เมษายน 2551 : ศาลรัฐธรรมนูญเดินหน้า หลังได้ครบ 9 ตุลาการ ได้ครบแล้ว 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษา 3 อดีต กกต. ยืนจำคุก4ปี กรณีจัดการเลือกตั้งโดยมิชอบ คตส. มีมติเอกฉันท์ เอาผิด “แม้ว" คดีให้พม่ากู้ 4 พันล้าน จัดสรรงบฯ จว. 3.5 หมื่นล้าน เน้นเพื่อใช้พัฒนาได้โดยตรง ข้าวธงฟ้าแก้ปัญหาข้าวขาดแคลน มอบองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดูแล ยืดเวลาลดค่าตั๋วรถไฟใต้ดินถึง ม.ค. 52 สั่งศึกษาคนชรา-เด็ก คิดครึ่งราคา ผ่าน พ.ร.ฎ. ขรก. เออร์ลี่ จ่าย 8-15 เท่า ทำงานมา 25 ปี-อายุ 50 ขึ้น อนุมัติงบ 406 ล้าน ตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก แท็กซี่ได้มีประกันสังคม สิทธิประโยชน์ 3 กรณี คือ คลอดบุตร ทุพพลภาพ และตาย ครัวเรือนไทย 63.3% มีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 116,681 บาท ครูสอนเกินเวลาได้เงินเพิ่ม ให้สถานศึกษากำหนดวิธีและเอกสารประกอบการเบิกจ่ายค่าสอนพิเศษได้เอง เพิ่มค่ารักษาที่ให้นายจ้างจ่าย อาทิ แก้ไขค่ารักษาพยาบาลในเบื้องต้น จาก 3.5 หมื่นบาท เป็นไม่เกิน 4.5 หมื่นบาท มาตรการลดหย่อนภาษีมีผลบังคับใช้แล้ว รวมถึง ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน เหลือ 0.01% ได้ครบแล้ว 9 ตุลาการศาล รธน. เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายจรูญ อินทจาร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนต่อไป สำนักงานศาลปกครองสูงสุดจะแจ้งรายชื่อตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ได้รับเลือกทั้ง 2 คน ต่อประธานวุฒิสภาเพื่อนำความกราบบังคมทูลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ทำให้ได้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครบ 9 คนแล้ว ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับเลือกก่อนหน้านี้มี 7 คน แยกเป็นการสรรหา 4 คน ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ นายสุพจน์ ไข่มุก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์ นายเฉลิมพล เอกอุรุ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์ และมาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3 คน คือ นายชัช ชลวร ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา และนายบุญส่ง กุลบุปผา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ตัดสิน 3 อดีต กกต. ยืนจำคุก 4 ปี! เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมนายวีระชัย แนวบุญเนียร และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีต กกต. ในคดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการจัดเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2549 เป็นเวลาคนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดคนละ 10 ปี ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42 ร่วมกัน จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตรอบใหม่ เมื่อวันที่ 23 และ 29 เมษายน 2549 โดยไม่มีอำนาจ และการออกหนังสือเวียนถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) เขต ให้รับผู้สมัคร รายเดิมเวียนเทียนสมัครใหม่ หลังจากที่รับทราบคำพิพากษาแล้ว จำเลยทั้งสามได้รับอนุญาตให้ประกันตัว โดยตีราคาประกันคนละ 400,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสามเตรียมที่จะยื่นฎีกาต่อไป คตส. มีมติเอกฉันท์เอาผิด “แม้ว” คดีให้พม่ากู้ 4 พันล้าน ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม มีมติเอกฉันท์ กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายต่างประเทศไปพร้อมกับการแสวงหาประโยชน์สำหรับธุรกิจครอบครัวชินวัตรกับพวก อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐในคดีการปล่อยเงินกู้ให้กับทางการพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการให้เห็นชอบ ให้ ธสน. ให้วงเงินกู้สินเชื่อวงเงิน 3,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่า และต่อมาได้สั่งการเห็นชอบให้เพิ่มวงเงินกู้สินเชื่ออีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 4,000 ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า โดยเบื้องต้น คตส.จะส่งรายงาน เอกสาร หลักฐานพร้อมทั้งความเห็นไปยังอัยการสูงสุด ภายใน 14 วัน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นเรื่องฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป จัดสรรงบฯ จว. 3.5 หมื่นล้าน เพื่อการพัฒนาโดยตรง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน ครม.พิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ให้กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งมีมติ ครม. วันที่ 18 มีนาคม 2551 เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว เพื่อใช้พัฒนาโดยตรง มีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. กำหนดกรอบวงเงิน สำหรับใช้จ่ายปี 2552 สำหรับจังหวัดทั้งสิ้น 35,000 ล้านบาท และมีหลักการจัดสรรแต่ละจังหวัด 4 ประการ คือ 1. ร้อยละ 50 ของเงินทั้งสิ้นจัดสรรเท่ากันทุกจังหวัด 2. ร้อยละ 10 ของวงเงินจัดสรรตามจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด 3. ร้อยละ 35 ของวงเงินจัดสรรตามความผกผันของรายได้แต่ละครัวเรือนแต่ละจังหวัด และ 4. ร้อยละ 5 จัดสรรตามผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ทั้งนี้ แต่ละจังหวัดต้องดำเนินโครงการพัฒนาจังหวัดทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้าวธงฟ้าแก้ปัญหาข้าวขาดแคลน ตั้งกรรมการคุมเวียนเทียน ครม. ไฟเขียว "ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน" บรรจุถุงข้าวขาว-หอมมะลิ ขายต่ำกว่าตลาด 20% ตั้งกรรมการดูแลกระจายสินค้ากันปัญหาเข้าคิวเวียนเทียน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน มีมติเห็นชอบการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน โดยนำข้าวในสต็อกรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิและข้าวขาวตั้งแต่ 5-25% มาบรรจุถุงและทยอยขายให้กับประชาชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 20% ทั้งนี้ ข้าวล็อตแรกจะออกสู่ท้องตลาดในเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้รับผิดชอบดูแล ก่อนหน้านี้ ราคาขายปลีกข้าวสารในท้องตลาดได้ค่อยๆ สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ข้าวในต่างประเทศมีราคาพุ่งสูงมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความวิตกในหมู่ผู้บริโภคในประเทศว่าจะไม่มีข้าวบริโภค ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกไปซื้อข้าวมาตุนไว้เพื่อการบริโภคภายในครัวเรือน ครม. ยืดเวลาลดค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน สั่งศึกษาคนชรา-เด็กคิดครึ่งราคา ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ขยายเวลาการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในอัตราลดหย่อนจาก 15-39 บาท จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 3 กรกฎาคม 2551 โดยให้เริ่มคิดค่าโดยสารอัตราใหม่ คือเริ่มต้นที่ 16 บาท และสิ้นสุดที่ 41 บาท ในเดือนมกราคม 2552 นอกจากนี้ยังได้สั่งให้ศึกษาถึงแนวทางที่จะลดราคาค่าโดยสารให้แก่เด็กและคนชราในอัตราร้อยละ 50 ตามหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... ผ่าน พ.ร.ฎ.ขรก. เออร์ลี่ ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เงินช่วยเหลือข้าราชการโครงการเออร์ลี่ รีไทร์แล้ว กำหนดคุณสมบัติต้องอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป เหลือเวลาราชการไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยรับผลประโยชน์ 8-15 เท่าของเงินเดือนงวดสุดท้าย ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เมษายน ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. .... โดยหลังจากนี้ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป สาระสำคัญของร่างมีดังนี้ 1. กำหนดให้ข้าราชการที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้เงินช่วยเหลือฯ หรือเออร์ลี่ รีไทร์ เป็นข้าราชการในส่วนราชการที่ ครม. มีมติให้ออกจากระบบราชการ หรือส่วนราชการที่ประสงค์จะยุบเลิกบางภารกิจ หรือส่วนราชการที่มีอัตรากำลังเกินความจำเป็น หรือส่วนราชการที่มีข้าราชการอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนข้าราชการทั้งหมด 2. กำหนดคุณสมบัติข้าราชการที่จะเข้าร่วมโครงการต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือมีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป และมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปีนับจากวันที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากราชการ ซึ่งต้องอยู่ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึง 1 ตุลาคม 2555 3. กำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการเป็นเงิน 8-15 เท่าของเงินเดือนงวดสุดท้าย และ 4. กำหนดให้โครงการเออร์ลี่ รีไทร์ ที่ดำเนินการก่อนวันที่ พ.ร.ฎ. ใช้บังคับ เป็นโครงการตาม พ.ร.ฎ. นี้ และข้าราชการที่ประสงค์และได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการดังกล่าวก่อนวันที่ พ.ร.ฎ. มีผลใช้บังคับ เป็นการแสดงความประสงค์และได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการตาม พ.ร.ฎ. นี้ อนุมัติงบฯ 406 ล้าน ตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551 มีมติเห็นชอบหลักการอนุมัติงบกลาง ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป วงเงิน 406,009,0045 บาท เพื่อการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก แบ่งเป็นงบเตรียมการ 156 ล้านบาท และเป็นงบสำหรับการบริหารจัดการวงเงิน 249 ล้านบาท สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีสภาพเป็นนิติบุคคล ทำหน้าที่คุ้มครองผู้ฝากเงินกับสถาบันการเงินในประเทศ โดยการติดตามฐานะและการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่เกิดปัญหา ถูกควบคุม ปิดกิจการ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยมีกองทุนประเดิมจากรัฐบาลจำนวนหนึ่ง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงินต่างๆ ในจำนวนไม่เกิน 1% ของเงินฝากในแต่ละสถาบัน เมื่อสถาบันการเงินเกิดปัญหา กองทุนจะจ่ายเงินคืนให้กับผู้ฝากในอัตราที่ค่อยๆ ลดลง จากปีที่ 1 ซึ่งคุ้มครองเต็มจำนวน ลงเป็นคุ้มครอง 50 ล้านบาท 25 ล้านบาท 10 ล้านบาท และ 1 ล้านบาท ในปีที่ 2-5 ตามลำดับ และหลังจากนั้นจะคุ้มครองทุกๆ บัญชีเงินฝาก 1 ล้านบาทต่อ 1 สถาบัน โดยผู้ฝากเงินจะได้รับเงินคืนภายใน 30 วัน หลังจากสถาบันการเงินปิดกิจการหากยื่นเอกสารครบถ้วน ขณะนี้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อประกาศเป็นกฎหมายต่อไป แท็กซี่ได้ประกันสังคม 3 สิทธิประโยชน์ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เมษายน ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอขยายความคุ้มครองประกันสังคมในกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่และสาขาอื่นๆ ซึ่งจากการหารือร่วมกันระหว่างตัวแทนผู้ขับแท็กซี่และสำนักงานประกันสังคม เบื้องต้นเห็นต้องกันว่าให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าสู่ระบบประกันสังคมทันที ภายใต้สิทธิประโยชน์ 3 กรณี คือ คลอดบุตร ทุพพลภาพ และตาย และจ่ายเงินสมทบในอัตรา 3,600 ต่อปี ภายใต้มาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2523 ครัวเรือนไทย 63.3% มีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 116,681 บาท สำนักงานสิถิติแห่งชาติแจ้งผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนปี 2550 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2550 ทั่วประเทศจำนวน 52,000 ครัวเรือน พบว่าในปี 2550 ครัวเรือนที่มีหนี้สินมี 63.3% ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1.1% หนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนละ 116,681 บาท และเมื่อเทียบกับปี 2541-2547 ครัวเรือนที่มีหนี้สินเพิ่มขึ้นจาก 55.1% เป็น 66.4% ทั้งนี้ จำนวนหนี้ต่อครัวเรือนเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 2550 โดยปี 2549 หนี้ต่อครัวเรือนขยับขึ้นเป็น 116,585 บาท จากปี 2545 ที่อยู่ที่ 82,485 บาท โดยปี 2550 หนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่มาจากการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคและซื้อบ้านซื้อที่ดิน 64.7% ครูสอนเกินเวลาได้เงินเพิ่มตามเกณฑ์ดัชนีผู้บริโภค ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เมษายน ครม. เห็นชอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2551 สาระสำคัญ คือ กำหนดให้สถานศึกษาของทางราชการและสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งสามารถกำหนดวิธีและเอกสารประกอบการเบิกจ่ายค่าสอนพิเศษได้เอง โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ให้ผู้ทำการสอนที่ครบหน่วยชั่วโมงในเวลาปกติตามที่กำหนดแล้ว หากทำการสอนเพิ่มในเวลาราชการปกตินอกเหนือจากจำนวนหน่วยชั่วโมงที่สอนครบดังกล่าว มีสิทธิได้รับเงินค่าสอนพิเศษตามอัตราที่กำหนดได้ โดยนำดัชนีราคาผู้บริโภคชุดทั่วไปของประเทศตั้งแต่ปี 2538 มาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ เพิ่มค่ารักษาที่ให้นายจ้างจ่าย ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เมษายน มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว และส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป มีสาระสำคัญ อาทิ 1. แก้ไขค่ารักษาพยาบาลในเบื้องต้น จากที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 3.5 หมื่นบาท เป็นไม่เกิน 4.5 หมื่นบาท 2. เพิ่มค่ารักษาพยาบาลกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยรุนแรงเรื้อรังกรณีค่ารักษาพยาบาลเกิน 2 แสนบาท แต่รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3 แสนบาท โดยเป็นอำนาจของคณะกรรมการการแพทย์พิจารณาและกรรมการกองทุนเงินทดแทนเห็นชอบ และแก้ไขอัตราค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้อง ค่าอาหาร เดิมกำหนดให้จ่ายไม่เกินวันละ 700 บาท เป็นไม่เกินวันละ 1,300 บาท มาตรการลดหย่อนภาษีมีผลบังคับใช้แล้ว ขณะนี้มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการขยายช่วงเงินได้สุทธิจากเดิม 100,000 บาทแรกเสียภาษี 0% เป็น 1.5 แสนบาทแรกเสียภาษี 0% มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรได้ประสานไปยังหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่เคยหักภาษี ณ ที่จ่าย ลูกจ้างจะต้องปรับระบบการหักใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ที่ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เมษายน มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมมาตรการการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงธุรกรรมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของประชาชนที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน โดยจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากอัตรา 2% และ 1% ตามลำดับ เหลือ 0.01% โดยจะครอบคลุมในประเภทของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว (ทาวน์เฮาส์) อาคารพาณิชย์ บ้านมือสองที่อยู่ในและนอกโครงการจัดสรร ซึ่งต้องมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 1 ไร่ โดยการลดหย่อนอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 28 มีนาคม 2552 เพื่อให้มีระยะเวลาสิ้นสุดสอดคล้องกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551