มกราคม 2552 : รัฐบาล กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาษีฟื้น ศก. รัฐยอมสูญ 4 หมื่นล้าน ปี 2551 เศรษฐกิจติดลบ 3-3.5% งบฯ กลางปี 1.167 แสนล้าน ผ่านสภา ขึ้นภาษี "น้ำมัน" 91-95 ดีเซล เริ่มออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน เม.ย. นี้ ขยายเวลาจ่ายเงินทดแทนเลิกจ้างเป็น 8 ด. ครม. อนุมัติ 1.35 หมื่นล้าน อุ้มสินค้าเกษตร กองทุนกู้ยืม กยศ. ได้งบหมื่นล้าน อปท.-พนง.รัฐวิสาหกิจ ได้ 2 พัน ช่วยค่าครองชีพ เพิ่มค่าปรับด้านความปลอดภัยสนามบิน ศาลปกครองยกฟ้อง "ทีไอทีวี" ลดภาษีฟื้น ศก. รัฐยอมสูญ 4 หมื่นล้าน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 มกราคม มีมติอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยการลดภาษีครั้งนี้ทำให้รัฐสูญเสียรายได้รวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะมีผลหลังจากออกพระราชกฤษฎีกา และประกาศกระทรวง ทั้งนี้ สามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มมาตรการ คือ 1. มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน 2. มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3. มาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว และ 4. มาตรการช่วยเหลือลดภาระการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ขององค์กร ศก.ไตรมาส 4 ปี ‘51 ติดลบ 3.5% เมื่อวันที่ 29 มกราคม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม 2551 และไตรมาส 4 ปี 2551 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าในไตรมาส 4 ปี 2551 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสติดลบตั้งแต่ 3% และมากที่สุดอาจถึง 3.5% ซึ่งอาจติดลบต่อไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2552 เนื่องจากภาคการส่งออก ภาคการบริโภค และภาคการลงทุนเอกชนที่ชะลอตัวชัดเจน รวมถึงการเบิกจ่ายภาครัฐที่ล่าช้ากว่าปกติ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ งบฯ กลางปี 1.167 แสนล้าน ผ่านสภา เมื่อวันที่ 28 มกราคม สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 จากเดิม 1.15 แสนล้านบาท เป็น 1.167 แสนล้านบาท ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 238 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ทั้งนี้ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ การเพิ่มวงเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จาก 2,391.3721 ล้านบาท เป็น 4,090.4480 ล้านบาท โครงการสนับสนุน การจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี จากงบฯ เดิม 19,000 ล้านบาท เป็น 19,001.0460 ล้านบาท โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ขึ้นภาษี "น้ำมัน" เมื่อวันที่ 28 มกราคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ อนุมัติปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ ประกอบด้วย เบนซิน 91 และ 95 ที่อัตราภาษีก่อนดำเนินมาตรการดังกล่าว อยู่ที่ 3.685 บาทต่อลิตร เป็น 5 บาทต่อลิตร ดีเซล ในส่วนของกำมะถันต่ำ เดิมอยู่ที่ 2.305 บาทต่อลิตร เป็น 3.305 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันกำมะถันสูง เดิม 2.405 บาทต่อลิตร เป็น 4 บาทต่อลิตร ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ได้ปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ อี 10 เดิมอยู่ที่ 3.3165 บาทต่อลิตร เป็น 3.317 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 85 เดิม 2.5795 บาทต่อลิตร เป็น 0.75 บาทต่อลิตร เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันประเภทนี้มากขึ้น ส่วนของไบโอดีเซล หรือบี 5 อัตราเดิม 2.1898 บาทต่อลิตร เป็น 2.190 บาทต่อลิตร ทั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป เริ่มออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน เม.ย. นี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม คณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ได้แจ้งถึงความคืบหน้าการออกใบอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชน (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) ว่า ขณะนี้ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานี แล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถยกร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอีกครั้งก่อนออกใบอนุญาตให้บริการชั่วคราวได้ คาดว่าภายในเดือนเมษายนปีนี้ โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตถึง 4,000-5,000 ราย ขยายเวลาจ่ายเงินทดแทนเลิกจ้างเป็น 8 เดือน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายระยะเวลาจ่ายเงินทดแทนให้แก่ผู้ถูกเลิกจ้าง จาก 6 เดือน เป็น 8 เดือน ครอบคลุมผู้ที่ถูกเลิกจ้างตั้งแต่ ธันวาคม 51- ธันวาคม 52 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ พร้อมกันนี้ยังได้ขยายเวลาการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ที่ถูกเลิกจ้างจากเดิมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 – ธันวาคม 2552 เป็น 1 ธันวาคม 2551- ธันวาคม 2552 เนื่องจากพบว่าตัวเลขผู้ถูกเลิกจ้างในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มีสูงถึง 51,000 คน นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติวงเงิน 120 ล้านบาท เพื่อฝึกอบรมแรงงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ว่างงานอีกด้วย ครม. อนุมัติ 1.35 หมื่นล้าน อุ้มพืชเกษตร เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) รวมวงเงิน 13,580.75 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินกู้ 12,625 ล้านบาท เงินจ่ายขาด 955.75 ล้านบาท สำหรับสินค้า 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 250,000 ตัน ปาล์มน้ำมัน 100,000 ตัน และยางพารา 200,000 ตัน กองทุนกู้ยืม กยศ. ได้งบหมื่นล้าน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ให้กับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน-นักศึกษาที่ไม่ได้กู้ยืมเงินตั้งแต่มัธยมปลาย และ ปวช. สามารถกู้ยืมได้ในระดับอุดมศึกษา และ ปวส. ทั้งนี้ ทำให้เพิ่มยอดนักศึกษาที่ได้รับเงินกู้เป็นเกือบ 1 ล้านราย อปท.-รสก. ได้ 2 พัน ช่วยค่าครองชีพ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้ประจำ 2 พันบาท/ราย ให้ครอบคลุมเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้น้อย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 3.8 หมื่นราย นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติงบประมาณ 607 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อหนี้ที่บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซื้อสินทรัพย์ไปคืนมาให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน 1,187 ราย ซึ่งพร้อมประสานงานกับเจ้าหนี้ทันที โดยมี 1,141 ราย มูลค่าหนี้ 582 ล้านบาท อยู่กับสถาบันการเงินของรัฐ ส่วนอีก 46 ราย อยู่กับบุคคลที่ 3 ที่จะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป ร่างเพิ่มค่าปรับด้านความปลอดภัยสนามบิน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) สามารถพิจารณาค่าปรับตั้งแต่ 500-10,000 บาท จากเดิมที่กำหนดอัตราค่าปรับไว้เพียง 50-2,000 บาทเท่านั้น สำหรับกรณีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกฎหมายอาญา ทอท. จะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นผู้เข้ามาดำเนินการ อย่างไรก็ดี การเพิ่มอำนาจดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมไปถึงเจ้าหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ได้รับสัมปทานจาก ทอท. ด้วย ทั้งนี้จะต้องมีการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในทุกท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลของ ทอท. ศาลปกครองยกฟ้อง "ทีไอทีวี" จอดำ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม กับพวกรวม 105 คน ซึ่งเป็นประชาชนผู้รับชมรายการสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี และพนักงานทีวีทีไอทีวี ยื่นฟ้อง นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานออกคำสั่งมิชอบให้ทีไอทีวียุติการแพร่ภาพออกอากาศตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 14 มกราคม 2551 พร้อมขอให้กรมประชาสัมพันธ์ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่า นายปราโมช มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และคำสั่งดังกล่าวไม่ได้เป็นการแทรกแซง หรือขัดขวางการทำงานของฝ่ายข่าว ซึ่งเป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 และ พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงฯ มาตรา 56 ตามที่ผู้ฟ้องกล่าวอ้าง จึงพิพากษายกฟ้อง