มีนาคม 2551 : โปรดเกล้าฯ แล้ว ประธานวุฒิสภา โปรดเกล้าแต่งตั้ง ปธ.-รองฯ วุฒิสภา นายประสพสุข บุญเดช นั่งประธานฯ ปี 52 ทำงบขาดดุลเต็มเพดาน 2.4 แสนล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ ครม. ไฟเขียวลดภาษี 19 มาตรการ อาทิ รายได้สุทธิไม่เกิน 1 แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท ไฟเขียวโยก 1.8 หมื่นล้าน เอสเอ็มแอล ยืดเวลาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่าเดิมไปอีก 2 ปี ไทยติดประเทศคอร์รัปชั่นอันดับที่ 84 ของโลก ตกจากอันดับที่ 63 ในปี 49 มติ คตส. แจ้งข้อกล่าวหาในคดีการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง “อภิรักษ์” โดนด้วย กทช. เตรียมออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน รองรับ กม.วิทยุและโทรทัศน์บังคับใช้ "ข้าราชการ" เฮรับโบนัสเมษาฯ รวบจ่ายครั้งเดียวกว่า 5.5 พันล้าน “สมัคร” เอาใจกองทัพ เพิ่มงบฯ 1.8% ของจีดีพี จากเดิม 1.5% กม.ค้ามนุษย์ใช้ 5 มิ.ย. โทษหนัก คนทำงาน กม.นี้ หากทำผิดโทษหนัก 3 เท่า คง กมธ. ประจำสภา 32 คณะตามเดิม ควบรวม กมธ. ที่มีอำนาจหน้าที่คล้ายกัน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานมีผล 27 พ.ค. เน้นคุ้มครองสวัสดิการลูกจ้าง มติ ครม. ถอนร่างกฤษฎีกา 11 ฉบับ เพื่อความสมบูรณ์ของกฎหมาย โปรดเกล้าแต่งตั้ง ปธ-รองฯ วุฒิสภา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายประสพสุข บุญเดช เป็นประธานวุฒิสภา นายนิคม วัยรัชพานิช เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และนางสาวทัศนา บุญทอง เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทั้งนี้ตามมติที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยนายประสพสุข กล่าวชัดเจนว่า จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีความเป็นกลางและเป็นวุฒิสภาวิชาการในทางกฎหมาย ปราศจากการแทรกแซง ปี 52 ทำงบขาดดุล 2.5 แสนล้าน ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ซึ่งมีวงเงิน 1,835,000 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายได้สุทธิ ที่ 1,585,000 ล้านบาท ทำให้งบฯ ขาดดุล 250,000 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นการขาดดุลเต็มเพดาน เพราะแม้ปี 2551 จะมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติได้ จึงต้องทำงบฯ ขาดดุลเต็มที่ตั้งแต่ปี 2552-55 ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศ ครม. ไฟเขียวลดภาษี 19 มาตรการ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 มีนาคม มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ 19 ข้อ เช่น มาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ด้วยการเพิ่มวงเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากเดิมที่ต้องมีรายได้สุทธิไม่เกิน 1 แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท มาตรการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เช่น เอสเอ็มอีที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ในส่วนกำไร 1.5 แสนบาทแรก ส่วนที่เกินเก็บอัตราเดิม มาตรการกระตุ้นการลงทุน เช่น การให้หักค่าสึกหรอเครื่องจักรหรืออุปกรณ์การผลิตได้ทันทีร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุนสินทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ เหลือ 0.1% ลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% เป็นต้น ไฟเขียวโยก 1.8 หมื่นล้าน เอสเอ็มแอล ครม. ไฟเขียวโยกงบฯ 1.8 หมื่นล้านบาท จากโครงการอยู่ดีมีสุขมาให้ “เอสเอ็มแอล” พร้อมยืดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่าเดิมไปอีก 2 ปี ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ในอัตราเดิมคือ 7% จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ออกไปอีก 2 ปี เป็นวันที่ 30 กันยายน 2553 นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ต้องใช้วงเงินงบประมาณในปีงบประมาณ 2551 ประมาณ 18,687 ล้านบาท โดยโยกงบประมาณจากโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขที่สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งโครงการอยู่ดีมีสุขแต่ละหมู่บ้านจะได้เงินไม่เท่ากัน และมีบางหมู่บ้านไม่ได้ ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ขณะที่โครงการเอสเอ็มแอลจะให้สิทธิทุกหมู่บ้านเพื่อนำเงินไปพัฒนาอาชีพและรายได้ให้ยั่งยืน ไทยติดประเทศคอร์รัปชั่นอับดับ 84 ของโลก จากการสำรวจปัญหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ (PERC) ใน 13 ชาติเอเชีย ระบุว่า ไทยและฟิลิปปินส์มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 12 ส่วนฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 13 ขณะที่ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 2550 สำรวจ 179 ประเทศทั่วโลก จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 84 ตกจากอันดับที่ 63 ในปี 2549 แนวทางแก้ปัญหา คือ 1. การพัฒนามาตรการทางกฎหมาย คือการกำหนดข้อบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ มีการคุ้มครองพยานที่แจ้งเบาะแสการทุจริต พร้อมด้วยการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างเด็ดขาด 2. การสร้างคุณธรรมและจริยธรรม สนับสนุนให้บุคลากรในองค์กรมีความซื่อสัตย์ โดยเฉพาะภาคเอกชนต้องมีการสนับสนุนให้สร้างผู้นำที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกน้อง มติ คตส. แจ้งข้อกล่าวหาในคดีการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) มีมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 แจ้งข้อกล่าวหาในคดีการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง เพิ่มอีก 6 ราย ประกอบด้วย บ.สไตล์เออร์ฯ คู่สัญญา, นายแม็ค มาริโอ ไมเนอร์ ผู้แทน บ.สไตล์เออร์ฯ, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์, นายราเชนทร์ พจนสุนทร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในความผิดข้อหาฮั้วประมูล ทั้งนี้รวมถึง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร ในความผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้บันทึกข้อตกลงเอ็มโอยูเป็นโมฆะ เพราะถือว่าทำไปอย่างฉ้อฉล โดยผู้ถูกกล่าวหาสามารถร้องคัดค้านอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้ภายใน 7 วัน และใช้สิทธิชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อ คตส. ภายใน 15 วัน ทั้งนี้ คดีดังกล่าวได้มีผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว 1 ชุด จำนวน 5 คน เมื่อต้นปี 2550 หนึ่งในนั้นคือ นายสมัคร สุนทรเวช กทช. เตรียมออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน ตามที่ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ตามบทเฉพาะกาลของกฎหมายดังกล่าวได้ให้อำนาจ กทช. มีหน้าที่ในการออกใบอนุญาตให้กับวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ให้บริการวิทยุชุมชนไม่เคยมีใบอนุญาต ดังนั้นผู้ให้บริการทุกรายจึงต้องยื่นขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง โดยเบื้องต้น ต้องดำเนินการจัดตั้งคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ตามมาตรา 79 จำนวน 22 คนก่อน โดยจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 6 คน ซึ่งการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ นี้ คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 เดือน หลังจากนั้นจึงจะมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับใบอนุญาตบริการวิทยุจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. บริการเพื่อสาธารณะ 2. บริการเชิงธุรกิจในระดับชาติ ระดับภาค และระดับท้องถิ่น และ 3. บริการระดับชุมชน ทั้งนี้การออกใบอนุญาตดังกล่าว จะเป็นในลักษณะเดียวกันกับการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ไปก่อนหน้านี้ “ข้าราชการ” เฮรับโบนัสเมษาฯ ครม.ไฟเขียวจ่ายโบนัสข้าราชการ 5.5 พันล้านบาท เบิกจ่ายครั้งเดียวในเดือนเมษายนนี้ หวังช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายช่วงก่อนเปิดเทอม แถมยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร และการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2550 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอมา โดยให้เบิกจ่ายเงินรางวัลประจำปี จำนวน 5,550 ล้านบาท ครั้งเดียวภายในเดือนเมษายน 2551 จากเดิมที่แบ่งจ่ายปีละ 2 ครั้ง เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายให้แก่ข้าราชการก่อนเปิดเทอม และยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ทั้งนี้ ข้าราชการในระดับปฏิบัติการจะได้รับเงินโบนัสเพิ่มขึ้น จากการที่ผู้บริหารระดับสูงสมทบให้ผู้ปฏิบัติงานร้อยละ 50 “สมัคร” เอาใจกองทัพเพิ่มงบฯ1.8% ผลการประชุมสภากลาโหม ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม โดยกระทรวงกลาโหมเสนอขอสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหมให้เป็นร้อยละ 1.8 ของจีดีพี จากเดิมร้อยละ 1.5 ทั้งนี้ นายสมัคร เห็นชอบ เบื้องต้นจะให้งบฯ กระทรวงกลาโหมจำนวนร้อยละ 1.8 ของจีดีพี ด้วยเหตุผลว่าไทยมีงบประมาณด้านทหารต่ำที่สุดในโลก เพียงแค่ร้อยละ 1.5 ของจีดีพี ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศฟิลิปปินส์ให้ร้อยละ 2 ประเทศสิงคโปร์ให้ร้อยละ 5 กม. ค้ามนุษย์ใช้ 5 มิ.ย. โทษหนัก ตามที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 จะมีผลบังคับใช้วันที่ 5 มิถุนายนนี้ นั้น ในกฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลสำคัญ ดังนี้ 1. การแสวงหาประโยชน์มิชอบทั้งจากการค้าประเวณี การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก เอาคนเป็นทาส นำคนมาขอทาน บังคับใช้แรงงานหรือบริการ บังคับตัดอวัยวะเพื่อการค้า ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ มีโทษหนักเพิ่มขึ้น 2. กำหนดโทษผู้บันทึกแพร่ภาพ เสียงหรือสิ่งอื่นที่แสดงว่าบุคคลใดเป็นผู้เสียหายจากการทำผิดฐานค้ามนุษย์ โฆษณาเผยแพร่ชื่อสกุล ประวัติ ที่อยู่ของผู้เสียหาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท 3. นักการเมือง เจ้าพนักงาน หากทำผิดจะต้องโทษเป็น 2 เท่า จำคุกเป็น 20 ปี 3. คนทำงานตามกฎหมายนี้ หากไปทำผิดเสียเองจะเจอโทษหนักเป็น 3 เท่า คง กมธ. ประจำสภา 32 คณะตามเดิม ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชนเป็นประธาน มีมติให้คงจำนวน กมธ. 32 คณะตามเดิม โดยมีการควบรวม กมธ. ที่มีอำนาจหน้าที่คล้ายกันดังนี้ 1. กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร รวมกับ กมธ.ติดตามผลการปฏิบัติตามมติของสภาผู้แทนราษฎร 2. กมธ.การท่องเที่ยว รวมกับ กมธ.การกีฬา 3. กมธ.สื่อสารมวลชนและข้อมูลข่าวสาร รวมกับ กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีการเพิ่ม 1. กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐและประชาชน 2. กมธ.กิจการองค์กรตาม รธน. รัฐวิสาหกิจ กองทุน และองค์การมหาชน และ 3. กมธ.ป้องกันและดูแลประชาชนอันได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย เพิ่มขึ้นมา ทำให้จำนวน กมธ. ของสภามีจำนวน 32 คณะเท่าเดิม ทั้งนี้คาดว่า กมธ. จะสามารถนำข้อบังคับการประชุมเข้าสู่สภาให้พิจารณาได้ภายในวันที่ 9 เมษายนนี้ แต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เพราะมีสมาชิกหลายคนสงวนคำแปรญัตติเอาไว้ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานมีผล 27 พ.ค. ตามที่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ สาระสำคัญมีการแก้ไขปรับปรุงให้ครอบคลุมและทันสมัยขึ้นหลายประการ เช่น ให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงทำงานในลักษณะเดียวกับลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยตรง และได้รับสิทธิประโยชน์ สวัสดิการที่เป็นธรรมเท่ากับลูกจ้างในระบบ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ห้ามนายจ้างหรือผู้คุมงาน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อลูกจ้าง จะมีความผิดทั้งทางกฎหมายแรงงานและกฎหมายอาญา โดยลูกจ้างสามารถร้องเรียนมาที่เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงาน จะช่วยดำเนินการให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ กำหนดให้นายจ้างและลูกจ้างตกลงนำเวลาทำงานปกติส่วนที่ไม่ครบ 8 ชั่วโมง ไปรวมกับเวลาทำงานปกติในวันอื่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันละ 9 ชั่วโมง กรณีหยุดกิจการชั่วคราวให้นายจ้างจ่ายเงินให้ลูกจ้างร้อยละ 75 เป็นต้น ถอนร่างกฤษฎีกา 11 ฉบับ ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ครม. เห็นชอบถอนร่างพระราชกฤษฎีกาอีก 11 ฉบับ โดยมีข้อสังเกตว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร กระบวนการร่างและตรากฎหมายมีความรอบคอบพิจารณาทุกขั้นตอนละเอียดถ่องแท้เพียงใด กฎหมายที่ส่งขึ้นไปถูกศาลรัฐธรรมนูญตีกลับ หรือบางฉบับผ่านไปโดยไม่ครบองค์ประชุม