กันยายน 2549 : 19 กันยายน 2549 ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำโดย พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญการปกครอง พร้อมแจ้งสาเหตุการยึดอำนาจโดยการรัฐประหาร สาระสำคัญของการประกาศแถลงการณ์ คปค. ประกาศห้ามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชุมทางการเมือง ประกาศใช้กฎอัยการศึกคู่กับพระราชกำหนดใน 3 จังหวัดภาคใต้ ถึงหาดใหญ่ การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อปราบปรามและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและการดำเนินโครงการต่างๆ ของอดีตคณะรัฐมนตรี สนามบินสุวรรณภูมิเปิดตามกำหนดการ 28 กันยายน หอการค้าไทยทำความเข้าใจแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 39 มาตรา และพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศเข้ายึดอำนาจการปกครองแผ่นดินและประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 พร้อมด้วยผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกาศว่า การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่มีความประสงค์จะเข้ามาบริหารประเทศ พร้อมยืนยันใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเพื่อมีรัฐบาลพลเรือนชั่วคราวดำเนินภารกิจยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปี ทั้งนี้ คปค. ได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงเหตุที่ทำการยึดอำนาจและประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่า เพื่อแก้ไขความเสื่อมศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ความไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบกันอย่างกว้างขวาง โดยไม่อาจหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ อันเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงทางการเมือง การปกครอง และปัญหาความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่ถูกปลุกปั่นให้แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายจนเสื่อมสลายความรู้รักสามัคคี เป็นวิกฤตการณ์รุนแรงทางสังคม และมีหลายภาคส่วนพยายามจะแก้ไข แต่ไม่เป็นผล กลับมีแนวโน้มถึงขั้นจะใช้กำลังปะทะกัน อาจจะมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อได้ นับเป็นภยันตรายใหญ่หลวงต่อระบอบการปกครอง เศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของประเทศ แจง 5 เหตุผลของการปฏิรูปการปกครองแก่ตัวแทน 7 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน แจง 5 เหตุผลของการปฏิรูปการปกครองแก่ตัวแทน 7 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ดังนี้ คปค. ไม่ต้องการเห็นชาติบ้านเมืองแบ่งแยกเป็นภาค ประเทศไทยเคยเสียดินแดนมาแล้ว 14 ครั้ง ทุกคนต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีแทนการแตกแยก ที่ผ่านมามีการทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นภัยต่อความมั่นคง ข้าราชการประจำต้องสร้างทัศนคติ อุดมการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ที่ผ่านมามีการแทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง มีความไม่เป็นธรรมในสังคม รัฐธรรมนูญมีหลายเรื่องควรแก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์มากขึ้น สาระสำคัญของแถลงการณ์คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ (คปค.) คปค. ได้ประกาศแถลงการณ์หลายฉบับเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและเพื่อทำความเข้าใจ อีกทั้งเพื่อขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายภายใต้สถานการณ์ความจำเป็นที่ต้องอยู่ภายใต้การบริหารประเทศของ คปค. ดังนี้ การประกาศห้ามชุมนุมและเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป การประกาศห้ามกักตุนสินค้า การให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่ดำรงอยู่ในวันที่ 18 กันยายน 2549 คงอยู่ในตำแหน่งต่อไป และให้อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ ทำหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดินตามที่ได้กำหนดไว้เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน แต่ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงอยู่ในวันที่ 18 กันยายน 2549 พ้นจากตำแหน่ง การประกาศมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การประกาศแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ การประกาศยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ การประกาศให้นักศึกษามีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาเสนอความคิดเห็นไปที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ทั้งนี้ การประกาศแถลงการณ์สิ้นสุดของอำนาจรัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และศาลรัฐธรรมนูญ สิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ แต่องคมนตรีดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ศาลทั้งหลายนอกจากศาลรัฐธรรมนูญ คงมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างไรก็ดี คปค. ก็ได้ประกาศขอความร่วมมือในการเสนอข่าวจากสื่อมวลชนให้เสนอข่าวตามความเป็นจริง และเป็นไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความสามัคคีภายในชาติ อันจะเป็นรากฐานในการแก้ไขวิกฤตและฟื้นฟูประเทศชาติให้ลุล่วงไปได้รวดเร็ว คปค. ห้าม อบต. อบจ. เคลื่อนไหวการเมือง ฝ่าฝืนจัดการเด็ดขาด คปค. ออกประกาศฉบับที่ 22 ภายหลังการประกาศฉบับที่ 7 ลงวันที่ 20 กันยายน 2549 ห้ามการชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวน 5 คนขึ้นไป เรื่อง ขอให้ยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่อาจทำให้เกิดปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อันจะนำไปสู่การแตกแยกทางสังคมต่อไป จนกว่าสถานการณ์ของประเทศจะเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่ง คปค. จะประกาศให้ทราบ ใช้อัยการศึก ดู พ.ร.ก. ใน 3 จังหวัดภาคใต้ขยายอำนาจคุม “หาดใหญ่” พลโทองค์กร ทองประสม แม่ทัพภาค 4 ได้กล่าวถึงการดำเนินการของกองทัพภาคที่ 4 ภายหลัง คปค. มอบหมายให้ดูแลพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ร่างกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรมีผลตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 น. เป็นต้นไป ดังนั้น 3 จังหวัดภาคใต้จึงมีกฎหมายใช้อยู่ คือ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และกฎอัยการศึก ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีอำนาจให้ดูแลพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ตรวจสอบพฤติกรรมข้าราชการทุกระดับที่ประพฤติมิชอบ รับใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ก่อความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน คปค. ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ นายกล้านรงค์ จันทิก นายใจเด็ด พรไชยา นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว นายวิชา มหาคุณ นายวิชัย วิจิตเสวี น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล การตรวจสอบทรัพย์สิน ตรวจสอบการดำเนินการ และโครงการต่างๆ ของคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตามประกาศของ คปค. ฉบับที่ 23 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 กันยายน 2549 แต่งตั้งนายสวัสดิ์ โชติพานิช เป็นประธานกรรมการ เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว ในการตรวจสอบโครงการต่างๆ หลายโครงการ อาทิ เรื่องบัตรสมาทการ์ด โครงการที่เกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิหลายโครงการ โครงการหวยบนดินของสำนักงานสลากกินแบ่งฯ โครงการสร้างบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ และการตรวจสอบการทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เป็นต้น การประกาศ เรื่อง การตรวจสอบทรัพย์สิน ตรวจสอบการดำเนินงานและโครงการต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติหรือเห็นชอบโดยบุคคลในคณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ คปค. จึงมีประกาศแต่งตั้งบุคคลเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว ดังนี้ นายสวัสดิ์ โชติพานิช เป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นกรรมการ อัยการสูงสุด หรือผู้แทน เป็นกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือผู้แทน เป็นกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือผู้แทน เป็นกรรมการ เจ้ากรมพระธรรมนูญ หรือผู้แทน เป็นกรรมการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือผู้แทน เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบดำเนินการตามประกาศให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และเมื่อครบกำหนดแล้วหากไม่แล้วเสร็จให้คณะกรรมการตรวจสอบส่งสำนวนคืนให้สำนักงานคณะกรรมการข้อ 3 ข้อ 4 และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนต่อไป สนามบินสุวรรณภูมิเปิด 28 ก.ย. 49 ตามกำหนด เมื่อเวลา 03.05 น. วันที่ 28 กันยายน 2549 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยเที่ยวบินแรกที่ลงจอดเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าสายการบินลุดท์ ฮันซ่า เที่ยวบิน LH 8442 จากแฟรงก์เฟิร์ต ส่วนเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่ลงจอดเป็นลำแรกคือสายการบินแอร์ สวิท เที่ยวบิน ZW 171 เดินทางมาจากเมืองเคียฟ เมื่อเวลา 04.30 น. หลังจากนั้นก็มีสายการบินไทยและสายการบินต่างประเทศทยอยนำเครื่องบินลงจอด อย่างไรก็ดี ยังพบปัญหาเรื่องการขนส่งกระเป๋ามายังสายพานลำเลียง เกิดความล่าช้าต้องรอนาน นอกจากนี้ยังเกิดเหตุขัดข้องกับระบบเช็คอินทั้งระบบในอาคาร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สายการบินต้องใช้ระบบเช็คอินแบบเขียนแทน หอการค้าเสนอเร่งตั้งรัฐบาลใหม่ ผนึกเอกชนรุกเศรษฐกิจพอเพียง นายดุสิต นนทนาคร เลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยจะสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ 11-12 พฤศจิกายน 2549 เพื่อเป็นการนำระบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อ แนวทางของเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการทำธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง ที่นำไปใช้ได้จริงทางธุรกิจ การขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยระดมความเห็นประเด็นเศรษฐกิจเสนอรัฐบาลในเรื่องการค้าในประเทศ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัด รัฐธรรมนูญชั่วคราว 39 มาตรา คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้ประชุมร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยมี พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน หัวหน้า คปค. เป็นประธาน พร้อมด้วยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานร่างรัฐธรรนูญชั่วคราว นักวิชาการ ที่มีคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ จาก 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีทั้งหมด 39 มาตรา มีจุดเด่นที่ให้ประชาชนและสื่อมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ จะประกาศใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2549 แล้วจะมีการตั้งนายกรัฐมนตรี และตั้งสภามนตรีความมั่นคงแห่งชาติ โดยสภานี้จะแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 250 คน ทำหน้าที่เหมือนรัฐสภา และมีหน้าที่ออกระเบียบสรรหาตัวแทนประชาชนจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ รวมตัวแทนทั้งจาก อบจ. และ อบต. 2,000 คน เรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ จากนั้นสมัชชาแห่งชาติจะมาประชุมเลือกกันเองให้เหลือ 200 คน และนำรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเลือกให้เหลือ 100 คน เรียกว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างฯ ชุดนี้จะไปสรรหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ 25 คน อีก 10 คน มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติคัดเลือกมา รวม 35 คน เป็นกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทำหน้าที่สู่ที่ประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม และส่งกลับให้กรรมการยกร่างฯ ทั้ง 35 คน ไปดำเนินการตามข้อแนะนำและนำกลับไปที่สภาร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพื่อให้เห็นพ้องต้องกันก่อนที่จะทำประชาพิจารณ์เป็นรายมาตราต่อไป และนำเข้าสภานิติบัญญัติเพื่อให้ความเห็นชอบ กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจะใช้เวลา 180 วัน จากนั้นจะใช้เวลา 90 วัน เพื่อทำประชาพิจารณ์ แล้วนำร่างฯ เสนอให้สภาร่างรัฐธรรมนูญพิจารณา หากผ่านก็เสนอต่อไปยังสภานิติบัญญัติลงมติเสนอทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ แต่หากไม่ผ่าน ให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้โดยแก้ไขเพิ่มเติมในบางประเด็น และหลังจากนั้นอีก 60 วัน ก็สามารถเลือกตั้งได้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของประเทศไทย ได้มีพิธีรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ได้กล่าวขอความร่วมมือจากคนไทยทุกคน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าในปัจจุบัน และยึดหลักการระบบคุณธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน สร้างความเป็นธรรมในระบบการบริหารงานเป็นหลัก ซึ่งจะดูเรื่องความสามารถ ประสิทธิภาพ และความซื่อสัตย์เป็นสำคัญ ส่วนเรื่องการบริหารเศรษฐกิจนั้น จะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน โดยจะไม่ได้มุ่งที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือเรื่องของตัวเลขจีดีพีมากนัก แต่จะดูในเรื่องของตัวที่วัดความผาสุกของประชาชนมากกว่า