เมษายน 2549 : พระราชทานแนวทางแก้วิกฤติการเมืองด้วยกระบวนการยุติธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสให้คณะผู้พิพากษาศาลฎีการ่วมกับศาลอื่น ๆ หาทางออกในการแก้ไขวิกฤติการเมือง รักษาการนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ลาพักหลังประกาศไม่รับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลใหม่ และแต่งตั้งรองนายกฯ รักษาการคนที่หนึ่ง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติราชการแทน คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 เมษายนแล้ว ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ 485 คน และสั่งยุบสองพรรคการเมืองเล็กในข้อหารับเงินจากพรรคใหญ่ให้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งใหม่รอบแรกแล้วยังต้องเลือกตั้งใหม่รอบสองอีกใน 14 เขตที่ผู้สมัครเพียงคนเดียวยังได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 แต่ปรากฏว่าก่อนจะถึงวันเลือกตั้งเพียงวันเดียว ศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ระงับการเลือกตั้งเอาไว้ก่อนชั่วคราว ได้วุฒิสมาชิก 200 คนแล้ว แต่ กกต. ยังไม่ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ อดีต ส.ว. ขอนแก่น นายแคล้ว นรปติ เสียชีวิตด้วยวัย 89 ปี และศาลฎีกาไม่รับคำอุทธรณ์นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เรื่อง กกต. ตัดสิทธิ์การลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ว. คณะกรรมการสรรหาได้รายชื่อผู้สมัคร ป.ป.ช. เพิ่มอีก 3 ยังขาดอีก 2 จะครบ 18 ตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ว่าฯ กทม. สั่งสอบ 3 ผู้บริหารเกี่ยวข้องโครงการอี-ออคชั่น และส่งผลการสอบเรื่องซื้อรถและเรือดับเพลิงมูลค่า 6.7 พันล้านบาทให้รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ตัดสินใจยกเลิกสัญญา ยืดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในสามจังหวัดภาคใต้อีก 3 เดือน ถึง 20 มิถุนายน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเตรียมเสนอกฎหมายคุ้มครองสิทธิพื้นฐานผู้ป่วยเอดส์ และศาลฎีกาเตรียมยกฐานะแผนกพิจารณาคดีเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นศาลพิเศษ พระราชทานแนวทางแก้วิกฤติทางการเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาประจำศาลยุติธรรมที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน ขอให้ศาลทั้งสาม คือ ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง ร่วมกันแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่โดยใช้กระบวนการยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียวและได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 และการใช้มาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจพระมหากษัตริย์กระทำการใดๆ ตามชอบใจ เพราะนับแต่ขึ้นครองราชย์มา ได้มีรัฐธรรมนูญใช้มาแล้วหลายฉบับ แต่ไม่เคยทรงใช้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเป็นเครื่องมือในการกระทำการใดๆ ตามชอบใจเลย พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในเรื่องของรัฐสภาว่า จะต้องประกอบด้วยสมาชิกสภาที่ครบถ้วนจึงจะทำงานได้ ดังนั้นจึงขอให้ทั้งสามศาลไปร่วมกันรีบคิดหาทางแก้ไขปัญหาที่กำลังเป็นอยู่เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยทำงานได้ ทั้งนี้เพราะสถาบันศาลเป็นที่เชื่อถือของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชดำรัสถึงเรื่องที่มีการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานว่า ไม่ใช่เรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย หลังจากนั้นในวันที่ 28 เมษายน ตัวแทนผู้พิพากษาจำนวน 12 คนจากทั้งสามศาลได้มีการประชุมร่วมกันและได้ข้อสรุปเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมืองว่า 1) ให้แต่ละศาลพิจารณาคดีตามเขตอำนาจและเร่งพิพากษาโดยเร็วให้ทันต่อเหตุการณ์ 2) ให้ใช้และตีความกฎหมายในแนวทางเดียวกัน 3) พิจารณาคดีด้วยความอิสระ สุจริตและเป็นกลาง ทักษิณลาพัก รักษาการนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ประกาศทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 4 เมษายน ขอเว้นวรรคทางการเมืองไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยรักไทยสมัยหน้า หวังให้ประเทศชาติมีความสงบเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 60 ปี จากนั้นจึงยื่นหนังสือขอลาพักยาว แต่งตั้งรักษาการรองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่ง พล.ต.อ. ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติราชการแทน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ สำหรับเรื่องที่มีผู้ร้องว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในระหว่างการรณรงค์หาเสียงที่จังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม โดยการสัญญาว่าจะให้เงินกองทุนหมู่บ้านแก่หมู่บ้านที่เลือกพรรคไทยรักไทยนั้น คณะทำงานหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตัดสินว่าไม่เป็นการกระทำผิด ทั้งนี้เนื่องจากนโยบายกองทุนหมู่บ้านของพรรคไทยรักไทยเป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้ว และเงินที่สัญญาว่าจะให้ก็เป็นเงินงบประมาณมิใช่เงินของพรรคหรือของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่สำหรับอีกข้อกล่าวหาซึ่งมีผู้กล่าวหานางพจนีย์ ณ ป้อมเพ็ชร แม่ยายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าแจกเสื้อยืดและผ้าคาดศีรษะให้แก่ผู้ชุมนุมคาราวานคนจนนั้น กกต. ยังไม่ได้ตัดสินเนื่องจากยังขาดหลักฐานภาพถ่าย และสำหรับภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังให้เงินแก่นักศึกษาอาชีวะในงานนักศึกษาอาชีวศึกษาและการสร้างชาติ ที่เมืองทองธานีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์นั้น หลังจากที่เรียกพยานในเหตุการณ์มาสอบถามแล้วได้ความว่าเป็นการให้เงินเพื่อรับวารสาร จึงมิใช่การให้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง ผลการเลือกตั้ง 2 เม.ย. ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน ปรากฏว่าเป็นผู้ มีสิทธิออกเสียงแบบบัญชีรายชื่อ 44,909,562 คน ในจำนวนนี้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 29,088,209 คน คิดเป็นร้อยละ 64.77 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นบัตรดีทั้งหมด 18,356,402 หรือร้อยละ 63.11 บัตรเสีย 1,680,101 หรือร้อยละ 5.78 และอีก 9,051,706 หรือร้อยละ 31.12 เป็นบัตรที่ไม่ต้องการลงคะแนนให้ผู้ใด ส่วนผู้มีสิทธิออกเสียงแบบแบ่งเขตมีทั้งหมด 44,778,628 คน ปรากฏว่า 28,998,364 หรือร้อยละ 64.76 ได้มาใช้สิทธิ ในจำนวนนี้เป็นบัตรดี 15,608,509 ใบหรือร้อยละ 53.83 และบัตรเสีย 3,778,981 หรือร้อยละ 13.03 ส่วนอีก 9,610,874 ใบหรือร้อยละ 33.14 นั้น ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร ในกรุงเทพมหานครมีผู้มีสิทธิออกเสียงแบบบัญชีรายชื่อ 4,146,300 คน ซึ่ง ออกมาใช้สิทธิ 2,631,802 คน ปรากฏว่าเป็นบัตรดี 1,315,763 ใบ บัตรเสีย 50,162 ใบ และอีก 1,265,877 ใบ ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร และมีผู้มามีสิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขตทั้งหมด 4,146,300 คน ซึ่ง ออกมาใช้สิทธิ 2,631,802 คน ปรากฏว่าเป็นบัตรดี 1,206,853 ใบ บัตรเสีย 105,743 ใบ และอีก 1,319,206 ใบไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร ในวันที่ 28 เมษายน คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใน 386 เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 99 คน ในจำนวนนี้เป็น ส.ส. จากพรรคไทยรักไทยถึง 475 คน ซึ่ง 36 ที่นั่ง ใน กทม. ตกเป็นของ ส.ส.เขตจากพรรคไทยรักไทยทั้งหมด และในการเลือกตั้งครั้งนี้ ปรากฏว่ามี ส.ส. จากพรรคเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักถึง 10 คนนั้น เป็น ส.ส. จากพรรคเล็กอื่นๆ ใน 10 เขตเลือกตั้งสามารถเข้าสู่สภาได้ ทั้งๆ ที่หลายคนได้คะแนนน้อยกว่าบัตรที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ผู้ใด สำหรับ 40 เขตเลือกตั้งใน 17 จังหวัดที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียวและได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 ตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น กกต. ได้สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เมษายน ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ได้มีการเลือกตั้งใหม่รอบแรกไปแล้ว ยังมีอีก 14 เขตเลือกตั้ง ใน 9 จังหวัดที่ผู้สมัครยังได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 ดังนั้น กกต. จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่รอบที่สองอีกในวันที่ 29 เมษายน แต่อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าก่อนจะถึงวันเลือกตั้งเพียงวันเดียว ในวันที่ 28 เมษายน ศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ระงับการเลือกตั้งเอาไว้ก่อนชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น กกต. ได้สั่งระงับการเลือกตั้งในวันที่ 29 เมษายนในทันที และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด รวมทั้งได้ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญด้วย กกต. ยุบ 2 พรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 เมษายน ให้ยุบสองพรรคการเมือง คือ พรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย ในข้อหาว่ารับเงินจากพรรคการเมืองใหญ่ในการลงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน การเลือกตั้งวุฒิสมาชิก ได้รายชื่อวุฒิสมาชิกทั้ง 200 คน จากการเลือกตั้งวันที่ 19 เมษายนแล้ว แต่ กกต. ยังไม่ประกาศรายชื่อรับรองอย่างเป็นทางการ การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มาออกเสียงทั้งหมด 28,203,528 คน หรือร้อยละ 62.69 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด 44,988,188 คน ซึ่งปรากฏว่ามีบัตรที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร 2,028,773 ใบ หรือร้อยละ 7.19 และเป็นบัตรเสียอีก 1,294,558 ใบหรือร้อยละ 4.59 มีผู้ยื่นคำร้องคัดค้านผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกแล้ว 3 ราย คือ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ นายกล้านรงค์ จันทิก และนางรสนา โตสิตระกูล โดย ร.ต.อ.นิติภูมิ ซึ่งได้รับคะแนนสูงถึง 257,420 มาเป็นที่หนึ่งในประเทศและของ กทม. ถูกกล่าวหาว่าแนะนำตนเองในเว็บไซต์ จำหน่ายและแจกจ่ายเทปคาสเซ็ทและเอกสารเป็นการแนะนำตน และขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อเรียกร้องให้ผู้ฟังลงคะแนนให้ นายกล้านรงค์ ซึ่งได้คะแนนเป็นลำดับที่สี่ของประเทศ คือ 146,525 เสียง ถูกกล่าวหาในข้อหาว่าแนะนำตนเองผ่านทางเว็บไซต์ เช่นกัน ส่วนนางรสนา ซึ่งก็ได้คะแนน 118,332 และเป็นลำดับที่เจ็ดของทั้งประเทศ ก็ถูกกกล่าวหาว่าแนะนำตนเองในเว็บไซต์และปราศรัยหาเสียงบนเวทีของพันธมิตรฯ ที่จังหวัดเชียงราย ปรากฏว่า นางสลักจิต ติยะไพรัช ภรรยาของรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว. ด้วยคะแนน 125,767 เสียงและมาเป็นลำดับที่หกของทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงรายเพิ่งมีคำสั่งให้นางสลักจิต สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ เนื่องจากนางสลักจิต เพิ่งจะถูกศาลตัดสินเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ว่ามีความผิดในคดีแจ้งความเท็จในกรณีร้องเรียนเรื่องทุจริตในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายในปี 2547 โดยนางสลักจิต ถูกตัดสินจำคุกและปรับ รวมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ กกต. มีความเห็นว่าเนื่องจากขณะนี้นางสลักจิต กำลังอุทธรณ์อยู่ จึงถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด รักษาการ ส.ว. แคล้ว นรปติ เสียชีวิต รักษาการวุฒิสมาชิกขอนแก่น นายแคล้ว นรปติ เสียชีวิตที่บ้านพักเมื่อวันที่ 8 เมษายน ขณะมีอายุ 89 ปี นายแคล้ว เป็นผู้แทนราษฎรถึง 8 สมัย และเคยเป็นตัวแทนจังหวัดขอนแก่นในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2539 และในปีเดียวกันนั้นก็ได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว. ขอนแก่นเป็นสมัยแรก นายแคล้ว ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่สะอาด ซื่อสัตย์ ไม่เคยรับเงินหรือใช้เงินซื้อเสียง ในการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อปี 2543 นายแคล้ว ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกและได้ชื่อว่าเป็น ส.ว. ที่มีอายุมากเป็นที่สองรองจาก ส.ว.อุดรธานี พันเอกสมคิด ศรีสังคม ที่มีอายุมากกว่าเพียงเดือนเดียว นายแคล้ว เป็นหนึ่งใน ส.ว. ไม่กี่คนที่คัดค้านการที่ ส.ว. เสนอขึ้นเงินเดือนตนเองในการประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมานี้ นายแคล้ว หมดสติและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้และมาเสียชีวิตที่บ้านในวันต่อมา ศาลไม่รับคำอุทธรณ์ของนายชูวิทย์ ศาลฎีกาเมื่อวันที่ 10 เมษายน มีคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ในกรณีที่ กกต. มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน เพิกถอนสิทธิในการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ว. เนื่องจากยังไม่พ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองครบกำหนด 1 ปีก่อนการลงรับสมัคร ส.ว. ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ. 2541 ศาลฎีกาได้ให้เหตุผลว่า โดยที่นายชูวิทย์ ได้รับเลือกเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ดังนั้นสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองจึงเริ่มตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งถึงวันที่ 26 มกราคม 2549 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ของนายชูวิทย์ สิ้นสุดลง ดังนั้น นายชูวิทย์ จึงไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในการลงรับสมัครเลือกตั้งซึ่งกำหนดว่าผู้สมัคร ส.ว. จะต้องปลอดจากการเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ดังนั้น กกต. จึงมีสิทธิเพิกถอนใบสมัครของนายชูวิทย์ จากการลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 19 เมษายน ได้ผู้สมัคร ป.ป.ช. อีก 3 คน คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศรายชื่อผู้สมัครเพิ่มอีก 3 คนที่ผ่านการสรรหาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ได้ผู้สมัครแล้ว 16 จากจำนวนเต็ม 18 คนตามที่กฎหมายต้องการ ประมูลอี-ออคชั่นของ กทม. ผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กทม. 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันในการทุจริตกรณีโครงการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชั่น) จำนวน 16 โครงการ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยให้เวลาทำงานแก่คณะกรรมการ 180 วัน อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจในการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องที่เป็นนักการเมือง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีผู้กล่าวหานายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ รวมทั้งนายอภิรักษ์ ไปที่สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวมทั้งส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. แล้วก็ตาม กรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. ผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ส่งผลการสอบเรื่องการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. มูลค่า 6.7 พันล้านบาท ไปให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว เพื่อให้ตัดสินว่าจะยกเลิกสัญญาหรือไม่ ก่อนหน้านี้ กทม. ในสมัยของผู้ว่าฯ สมัคร สุนทรเวช ได้ทำสัญญาจัดซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับ บริษัท สไตร์เออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชี่ยล ฟายท์ ซอย แห่งประเทศออสเตรีย สำหรับรถดับเพลิง 315 คัน และเรือดับเพลิงอีก 30 ลำ โดยแลกเปลี่ยนกับการสั่งไก่สุกจากประเทศไทย ในเดือนมกราคม 2549 ได้มีผู้ร้องว่าราคารถดับเพลิงสูงเกินความเป็นจริงและเป็นรถที่ผลิตในประเทศไทยเช่นเดียวกับเรือดับเพลิงด้วย และจนถึงขณะนั้นก็ยังไม่มีการสั่งไก่จากประเทศไทย และต่อมาพบว่าการทำสัญญาฉบับนี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบของสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบราชการ อีกทั้งบริษัท สไตเออร์ ได้ถูกซื้อไปก่อนหน้าวันทำสัญญาโดยบริษัท เจนเนอรัลไดนามิค แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องทั้งหมดขณะนี้ได้ส่งไปถึงสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษแล้ว นายอภิรักษ์ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งมีนายบุญเสริม วีสกุล อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นประธาน และได้ส่งผลการสอบสวนไปยังกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานอัยการสูงสุด ขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 3 เดือน รัฐบาลรักษาการได้ประกาศขยายเวลาการใช้พระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในวาระฉุกเฉินใน 3 จังหวัดภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน จนถึงวันที่ 20 มิถุนายนนี้ พ.ร.ก. ฉบับนี้ประกาศใช้เป็นครั้งแรกในสามจังหวัดเมือวันที่ 17 มิถุนายน 2548 โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการเรียกบุคคลใดมาสอบสวนและกักตัวไว้ภายในกำหนดระยะเวลา 30 วันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา ให้อำนาจในการเข้าตรวจค้นและจับกุมได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ รวมทั้งสามารถดักฟังโทรศัพท์ได้ด้วย โดยในการดำเนินการดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะได้รับความคุ้มครองจากการดำเนินคดี นับแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไปแล้ว 454 คน ในจำนวนนี้ 66 รายได้ถูกดำเนินคดีในศาล แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้รับการคัดค้านจากนักสิทธิมนุษยชนและชาวบ้านในท้องถิ่นว่ามีการละเมิดสิทธิและทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น สิทธิของผู้ป่วยเอดส์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเตรียมเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ป่วยโรคติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์ เพื่อหลักประกันในการรักษาพยาบาลและสร้างความเข้าใจเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยในหลายรูปแบบ เช่น การรับเข้าทำงานหรือการรับบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้ยกเลิกการตรวจเชื้อเอชไอวีในผู้สมัครงานและให้ผลการตรวจเป็นความลับ และยังจะเสนอให้ยกระดับสถาบันศาสนาที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อขึ้นเป็นสถานีอนามัยชั้นสอง มีสถิตว่ามีผู้ป่วยเอดส์ทั้งหมดมากกว่า 5 แสนคนในประเทศไทย ในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2535 ได้เคยมีระเบียบคณะรัฐมนตรีห้ามบริษัทบังคับตรวจเชื้อเอดส์กับผู้สมัครงาน แต่ระเบียบเรื่องนี้ได้หมดอายุไปตั้งแต่ปี 2544 และไม่มีการออกกฎหมายใหม่อีก เตรียมตั้งศาลสิ่งแวดล้อม ศาลฎีกาเตรียมตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ได้มีการตั้งแผนกพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมขึ้นในศาลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 แต่นับแต่ก่อตั้งสามารถทำคดีได้เพียง 100 คดีในขณะที่มีอีกกว่า 10,000 คดีกำลังรอการพิจารณา ศาลสิ่งแวดล้อมอาจจะประกอบด้วยคณะตุลาการ 12 คน