สวัสดีปีใหม่ คนไทยรักกันไว้เถิดนะ ต้องยอมรับกันว่าเราผ่านพ้นปีเก่ามายากลำบาก เพราะความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเหตุ ทำให้คนไทยส่วนมากรู้สึกโล่งใจที่ผ่านมาได้ แม้จะมีเวลาให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดทางการเมืองอยู่เพียงไม่เท่าไหร่ หลังจากที่มีรัฐบาลเปลี่ยนขั้วพอดีกับช่วงปีใหม่ ทำให้ปีใหม่นี้คนไทยได้ฉลองความสุขกันเต็มที่โดยไม่มีเสียงประท้วงหรือต่อต้านทางการเมืองตกค้างในบรรยากาศส่งความสุขปลายปี เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ เดือนมกราคม 2552 ก็เป็นเวลาของความสุขและความสำคัญของเด็กและเยาวชน เป็น “วันเด็ก” ที่ใครๆ ก็ให้ความสำคัญเต็มที่ ผู้ใหญ่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาคราชการหรืเอกชน ต่างก็ช่วยกันสร้างสรรค์งานเพื่อเติมความสุขให้เด็กไทยถ้วนหน้า เด็กในวันนี้ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า พวกเขาล้วนเป็นอนาคตของประเทศ การสร้างเด็กและเยาวชนไทยให้เติบโตไปวันหน้าจึงเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องใคร่ครวญ การที่สังคมแตกแยก แบ่งขั้วกันอย่างไม่ลดละเช่นทุกวันนี้ ผู้ใหญ่อย่างเรา-ท่านจะบอกเด็กๆ และเยาวชนของชาติไม่ให้ทะเลาะและเลิกไล่ตี ทำร้ายกันได้อย่างไร สังคมไทยจะอยู่กันอย่างไรโดยที่ไม่ต้องทะเลาะและทำร้ายกัน ประสบการณ์การต่อสู้และขัดแย้งกันทั้งสองขั้วได้บอกอะไรเรามากมายว่า นอกจากประเทศขาดความสงบสุข สังคมขาดความมั่นคง เศรษฐกิจเสื่อมทรุด ความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกหายไป เราจะมีท่าทีอย่างไรเพื่อให้การขัดแย้งเป็นเรื่องความคิดที่เรายอมที่จะอดทนฟังซึ่งกันและกัน ทำอย่างไรเราจะยกระดับวุฒิภาวะให้คนไทยใช้ความรู้และสติปัญญาอยู่ร่วมกัน ถกเถียงกัน และเข้าใจกันได้ว่า แม้คิดต่าง ก็ไม่มีสิทธิทำร้ายกัน หรือมีท่าทีมุ่งร้ายต่อกัน เพราะอย่างไรเสียเราก็ต้องอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกัน คนไทยทุกคนล้วนเกิดที่นี่ อยากอยู่และตายบนอ้อมกอดของแผ่นดินแม่ของตนเองแน่นอน ถามว่า คนไทยอยากให้เด็กไทยเป็นอย่างไร ถ้าต้องการให้เด็กและเยาวชนคิดดี พูดดี และทำดี ผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องทำทั้ง 3 อย่างให้ได้ด้วยการแสดงออกที่เป็นแบบอย่าง อย่าให้การชุมนุมประท้วงแต่ละครั้งสวนทางกับ 3 คำนี้ ไม่ว่าการใช้คำจาบจ้วงหยาบคาย และเยาะเย้ยเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม การปาสิ่งของเพื่อทำร้ายถึงตัว ทั้งหลายนี้ล้วนสะท้อนความคิดที่ไม่ดีและประสงค์ร้ายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ทำซ้ำต่อเนื่องให้เด็กและเยาวชนจดจำและยากที่จะแยกแยะความถูกผิด ไม่ว่าขั้วใด ฝ่ายไหน หากลดอัตตา ละความคิดของตนเป็นใหญ่ลงให้เป็นรองที่สอง แล้วเอาความคิดดีๆ ให้กับประเทศเป็นที่หนึ่ง อะไรที่ประเทศจะได้ประโยชน์จะตกแก่คนทั้งประเทศ และอนุชนรุ่นลูกหลาน น่าจะคิดอ่านร่วมมือกันโดยลดละเลิกขั้วและสีที่เป็นกำแพงกั้นความก้าวหน้าของประเทศ ปีใหม่นี้ถ้าคนไทยไม่คิดดีต่อกัน ประเทศอื่นใครเขาจะอยากดีมีไมตรีด้วย นอกจากจะฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมและเอาประโยชน์จากการที่เราไม่รักกันนี่แหละ รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย คนไทยทั้งหลายเอ๋ย เราทั้งผองล้วนเป็นพี่น้องไทยด้วยกัน ทิพย์พาพร ตันติสุนทร ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา