กุมภาพันธ์ 2550 : ได้ 10 แนวทางหลักยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะกรรมมาธิการเสนอ 10 แนวหลักยกร่าง รธน. ประชาชนให้คะแนน 2.57 จาก 4 ทางสำหรับการบริหารรัฐบาลพล.อ. สุรยุทธ์ ใน 4 เดือนที่ผ่านมา ศาลฎีกายกฟ้องค่าโง่ทางด่วน กทพ. ไม่ต้องจ่ายเงินกว่า 6 พันล้าน ครม. อนุมัติ 10,000 ล้าน โครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด เปิดดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 เริ่ม 25 มี.ค. 50 ระเบิดป่วนเมือง 4 จังหวัดภาคใต้ 51 จุด รับตรุษจีน ปรับโครงสร้างกระทรวงยุติธรรม ยุบรวม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าสังกัด ยกเลิก พ.ร.บ. ส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ยืนยันเน้นความสมัครใจ กกต. ออกระเบียบการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์เพื่อดำรงความเป็นมิตรของผู้คนในชุมชน โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 2 รมช. ใหม่ช่วยงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ออกกฎหมาย ศอ.บต. เพิ่มอำนาจฟ้องร้อง กมธ.เสนอ 10 แนวหลักยกร่าง รธน. เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ได้มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงถึงแนวทางหลักในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 10 แนวทางหลักว่า 1. ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ 2. ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย 3. องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้และจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องใดๆมิได้ 4. ประเทศไทยปกครองด้วยระบบนิติรัฐ 5. ประเทศไทยปกครองด้วยระบบรัฐสภา 6. อำนาจ อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย โดยพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้น ทางรัฐสภา ครม. และศาล 7. รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญบทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ 8. ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ บังคับแก่กรณีใดให้วินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 9. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเสมอภาค การมีส่วนร่วมของประชาชนและอำนาจของชุมชน ย่อมได้รับการรับรองและคุ้มครอง 10. ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีทั้งหลาย ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ให้เป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การรายงานครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เป็นภาพกว้าง แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นประเด็นหลักจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าการทำงานในส่วนของเนื้อหาทั้ง 3 กรอบ โดย กรอบที่ 1 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชนและการกระจายอำนาจ นั้นมีเรื่องแนว นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ การทำสัญญากับต่างประเทศ เรื่องสื่อมวลชน สิทธิชุมชนและสิทธิ มนุษยชน กรอบที่ 2 ว่าด้วยสถาบันการเมือง ในเรื่องรัฐสภา มีข้อเสนอให้มี 2 สภาโดย ส.ส.มี 400 คน จากระบบเขต โดยกำหนดเขตใหม่ให้ใหญ่ขึ้น มี ส.ส.ได้ไม่เกิน 3 คนต่อ 1 เขต แต่เปลี่ยนให้ประชาชนในเขตนั้นเลือกได้ 3 หมายเลข หรือที่เรียกว่า “แบบ 3 คนเรียงเบอร์” ส่วนกรณีการซื้อเสียงนั้น ควรกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญให้มีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ รวมถึงการตัดส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อออก สำหรับประเด็นของคณะรัฐมนตรี เสนอให้นายกรัฐมนตรีควรมาจาก ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งโดยดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระ หรือ 8 ปี กรอบที่ 3 ว่าด้วยองค์กรตรวจสอบอิสระและศาล นั้นเสนอว่าควรจัดตั้งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง คงองค์กรอิสระและศาลไว้แต่ปรับปรุงการทำงานและการสรรหา โดยเฉพาะในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ทั้งนี้ในส่วนของข้อเสนอทั้งหมดของคณะอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐะรรมนูญทั้ง 3 กรอบจะยังไม่ถือเป็นข้อยุติของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่จะมีการลงมติว่าจะเอาอย่างไรในแต่ละประเด็นในการสัมมนาที่โรงแรมสปรงฟิลด์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 5-10 มีนาคม ประเมินผลงาน 4 เดือนรัฐบาลสุรยุทธ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารของรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในวาระครบ 4 เดือนว่ามีความพึงพอใจโดยรวมประมาณ 2.57 จากคะแนนเต็ม 4 ทั้งนี้นโยบายที่ชื่นชอบมากที่สุดคือการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ส่วนปัญหาที่ต้องการให้แก้ไขมากที่สุดคือการรักษาความสงบในประเทศ และมีเสนอแนะให้รัฐบาลทำงานจริงจังโปร่งใส เป็นธรรม แก้ปัญหาความยากจน ส่งเสริมอาชีพ และควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นต้น อย่างไรก็ดีหนังสือพิมพ์มติชน ได้ประมวลผลการทำงานตลอดระยะเวลาของรัฐบาลชุดนี้ในรอบ 3 เดือนครึ่ง คือ พฤศจิกายน-ธันวาคม 2549 และมกราคม-กุมภาพันธ์ 2550 พบว่ามติของคณะรัฐมนตรีทั้ง 935 เรื่องที่ออกมานั้น ไม่มีเรื่องใดจัดว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง คือถ้าจะให้คะแนนก็ถือว่าต่ำกว่า 2 คือสอบตก โดยมติชนได้ตั้งข้อสังเกต อาทิ เดือนกุมภาพันธ์มีมติที่ถือว่าเป็นผลงานเพียงว่าเป็นผลงานเพียงร่าง พ.ร.บ. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ศาลฎีกายกฟ้องค่าโง่ทางด่วน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งและคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ให้ยกฟ้อง ทำให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้ให้บริษัทกิจการร่วมค้า บีบีซีดี ในกรณีที่บริษัทกิจการร่วมค้า บีบีซีดี ประกอบด้วย บริษัทบิลฟิงเกอร์ เบอร์เกอร์ เอจี บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัทวัลเทอร์ เบา เอจี เป็นผู้ร้องในคดีที่ฟ้องบังคับคดีตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ชำระเงินค่าปรับจำนวน 6,039,893,254 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามข้อกำหนดในสัญญาจ้างออกแบบการก่อสร้างดังกล่าว ในกรณีที่ส่งมอบพื้นที่ในการก่อสร้างทางด่วนยกระดับ บางนา-บางพลี-บางปะกง ล่าช้า โดยการพิจารณาคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ในชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 ให้ กทพ. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ ลงวันที่ 20 ก.ย. 2544 ให้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้ร้องทั้ง 3 ครม.ไฟเขียว หมื่นล้านช่วยรากหญ้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีมติอนุมัติงบประมาณ จำนวน 271,864,200 บาท สำหรับดำเนินโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ที่จะใช้วงเงินร่วมกันจากเดิมที่มีอยู่จำนวน 9,728,135,800 บาท รวมเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งให้โครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 5,000 ล้านบาท และยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด จำนวน 5,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะแบ่งเป็นการจัดสรรงบฯให้แต่ละจังหวัดเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นการจัดสรรตามความต้องการพัฒนา 60 % ในจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อครัวเรือนต่ำกว่าเกณฑ์ความจำเป็นขั้นพื้นฐานของกระทรวงมหาดไทย ขณะที่อีก 40 % จะจัดสรรให้ทุกจังหวัดในอัตรที่เท่ากัน ทั้งสองโครงการนี้เกิดขึ้นภายหลังการยุติการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน หรือโครงการ เอสเอ็มแอล เนื่องจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาขาดความรัดกุมในการบริหารจัดการ ทิศทางและหลักปฏิบัติของแนวทางการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนไม่ชัดเจน และขาดหน่วยงานท้องถิ่นรองรับผลที่จะเกิดขึ้น เปิดดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีมติให้ใช้ทั้งสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการพิจารณาข้อบกพร่องของสนามบินสุวรรณภูมิในปัจจุบันที่จะต้องมีการปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อซ่อมแซมรันเวย์ หรือแท็กซี่เวย์ที่กำลังประสบปัญหามีรอยร้าว จึงได้มีการเตรียมความพร้อมให้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติเพิ่มอีกแห่ง โดยจะเริ่มใช้ 25 มีนาคม 2550 ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้สนามบินสุวรรณภูมิระดับชาติ พร้อมทั้งออกประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีมาเพื่อรองรับไม่ให้การทำงานของคณะกรรมการหยุดชะงักในกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันพ้นจากตำแหน่ง ระเบิดป่วนเมือง 4 จังหวัดภาคใต้รับตรุษจีน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส ได้เกิดเหตุร้าย ด้วยการ วางระเบิด วางเพลิง ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์พร้อมกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บ 60 คน โรงเรียนและโรงงานยางถูกเผาจนหมด นอกนั้นเป็นสถานบันเทิง โรงแรม ห้างร้าน บริษัท บ้านเรือนประชาชน ซึ่งยังไม่สามารถประเมินความสูญเสีย แต่ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในรอบปี 2550 ที่เกิดขึ้นกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้แม้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาบอกว่าเป็นผลงานของตนแต่ก็คาดว่าคงจะเป็น ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ที่เคยก่อการร้ายในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง กระทรวงยุติธรรมดึง ตม. – สคบ. เข้าสังกัด การประชุมปรับโครงสร้างกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติร่วมกันว่ากระทรวงยุติธรรม จะรับโอนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดย ตม.จะถูกตัดโอนภารกิจหลังการปรับโครงสร้างตำรวจ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหลักในด้านปราบปรามอาชญากรรม อาทิ ตำรวจน้ำ ตำรวจป่าไม้และตำรวจรถไฟ ซึ่งการโอนย้ายสังกัดอาจทำในลักษณะเดียวกับการโอนตำรวจดับเพลิงไปให้กรุงเทพมหานคร ส่วน สคบ. จะโอนมาเป็นกรมคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่จะโอนหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีออกไปสังกัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ล้มร่างกม.กลาง ม.นอกระบบ จากกรณีที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องกรณีการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบนั้น ล่าสุดศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายกลางของมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ว่าจะยังไม่มีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรี และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่ออกเป็นกฎหมาย เพราะจะทำให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐของแต่ละมหาวิทยาลัยล่าช้า เนื่องจากจะมีการอ้างได้ว่า รอร่าง พ.ร.บ.กลางออกเป็นกฎหมายเสียก่อนแล้วจึงพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ที่สำคัญหากออก พ.ร.บ.กลางดังกล่าวก่อนจะทำให้เปลี่ยนแนวทางการออกกฎหมายเท่ากับว่ามีกฎหมายเดียวแต่ครอบคลุมมหาวิทยาลัยรัฐทั้งหมดซึ่งจะกลายเป็นการบังคับให้ทุกมหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการ และขณะนี้ได้มีการแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับบุคลากรมหาวิทยาลัยโดยให้ครอบคลุมถึงพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย เพื่อเป็นหลักประกันสถานภาพ ซึ่งขณะนี้รอการแก้ไขเรื่องบัญชีเงินเดือนให้สอดรับกับของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และจะยังไม่มีการเสนอร่าง พ.ร.บ. ของมหาวิทยาลัยรัฐต่างๆ เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพิ่มเติมจนกว่าจะได้ข้อยุติในร่าง พ.ร.บ.ของ 5 มหาวิทยาลัยรัฐที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐก่อน กกต.ออกระเบียบเลือกตั้งสมานฉันท์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีหลักการคือการเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องร้องเรียนและร้องคัดค้านจำนวนมากส่วนใหญ่เกิดมาจาการสำคัญผิดในข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริง กกต.จึงหามาตรการไกล่เกลี่ยมาใช้ก่อนจะเกิดปัญหา โดยทำความเข้าใจในข้อกฎหมายเลือกตั้ง อำนาจหน้าที่ของ กกต. จังหวัด การให้ความรู้เรื่องวัฒนธรรมการเมืองปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรู้สึกรู้แพ้ รู้ชนะ เพื่อดำรงความเป็นมิตรของผู้คนในชุมชน และเมื่อมีเรื่องร้องเรียนหรือร้องคัดค้านการเลือกตั้งเกิดขึ้น ให้ ผอ.กต. จังหวัด เสนอความเห็นให้ กกต.จังหวัดพิจารณาว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่สามารถเข้าสู่กระบวนการสมานฉันท์ได้ ซึ่งต้องชี้ขาดภายใน 3 วัน และหากเข้าสู่กระบวนการสมานฉันท์จะต้องให้เสร็จภายใน 3 วันเช่นกัน โปรดเกล้าฯ ตั้ง 2 รมช. เพิ่ม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนางอรนุช โอสถานนท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวรากรณ์ สามโกเศศ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เหตุผลของการปรับเพิ่มรัฐมนตรีครั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทั้ง 2 กระทรวงต้องการและเป็นคนเลือกตัวบุคคลด้วยตัวเอง และทั้งสองกระทรวงมีงานมาก โดยมั่นใจว่าทั้งสองคนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมี่ความรู้ มีประสิทธิภาพสามารถทำงานได้ กฎหมายศอ.บต. เพิ่มอำนาจฟ้องร้อง มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาอนุมัติร่างพระราชบัญญัติศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ หลังจากที่สมาชิกได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางแล้ว ในที่สุดที่ประชุมมีมติรับหลักการวาระ 1 โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 24 คน พิจารณาแปรญัตติภายใน 7 วัน ซึ่งมีสาระสำคัญคือให้มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย เป็นส่วนราชการเฉพาะกิจและมีฐานะ เช่นเดียวกับกลุ่มภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อปฏิบัติภารกิจตามพระราชบัญญัตินี้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการพนักงาน และลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้