พฤษภาคม 2551 : จัดอันดับความสงบสุข : ไทยรองบ๊วยอาเซียน ประเทศไทย อันดับที่ 118 รองบ๊วยอาเซียนอันดับประเทศที่สงบสุขที่สุด รบ.ประกาศงบรายจ่ายฯ ปี ‘52 กันงบกลางไว้ 2.4 แสนล้าน สภาพัฒน์ฯ คง จีดีพี ปีนี้โต 4.5-5.5% แม้ไตรมาสแรกขยายตัวถึง 6% เพิ่มเงิน "ขรก. 3 แสนคน" ซี 1-5 รับอีก 500-700 บาท/ราย คตส. ชุดใหญ่ มีมติเอกฉันท์ ยื่นฟ้องยึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำคุก กกต. 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ส่งคดีหวย 2 – 3 ตัว ต่อศาล รธน. ตีความก่อนศาลฎีการับ ไม่รับฟ้อง คตส. สรุปคดี "ซีทีเอ็กซ์" ผิดจริง ความเสียหายในคดีนี้ กว่า 1,700 ล้านบาท มติ ครม. ให้จัดทำบัตรประชาชนตั้งแต่แรกเกิด ก่อนส่งสภาพิจารณา ครม. ตีกลับแผนพัฒนาใต้ 5 หมื่นล. ตั้งข้อสังเกต หลายโครงการซ้ำซ้อน ครม. ไฟเขียวร่าง กม.คุมประพฤติ เน้นสอดคล้องนโยบายของรัฐบาลและแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ พ.ร.บ.คุ้มครองคนงาน มีผล 27 พ.ค. นี้ เน้นคุ้มครองสิทธิลูกจ้าง มติ ครม. รับวิกฤตพลังงาน รถวิ่ง 90 กม./ชม.- เปิดแอร์ 25 องศา มาตรการบังคับ ผ่านร่าง พ.ร.ฎ. ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป มีผล 20 พ.ค. ไทยรองบ๊วยอาเซียนอันดับประเทศที่สงบสุขที่สุด สถาบันจัดดัชนีความสงบสุขโลก (Global Peace Index) ได้จัดอันดับประเทศที่สงบสุขที่สุดของโลก ประจำปี 2008 จากประเทศที่ถูกจัดอันดับทั้งหมด 140 อันดับ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 118 โดยมีอันดับต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ อันดับที่ 29 เวียดนาม อันดับที่ 37 มาเลเซียอันดับที่ 38 ลาว อันดับที่ 51 อินโดนีเซีย อันดับที่ 68 กัมพูชา อันดับที่ 91 โดยเหนือกว่าประเทศเดียวคือ พม่า อันดับที่ 126 โดยในปีนี้ ไอซ์แลนด์ คว้าแชมป์เป็นประเทศที่มีความสงบสุขที่สุดของโลก งบรายจ่ายฯ ปี ‘52 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 มีมติเห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 วงเงิน 1,835,000 ล้านบาท คิดเป็น 18.2% ต่อจีดีพี สูงกว่างบประมาณปี 2551 ประมาณ 10.5% ตั้งประมาณการรายได้อยู่ที่ 1,585,500 ล้านบาท เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล 249,500 ล้านบาท ทั้งนี้ สัดส่วนของรายจ่ายลงทุนต่องบประมาณรายจ่ายรวมของประเทศลดลงจาก 24.1% ในปี 2551 มาอยู่ที่ 22.2% ในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีแนวทางจะใช้แหล่งเงินทุนที่เป็นเงินนอกงบประมาณจากเงินกู้ต่างประเทศมาใช้ในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็ค) แทน ประมาณ 63,127.50 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมเงินนอกงบประมาณเพื่อการลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้ว จำนวนรายจ่ายเพื่อการลงทุนในภาพรวมของประเทศจะยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจัดสรรงบกลาง 249,565.7 ล้านบาท คิดเป็น 13.6% สำหรับกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 330,069.2 ล้านบาท คิดเป็น 18% และกระทรวงพลังงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยที่สุด วงเงิน 2,523 ล้านบาท คิดเป็น 0.1% และ จัดสรรสำหรับกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน 128,020.6 ล้านบาท คิดเป็น 7% นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่จังหวัดเป็นครั้งแรกจำนวน 18,000 ล้านบาท ตามที่รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้จังหวัดมีแผนและงบประมาณเพื่อพัฒนาจังหวัดทั้งในส่วนของเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดเป็นโครงการพัฒนาร่วมระหว่างจังหวัดและนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและสร้างรายได้เป็นของตัวเอง ทั้งนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการจัดสรรงบประมาณจังหวัดสูงสุด คือ 451 ล้านบาท ส่วนจังหวัดตราดได้รับงบประมาณน้อยสุดคือ 160.4 ล้านบาท "สศช." คงจีดีพี 5.5% เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 6% สูงกว่าไตรมาสสี่ ปี 2550 ที่ขยายตัว 5.7% เป็นผลจากการฟื้นตัวของการใช้จ่าย การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออกที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวจาก 5.7% ในไตรมาสสี่ปี 2550 เป็น 9.7% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 6.2% เป็น 10.3% และโดยเฉพาะการลงทุนรวมที่เพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 5.4% น่าจะเป็นผลจากการมีรัฐบาลใหม่และมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้เป็นตัวกดดันให้ราคาอาหาร ภาวะค่าครองชีพในภาพรวมสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการใช้จ่ายฟื้นตัวช้าและเปราะบาง เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่เพิ่มจาก 2.9% ในไตรมาสสี่ของปี 2550 มาอยู่ที่ 5% ในไตรมาสแรกปีนี้ ทั้งนี้ สศช. คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะยังขยายตัว 4.5-5.5% ตามที่ประเมินไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย เพิ่มเงิน "ขรก. 3 แสนคน" ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ม ีนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง เป็นประธาน เสนอให้พิจารณาช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการระดับต้น เพื่อให้มีรายได้พื้นฐานที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต โดยแนวทางการช่วยเหลือ คือการปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนของข้าราชการระดับซี 1-5 ที่จะได้รับค่าครองชีพชั่วคราว เพิ่มขึ้นอีก 6% จากอัตราขั้นต่ำ 7,700 บาทต่อเดือน เป็น 8,200 บาทต่อเดือน และขั้นสูงเพิ่มจากอัตรา 11,000 บาท เป็น 11,700 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2551 ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเดือนระหว่าง 500-700 บาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 301,305 คน คาดว่าต้องใช้งบประมาณเพิ่มค่าครองชีพตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2551 จำนวน 340 ล้านบาท หรือเดือนละ 68 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2552 จะต้องใช้งบประมาณ 816 ล้านบาท ทั้งนี้ มติ ครม. ดังกล่าว ไม่ใช่การปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ แต่เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้แก่ข้าราชการชั้นผู้น้อย คตส. มีมติเอกฉันท์ยื่นฟ้องยึดทรัพย์อดีตนายกฯ ทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงว่า คตส.ชุดใหญ่ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจตนและพวกพ้องประกอบด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการถือครองหุ้นธุรกิจสัมปทาน (คดีซุกหุ้น ภาค 2) ข้อกล่าวหาการใช้อำนาจหน้าที่ในการออกมาตราการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเอง และข้อกล่าวหาคดีได้ทรัพย์สินมาโดยมิสมควร (คดียึดทรัพย์) ตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ที่มีนายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ คตส. เป็นประธาน เสนอคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ยึดทรัพย์สินจำนวน 76,621,603,061.05 บาท ที่คนในครอบครัวชินวัตรได้รับจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชิคอร์ป จากกลุ่มเทมาเส็ก ตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 80 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน กรณี กกต. ทุจริต เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น กรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. และนายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต. เป็นจำเลย จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือคนละ 2 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ทั้งนี้ การที่จำเลยมีประสบการณ์เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาก่อนจนมีคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ ได้เป็น กกต. แต่กลับไม่ได้ใช้ประสบการณ์สร้างความสุขและช่วยระงับวิกฤตที่เกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง พฤติกรรมของจำเลยจึงไม่มีเหตุปราณีลดโทษตามที่ขอ ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษมานั้นชอบแล้ว ในฐานกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีไม่เร่งรัดสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. ในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อปี 2549 เพื่อหนีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำร้อยละ 20 ส่งคดีหวย 2 – 3 ตัว ต่อศาล รธน. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ในคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ยื่นฟ้องคดีทุจริต หวยบนดิน (ออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว) ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตร ีและคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลในสมัยนั้น รวม 47 คน เป็นจำเลยว่า จำเลยที่ 31 ถึง 47 ได้โต้แย้งว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และ คตส. อาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 29 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำโต้แย้งดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติจึงให้ส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยก่อน 2 ประเด็น คือ 1. ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐที่แต่งตั้ง คตส.ขึ้นมานั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ 2. พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ในเรื่องการต่ออายุการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวิฉัยแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาจะได้วินิจฉัยเกี่ยวกับคำฟ้องต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมเดินหน้าหวยบนดินหรือสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัวผ่านระบบออนไลน์ในงวดเดือนกันยายนนี้ คตส. สรุปคดี "ซีทีเอ็กซ์" ผิดจริง เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายสัก กอแสงเรือง แถลงผลการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ โดยที่ประชุมได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนคดีการจัดซื้อเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 และระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ซึ่งมีข้อเท็จจริงทั้งข้อมูลการสอบสวนจากสหรัฐอเมริกา และในส่วนของประเทศไทย โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พนักงานเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการชุดต่างๆ รวมถึงบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้เพิ่มเติมรายละเอียดเรื่องข้อกฎหมายโดยเฉพาะการปรับตัวบทกฎหมายในการชี้มูลความผิดกับผู้เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ โดยตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นในคดีทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท "ทารก" คลอดมีบัตรประชาชน ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน รองรับการจัดทำบัตรแบบอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) จากนี้ให้ส่งร่างให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรก่อนเสนอสภาต่อไป สาระสำคัญ อาทิ 1. การจัดทำบัตรประชาชนของเด็กแรกเกิด ให้เป็นหน้าที่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองยื่นคำขอมีบัตรประชาชน 2. แก้ไขอายุบัตรเป็น 10 ปี จากเดิม 6 ปี 3. แก้ไขรายการของบัตร โดยกำหนดให้มีชื่อตัว ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิดที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน รูปถ่าย และเลขบัตรประจำตัวผู้ถือบัตร ตัดข้อมูลการนับถือศาสนา/นิกาย/ลัทธิออก ส่วนวิธีทำบัตรให้เด็กแรกเกิด ใช้วิธีปั๊มนิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง ส่วนวันรับบัตรให้ปั๊มนิ้วชี้ทั้ง 2 ข้าง บัตรมีอายุ 10 ปี พออายุครบ 10 ปีก็ต้องถ่ายรูปใหม่ ส่วนกรณีผู้ขอทำบัตรอายุ 70 ปีให้ใช้ไปได้ตลอดชีพถ้าอยากมีสมาร์ทการ์ดไปทำได้ฟรีภายในปี 2551 จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 จะเริ่มคิดค่าธรรมเนียม ครม. ตีกลับแผนพัฒนาใต้ 5 หมื่นล. ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ครม. เห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2551-2554 เพื่อรองรับกรอบยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอมา และ ศอ.บต. ได้เสนอขออนุมัติกรอบงบฯ ในการดำเนินการเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้ตั้งข้อสังเกตว่า หลายโครงการซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่น ครม. จึงมอบหมาย ศอ.บต. ไปทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง ก่อนนำกลับมาขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. ใหม่ ครม. ไฟเขียวร่าง กม.คุมประพฤติ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุมประพฤติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเสนอว่ามีความจำเป็นต้องตราร่าง พ.ร.บ.นี้ขึ้นใช้บังคับ เพื่อรองรับภารกิจของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ครอบคลุมทุกภารกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ อาทิ กำหนดให้มีคณะกรรมการคุมประพฤติ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุมประพฤติและอำนาจหน้าที่ของพนักงานคุมประพฤติ กำหนดให้สำนักงานคุมประพฤติมีหน้าที่ดำเนินกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ และกำหนดวิธีการดำเนินกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ กำหนดให้มีกองทุนป้องกันอาชญากรรมและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุนมีอำนาจหน้าที่บริหารกองทุน และยังกำหนดโทษแก่เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ซึ่งนำความลับของผู้อื่นที่ล่วงรู้หรือได้มาเพราะการปฏิบัติหน้าที่ ไปเปิดเผยนอกอำนาจหน้าที่ของตน เป็นต้น กม. คุ้มครองคนงานมีผล 27 พ.ค. เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานฯ กล่าวถึง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับแก้ไข) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ว่า สาระสำคัญ คือ 1. ห้ามไม่ให้นายจ้างเรียก หรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงาน 2. คุ้มครองลูกจ้างที่นายจ้างมีสัญญาจ้างไม่เป็นธรรม 3. ให้ความคุ้มครองแรงงานทุกเพศ ห้ามล่วงละเมิดทางเพศ 4. คุ้มครองการจ้างงานเหมาค่าแรง "ซับคอนแทร็ก" 5. หากนายจ้างย้ายสถานประกอบการ ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน หากลูกจ้างไม่ประสงค์จะไป ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่ากรณีเลิกจ้าง รถวิ่ง 90 กม./ชม.-เลิกใส่สูท มาตรการบังคับ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขวิกฤตพลังงาน โดยให้ส่วนราชการนำร่องการประหยัดพลังงานอย่างเคร่งครัด อาทิ การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 – 26 องศาเซลเซียส หากว่าหน่วยงานใดเห็นว่าร้อนเกินไปให้เปิดพัดลมช่วยแทน โดยที่ประชุม ครม. ครั้งนี้ ทุกคนงดใส่สูทเข้าร่วมประชุม ส่วนอื่นๆ จะกวดขันการใช้ความเร็วของรถยนต์ในหน่วยงานราชการให้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมทั้งให้หน่วยงานราชการที่สามารถประหยัดการใช้พลังงานไม่ต้องส่งคืนงบประมาณส่วนที่เหลือ เพื่อเป็นแรงจูงใจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้เร่งทำรายละเอียดการขยายเวลาการลดภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีเงินได้ให้กับอุปกรณ์ชิ้นส่วน เครื่องจักรและเครื่องยนต์เอ็นจีวี ออกไปอีก 4 ปี และให้เร่งลดหย่อนภาษีสำหรับ E85 อีกด้วย ผ่านร่าง พ.ร.ฎ. ปิดสภา 20 พ.ค. ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ครม. อนุมัติให้มีการจัดทำร่างพ.ร.ฎ.ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ. 2551 เนื่องจากได้มีการประชุมครบ 120 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม และให้สำนักเลขาธิการ ครม. นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายต่อไป