศนักศึกษา 6. ศาลปกครองกลางสั่งกรมควบคุมมลพิษจ่ายค่าชดเชยเหยื่อคลิตี้ 7. ให้เลือกใช้ "นาง-นางสาว" 8. สิทธิผู้บริโภคเริ่มได้รับความใส่ใจ 9. ขยายสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพประชาชนครอบคลุมชนกลุ่มน้อย ขยายสิทธิการเข้าถึงผู้ป่วยโรคเฉพาะ ไต มะเร็ง ฯลฯ 10. กฎหมายค้ามนุษย์มีผลบังคับใช้ ส่วน 10 สถานการณ์ถดถอย ได้แก่ 1. ความรุนแรงในชายแดนภาคใต้ 2. เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 3. ปัญหากระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย 4. วิกฤตเศรษฐกิจ 5. เซ็กซ์แลกเกรด คลิปฉาว ความรุนแรงในโรงเรียน นักเรียนตีกัน 6. การริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ เช่น ผันน้ำแม่น้ำโขง โรงถลุงเหล็กบางสะพาน บ่อขยะสุราษฎร์ธานี ฯลฯ 7. การคุกคามนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน 8. คุกคามสื่อ 9. ละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรม 10. กรณีรถแช่เย็นแรงงานพม่า 54 ศพ ให้ลดหย่อนภาษีค่าอุปการะผู้พิการ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ) ในวาระ 2 และ 3 ด้วยคะแนนเสียง 249 ต่อ 2 ไม่ลงคะแนน 5 ซึ่งสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.นี้ คือ มาตรา 3 โดยสามารถหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูได้คนละ 30,000 บาท สำหรับอุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา สามีและภริยา บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ โดยบุคคลดังกล่าวต้องเป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมาย สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2551 ที่จะต้องยื่นรายการในปี 2552 เป็นต้นไป อนึ่ง ก่อนหน้านี้ผู้เสียภาษี สามารถลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้คนละ 30,000 บาท เท่านั้น กพต. อนุมัติงบฯ ชายแดนใต้ทะลุ 6 หมื่นล้าน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) มีมติอนุมัติเพิ่มงบประมาณของแผนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จาก 4 หมื่นล้านบาท เป็น 6 หมื่นล้านบาท โดยเน้นยุทธศาสตร์ความมั่นคง เศรษฐกิจ การพัฒนาบุคลากร แผนพัฒนาท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็คต์ เป็นต้น อนุมัติแผนแก้หนี้เกษตร-ฟื้นฟูอาชีพ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรและการฟื้นฟูอาชีพ จำนวน 69,155 ราย ที่เป็นสมาชิกของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแยกเป็น 1. จัดสรรงบประมาณปี 2552 จำนวน 250 ล้านบาท ให้กองทุนฟื้นฟูฯ ชำระหนี้แทนเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และนิติบุคคลที่กำลังถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และ 2. จัดสรรงบประมารายจ่ายปี 2552 จำนวน 4,149 ล้านบาท ให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ นำไปดำเนินการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรเป็นเวลา 3 ปี สำหรับเกษตรกรส่วนที่เหลือที่ยังไม่มีการรับซื้อหนี้ให้เบื้องต้น จะให้เข้าฝึกอบรมเพื่อฟื้นฟูอาชีพก่อน โดยคาดว่าในปีงบประมาณ 2553 จะจัดสรรงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูฯ ชำระหนี้แทนเกษตรกรในส่วนที่เหลือ จำนวน 1,367 ล้านบาท ขึ้นเงินอุดหนุน ร.ร.เอกชน เป็น 70% ต่อหัว เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เพิ่มอัตราการอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวให้แก่นักเรียนในโรงเรียนเอกชน ตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ โดยเพิ่มในส่วนของโรงเรียนเอกชนที่รับเงินอุดหนุนอยู่แล้ว 60% ของค่าใช้จ่ายรายหัวนักเรียนภาครัฐอีก 10% รวมเป็น 70% และอุดหนุนให้แก่นักเรียนอนุบาล 3 ขวบ หรืออนุบาล 1 จำนวน 70% จากเดิมที่ไม่เคยได้รับอุดหนุนเลย ตามเงื่อนไขการเสนอขอเพิ่มเงินอุดหนุนที่ได้เสนอต่อสำนัก งบประมาณ ดังนี้ อนุบาล 1 ลดค่าเล่าเรียน 6,982 บาทต่อปี อนุบาล 2-3 ลด 1,086 บาทต่อปี ประถมศึกษา ลด 1,056 บาทต่อปี ม.ต้น ลด 1,265 บาทต่อปี และ ม.ปลาย ลด 1,295 บาทต่อปี ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรม ลด 1,949 บาทต่อปี พาณิชยกรรม ลด 1,588 บาทต่อปี ศิลปกรรม ลด 1,597 บาทต่อปี เกษตรกรรม ลด 1,115 บาทต่อปี และคหกรรม ลด 1,322 บาทต่อปี ขึ้นเงินเดือนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับขึ้นเงินเดือนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และแพทย์ผู้ช่วย เป็นงบประมาณรวม 10,000 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี โดยจัดสรรงบประมาณจากงบรายจ่ายปี 2553-2554 โดยมีข้าราชการได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวทั้งสิ้น 2.7 แสนคน เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้ การอนุมัติการขึ้นเงินเดือนดังกล่าว จะทำให้กำนันได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนในปีงบประมาณ 2553 เพิ่มขึ้นจาก 5,000 บาท/เดือน เป็น 7,500 บาท/เดือน และในปีงบประมาณ 2554 จะปรับขึ้นเป็น 10,000 บาท/เดือน ส่วนผู้ใหญ่บ้าน จะปรับขึ้นเงินเดือนจาก 4,000 บาท/เดือน เป็น 6,000 บาท/เดือน ในปีงบประมาณ 2553 และเพิ่มเป็น 8,000 บาท/เดือน ในปีงบประมาณ 2554 ขณะที่แพทย์ผู้ช่วยจะปรับขึ้นเงินเดือน จาก 2,500 ล้านบาท เป็น 3,750 บาท/เดือน ในปีงบประมาณ 2553 และเพิ่มเป็น 5,000 บาท/เดือนในปีงบประมาณ 2554 ครม. มีมติ วันหยุดยาว-กระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติสลับหรือเลื่อนวันหยุดราชการประจำปีตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอมา เพราะต้องการให้มีวันหยุดยาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมนี้ คณะรัฐมนตรีได้เพิ่มวันหยุดราชการให้เป็นกรณีพิเศษ โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ตรงกับวันที่ 4-5 กรกฎาคม ส่วนในวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันพุธที่ 8 กรกฎาคม เป็นวันเข้าพรรษา ดังนั้น รัฐบาลจะประกาศให้วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคมเป็นวันหยุดราชการอีกหนึ่งวัน เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่องถึง 5 วัน ยกฟ้องอดีตอธิบดีสรรพากร-พวก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กับพวกรวม 5 คน ให้พ้นจากความผิดในกรณีงดเว้นการคำนวณภาษีที่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ด้วยเหตุผล จำเลยทั้งห้า ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มความสามารถโดยไม่มีเจตนาทุจริต หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อีกทั้งยังไม่มีหน้าที่เรียกเก็บหรือประเมินภาษีอากรโดยตรง นอกจากนี้ยังไม่พบว่าได้รับประโยชน์จากการกระทำนี้ จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และมาตรา157 คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีความเห็นว่า การวินิจฉัยของนายศิโรตม์ และพวกทำให้รัฐเสียหาย เนื่องจากไม่ได้จัดเก็บภาษีจำนวน 270 ล้านบาท กกต. ยกคำร้อง “อภิสิทธิ์-เนวิน” ตั้งรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 3:2 ให้ยกคำร้องคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จับมือกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล โดยชี้ว่า ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นประชาชนชาวไทยตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ ไทยจัดเรตหนัง 7 ประเภท ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงประกอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ 4 ฉบับ ซึ่งคาดว่าจะมีบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยแบ่งภาพยนตร์ออกเป็น 7 ประเภท โดยแบ่งตามอายุของผู้ดูเป็นเกณฑ์ ได้แก่ 1) ประเภทส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้ดู 2) สำหรับผู้ดูทั่วไปไม่มีเรื่องเพศและความรุนแรง 3) 13 ปีขึ้นไป 4) 15 ปีขึ้นไป 5) 18 ปีขึ้นไป 6) ห้ามอายุต่ำกว่า 20 ปีดู และ 7) ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร เนื่องจากมีเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายความมั่นคงประเทศ ก่อให้แตกสามัคคี เหยียดหยามศาสนา ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม และลามกอนาจาร อนึ่ง ในต่างประเทศมีการจัดเรตภาพยนตร์เพียง 5 ประเภท และใช้เพิ่มอีก 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 และ 7