สิงหาคม 2550 : ประชามติผ่าน รธน.ฉบับที่ 18 ของไทย ประชามติผ่านรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 18 เตรียมพร้อมเลือกตั้ง 23 ธันวาคม ผลงาน 10 เดือน รัฐบาลขาดดุลเงินสด 240,860 ล้าน อนุมัติปรับเพิ่มภาษีสุรากลั่นและบุหรี่ เพิ่มรายได้เข้ารัฐกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี มติ ครม. เห็นชอบโครงการเออร์ลี่รีไทร์ตั้งเป้าลดจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ศาลฎีกานักการเมืองออกหมายจับอดีตนายกทักษิณและภริยากรณีที่ดินย่านรัชดา ตั้งกรรมการสอบกรณีฆ่าตัดตอน คดียาเสพติดยุคนายกทักษิณ ศาลออกหมายจับ พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ กรณีเสนอสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญ มติ ครม. ลดภาษีรถแก๊สโซฮอล์ส่งเสริมการลดการใช้พลังงาน ติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือซีซีทีวี 5 จังหวัดชายแดนใต้รักษาความสงบ ครม. เห็นชอบร่าง กม.คณะ กก.อาหารแห่งชาติ กำหนดการจัดการระบบอาหารของประเทศ ประกาศใช้แล้ว รธน. ปี 50 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในร่าง รธน.2550 ที่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน เป็นผลให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป และเตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 หลังจากการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สมาชิกภาพของ สสร. เป็นอันสิ้นสุดลง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ของ รธน. 2549 และตามที่บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 294 ของ รธน.2550 ที่ให้ สสร.และกรรมาธิการยกร่าง รธน. 2549 สิ้นสุดลงในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามมิให้ กมธ.ยกร่าง รธน.ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือดำรงตำแหน่ง ส.ว.ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง จากนี้ไปจะมีพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว., ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใน 45 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 กำหนดไว้ สำหรับการออกเสียงประชามติครั้งนี้มีผู้มีสิทธิลงคะแนน 45,092,955 คน ผู้มาใช้สิทธิกว่า 25,978,954 คิดเป็นร้อยละ 57.61 เห็นชอบ 14,727,306 เสียง คิดเป็นร้อยละ 56.69 ไม่เห็นชอบ 10,747,441 เสียง คิดเป็นร้อยละ 41.37 บัตรเสีย 504,120 ใบ คิดเป็นร้อยละ 1.94 และมีการคืนบัตร 87 ใบ ผลงาน 10 เดือน รัฐบาลขาดดุลเงินสด 240,860 ล้าน แถลงการณ์ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าดุลเงินสด 10 เดือนแรกปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลทั้งสิ้น 240,860 ล้านบาท โดยรัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการใช้เงินคงคลัง 97,200 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 97,115 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 46,545 ล้านบาท มีรายได้นำส่งคลัง 85,111 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 15.7 โดยรายได้จากภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีสุรา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยฐานะการคลังช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 นั้นรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,134,570 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.4 ขณะที่รายจ่ายรัฐบาลช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,301,299 ล้านบาท สูงกว่าการเบิกจ่ายในช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2549 ร้อยละ 15.8 ดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสดจากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 166,729 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 74,130 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายเงินเหลื่อมจ่ายจากปีงบประมาณ 2549 จำนวน 38,952 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิ 15,000 ล้านบาท รัฐบาลเพิ่มภาษีเหล้า-บุหรี่ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติปรับเพิ่มภาษีสุรากลั่นและบุหรี่ ส่งผลให้สุรากลั่นปรับเพิ่มขึ้นขวดละ 9-12 บาท ขณะที่บุหรี่ในประเทศปรับเพิ่มซองละ 1-2 บาท และบุหรี่ต่างประเทศปรับเพิ่มซองละ 2-3 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมนี้ ส่วนเบียร์ ไวน์ สาโท อุ กระแช่ สปาย ไม่มีการปรับเพิ่มภาษีแต่อย่างใด โดยผลจากการปรับเพิ่มภาษีเหล้าและบุหรี่ คาดจะทำให้การดื่มเหล้าลดลง 60-65 ล้านลิตร/ปี และลดการสูบบุหรี่ 20 ล้านซอง/ปี ขณะที่รายได้จากการปรับเพิ่มภาษีทั้งสองตัวจะเพิ่มขึ้นชนิดละ 3,000 ล้านบาท รวม 2 ชนิดเป็น 6,000 ล้านบาท/ปี ครม.เปิดทางขรก.เออร์ลี่รีไทร์ 8-15เท่าจูงใจ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม เห็นชอบโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือเออร์ลี่รีไทร์ สำหรับกำลังของข้าราชการและกระทรวงกลาโหมตั้งเป้า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการคือข้าราชการที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้มีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบ 25 ปี โดยสิทธิประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการคือ ได้รับเงินก้อน 8-15 เท่าของเงินเดือนของเงินเดือนงวดสุดท้าย โดยโครงการมีระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ (2552-2556) อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่องานราชการ ครม.ได้ยกเว้นมาตรการนี้ไม่ให้ใช้กับข้าราชการ 3 กลุ่ม ได้แก่ ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในสาขาวิชาชีพขาดแคลน ข้าราชการที่รับผิดชอบโครงการสำคัญของส่วนราชการ และข้าราชการที่มีผลงานดีเด่น ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนไม่น้อยกว่า 2 ครั้งระยะเวลา 5 ปี ผู้เข้าร่วมโครงการจะเริ่มออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ยกเว้นข้าราชการทหารที่มีมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 อนุมัติโครงการเออร์ลี่รีไทร์ของข้าราชการทหารเป็นการเฉพาะ จึงเริ่มออกจากราชการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป อนึ่ง สำนักงาน ก.พ. ได้จัดโครงการเกษียณก่อนอายุแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2543-45 โดยมีข้าราชการ รวมทั้งตำรวจ ครู ทหาร ร่วมโครงการทั้งสิ้น 59,485 คน ศาลฎีกานักการเมืองออกหมายจับอดีตนายกทักษิณและภริยา องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ในคดีที่นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดา มูลค่า 772 ล้านบาท ศาลพิจารณาแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองหลบหนีจึงให้ออกหมายจับ โดยนัดฟังผลผลดำเนินการตามหมายจับและนัดพิจารณาครั้งแรกใหม่ในวันที่ 25 กันยายน ทั้งนี้การออกหมายจับดังกล่าวเนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่ได้เดินทางไปศาล แต่มอบหมายให้ทนายขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป โดยจะกลับมาต่อสู้คดีภายใน 30 วันหลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยและความสมานฉันท์ของคนในชาติ ตั้งกก.สอบฆ่าตัดตอน คดียาเสพติด‘ยุคแม้ว’ มติ ครม. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เห็นชอบตั้งคณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด, นายอุดม รัฐอมฤต, นายอุทัย อาทิเวช, นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ เป็นกรรมการและเลขานุการ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายวสันต์ สิงคเสลิต ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีอำนาจหน้าที่ อาทิ 1. ตรวจสอบ สอบสวน ศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการปราบปรามยาเสพติด และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายกับชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดไปถึงตัวบุคคลที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว 2. กำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากนโยบายดังกล่าว 3. ศึกษาวิเคราะห์การกำหนดมาตรการและนโยบายปราบปรามยาเสพติด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน เป็นต้น ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่มีการกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเกิดความผิดพลาดจนเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน เป็นจำนวนมาก ศาลออกหมายจับ พ.ต.อ.สินบน 30 ล. พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีต ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาคดีเสนอสินบนแก่ตุลาการรัฐธรรมนูญที่พิจารณาคดียุบพรรคการเมืองได้เข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมาหลังจากคำสั่งอนุมัติออกหมายจับ โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ในข้อหาให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตำแหน่งตุลาการเพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดๆในตำแหน่งโดยมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่ง พ.ต.อ.ชาญชัยไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่ยอมรับว่ามีการไปพบ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญจริง ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชาญชัยได้ขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์สองแสนบาท ซี่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอนุมัติและนัดให้มาพบอีกครั้งในวันที่ 13 กันยายน เพื่อรับฟังความเห็นพนักงานสอบสวนและนำตัวส่งอัยการหากทำสำนวนเสร็จสิ้น ครม. ลดภาษีรถแก๊สโซฮอล์อีก 20 ยอมสูญรายได้ 1.3 พันล้านต่อปี มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้แก่รถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรืออี 20 ลงอีก 5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2551 ถือเป็นนโยบายต่อเนื่องจากโครงการรณรงค์ประหยัดพลังงานของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้เกิดการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า โดย ประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว จะมีผลให้รถยนต์ประหยัดพลังงานที่สามารถใช้เชื้อเพลิงอี 20 เสียภาษีสรรพสามิต ดังนี้ 1.รถยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จะเก็บภาษีตามมูลค่าในอัตราร้อยละ 25 2.รถยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบเกิน 2,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จะเก็บภาษีตามมูลค่าในอัตราร้อยละ 30 และ 3.รถยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบเกิน 2,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จะเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 35 ทั้งนี้กรมสรรพสามิตได้ประมาณการว่าจะมีรถอี 20 ออกสู่ตลาดประมาณ 30,000 คัน ในปี 2551 และจะทำให้กรมต้องสูญเสียรายได้จากการลดภาษีให้รถยนต์อี 20 นี้ประมาณ 1,300 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม การลดภาษีเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานนั้น จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น เพราะหากคนหันมาใช้รถอี 20 30,000 คัน ก็จะสามารถประหยัดค่าน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ครม.อนุมัติกล้องวงจรปิด 5 จังหวัดชายแดนใต้ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบโครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือซีซีทีวี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอของบประมาณในการจัดซื้อพร้อมติดตั้งในวงเงิน 969 ล้านบาท โดยขอเสนอเป็นงบประมาณปี 2550 จำนวน 145 ล้านบาท ส่วนที่เหลือขอผูกพันปีงบประมาณ 2551 คาดว่าจะเริ่มมีการติดตั้งกล้องในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย จ.ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล รวม 42 อำเภอ จำนวน 3,520 กล้อง ได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย (กอ.รมน.) ในเรื่องจุดติดตั้งในพื้นที่แล้ว ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจาก ครม. เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบร่างกม.คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ครม.ได้อนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะกรรมการอาหารและยาแห่งชาติ พ.ศ.... ตามกระทรวงสาธารณสุขเสนอ เนื่องจากปัจจุบันมีกฎหมายเกี่ยวกับอาหารในประเทศไทยหลายฉบับ และมีหน่วยงานที่ใช้กฎหมายมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน โดยไม่มีหน่วยงานใดที่ดูแลเรื่องอาหารในภาพรวม ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในเชิงปฏิบัติ จึงจำเป็นต้องมีคณะกรรมการอาหารแห่งชาติขึ้น เพื่อกำหนดกรอบนโยบายและจัดการระบอบอาหารในภาพรวมของประเทศ และเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ทุกหน่วยงานสามารถทำงานสอดคล้องและราบรื่นขึ้น สำหรับสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการวางกรอบนโยบายระบอบอาหารของประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยทางอาหาร ตลอดจนการจัดการห่วงโซ่อาหารให้เป็นระบบและสอดคล้องกัน รวมถึงการให้อำนาจผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายอาหารแห่งชาติเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างในสำนักงาน