กุมภาพันธ์ 2549 : ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภาและจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายนนี้ วุฒิสภามีมติให้เริ่มต้นกระบวนการสรรหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหม่ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา พ้นพงหนามกลับคืนสู่ตำแหน่งผู้ว่า สตง. กกต. แจกสองใบเหลืองสุดท้ายให้พรรคประชาธิปัตย์และไทยรักไทยคนละใบ 157 โรงเรียนออกเสียงย้ายไปอยู่กับองค์กรปกครองท้องถิ่น และเปิดเว็บต้านคอร์รัปชั่นใหม่ในสหรัฐอเมริกา คณะทำงานสอบทุจริต กทม. มีความเห็น 5 เจ้าหน้าที่ระดับสูงมีส่วนผิดและบกพร่องในหน้าที่ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 ตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ให้เหตุผลว่า ได้เกิดการชุมนุมสาธารณะเรียกร้องในทางการเมืองขึ้น ซึ่งได้ขยายตัวออกไปจนอาจเกิดความรุนแรงได้ แม้รัฐบาลจะได้พยายามดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ แต่ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ จึงได้เสนอให้มีการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับสู่ประชาชนด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 การชุมนุมสาธารณะมีขึ้นทุกๆ วันอาทิตย์ที่สนามหลวงเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมืองและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ทวีความเข้มข้นและขยายวงกว้างจากกลุ่มนักวิชาการออกไปยังประชาชนทั่วไปหลังจากที่มีการขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษีเงินได้ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามลดความร้อนแรงลงโดยการเสนอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ทำการวิจัยแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลอดจนเสนอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาแต่ก็ไม่อาจยุติความไม่พอใจในตัวนายกรัฐมนตรีได้ นอกจากนี้ เมื่อคณะ 28 ส.ว. ยื่นหนังสือผ่านประธานวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96 มาตรา 216 และมาตรา 209 แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 : 6 ไม่รับวินิจฉัย โดยให้เหตุผลว่า ปราศจากการแสดงให้เห็นว่านายกฯ ได้กระทำการใดๆ ที่เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหุ้นหรือบริษัทชินคอร์ป ทั้งนี้ กฎหมายระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะต้องไม่ถือหุ้นในบริษัทใดเกินร้อยละ 5 และหากยังถืออยู่ก็ต้องแจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทราบภายใน 30 วันนับแต่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อป้องกันการมีผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กำลังรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ปว่ามีการทำผิดตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่ ซึ่งหากผิดจริงก็จะมีโทษปรับเป็นเงินประมาณ 20 ล้านบาท เริ่มกระบวนการสรรหา ป.ป.ช. วุฒิสภาได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 134 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ให้เริ่มต้นกระบวนการสรรหา ป.ป.ช. ใหม่ทั้งหมดหลังจากที่เลขาธิการสำนักพระราชวังได้คืนรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งทั้ง 9 คนลงมา โดยให้เหตุผลว่า กระบวนการสรรหายังขาดความเหมาะสมเนื่องจากได้เลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งจากผู้สมัคร 17 คนในขณะที่กฎหมายกำหนดว่าต้องมี 18 คน กระบวนการสรรหาจะเริ่มต้นจากที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกว่า 70 แห่ง เลือกตัวแทน 4 คน ส่งมาเป็นคณะกรรมการสรรหาร่วมกับประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุดฝ่ายการเมือง และประธานองค์กรอิสระ จากนั้นจะมีการประกาศรับสมัครผู้รับการเสนอชื่อ ซึ่งคณะกรรมการสรรหาจะเชิญผู้สมัครมาแสดงวิสัยทัศน์เพื่อคัดเลือกเหลือ 18 คนเสนอต่อวุฒิสภาให้เลือกเพียง 9 คุณหญิงจารุวรรณ ได้เก้าอี้คืน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีมติเอกฉันท์คืนเก้าอี้ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พร้อมยุติการสรรหาผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่า สตง. คนใหม่ สืบเนื่องจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามคำร้องของวุฒิสภา ที่ว่า กระบวนการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่า สตง. ไม่ถูกต้อง โดยไม่ได้บอกว่าต่อไปต้องเป็นอย่างไร จึงทำให้ คตง. มีมติให้คุณหญิงจารุวรรณ พ้นจากตำแหน่งและทำการสรรหาผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อคนใหม่คือนายวิสุทธิ์ มนตริวัต นั้น ปรากฏว่า เมื่อหลังจากที่ได้มีการเสนอชื่อนายวิสุทธิ์ ขึ้นไปเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่ไม่ทรงมีพระปรมาภิไธยลงมา จึงทำให้นายวิสุทธิ์ ขอถอนตัว แต่ก็ยังไม่มีการคืนตำแหน่งให้แก่คุณหญิงจารุวรรณ จนกระทั่งรัฐบาลได้ทำหนังสือถึง คตง. ให้พิจารณาทบทวนให้คืนตำแหน่งให้คุณหญิงจารุวรรณ คตง. จึงได้มีการประชุมและผลสรุปว่า ให้ยุติมติการสรรหาผู้ที่ควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่า สตง. คนใหม่ และพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นคืนให้คุณหญิงจารุวรรณ พร้อมทั้งแจ้งประธานวุฒิสภาทราบ อนึ่ง เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของคุณหญิงจารุวรรณ จะครบ 4 ปีในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่การที่ตำแหน่งผู้ว่า สตง. ถูกเว้นว่างเป็นเวลาเกือบสองปีทำให้มีเรื่องที่ต้องตรวจสอบคั่งค้างมากมายรวมทั้งคดีทุจริตที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย ดังนั้น นายนรชัย ศรีพิมล ประธาน คตง. จึงบอกว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการยืดอายุระยะเวลาการทำงานของคุณหญิงจารุวรรณ ออกไปเพื่อให้ชดเชยกับเวลาที่เสียไป กกต. แจก 2 ใบเหลืองสุดท้าย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ได้เสร็จสิ้นการพิจารณาคำร้องเรื่องการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่จังหวัดพิจิตร เขต 1 และนครพนม เขต 4 ในวันที่ 12 มีนาคม 2549 ผู้ที่ได้รับแจกใบเหลืองของจังหวัดพิจิตร คือ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ และจังหวัดนครพนม คือ นายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ พรรคไทยรักไทย ซึ่งนายประดิษฐ์ ได้แถลงว่าจะไม่ขอลงสมัครอีก กกต. ได้รับคำร้องทั้งหมด 959 เรื่องและได้พิจารณาตัดสินว่าผู้สมัครมีความผิดจริงไปแล้วคือ กรณี นายธานินทร์ ใจสมุทร ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 จังหวัดสตูล ถูกเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้ง หรือที่เรียกว่าได้ใบแดง นายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดอุบลราชธานี เขต 3 นายนาวิน บุญเสรฐ ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยจังหวัดพิจิตร เขต 3 นายพายัพ ปั้นเกตุ ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยจังหวัดสิงห์บุรี เขต 1 นายประแสง มงคลศิริ ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยจังหวัดอุทัยธานี เขต 1 ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ได้รับใบเหลืองจะมีสิทธิสมัครลงรับเลือกตั้งใหม่ได้ ในขณะที่ผู้ที่ได้รับใบแดงจะถูกตัดสิทธิ์ในการลงเลือกตั้ง 157 โรงเรียนเต็มใจย้ายไปอยู่กับ อปท. จากการที่รัฐบาลประกาศให้การย้ายโอนไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นไปด้วยความสมัครใจ ปรากฏว่ามีเพียง 157 โรงเรียนเท่านั้น ที่คณะครู ผู้บริหาร และคณะกรรมการโรงเรียนลงคะแนนออกเสียงว่าต้องการไปอยู่กับ อปท. ส่วนอีก 400 โรงเรียนยังต้องการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการอยู่เช่นเดิม ทั้งนี้โรงเรียนส่วนใหญ่ใน 157 โรงเรียนอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีเพียงโรงเรียนเดียวที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกกว่า 1,500 โรงเรียนที่ยังไม่มีการออกเสียง เปิดเว็บต้านคอร์รัปชั่นใหม่ในสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ต้านคอร์รัปชั่นได้ตัดสินใจจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาใหม่หลังจากที่ถูกผู้ให้บริการในเมืองไทยแจ้งงดให้บริการ โดยจะใช้ชื่อเว็บเหมือนเดิมคือ www.corruptionwatch.net เว็บไซต์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลตั้งแต่อดีตถึงอนาคต โดยให้ผู้แจ้งเบาะแสข้อมูลและความเห็นเข้ามาทางอินเตอร์เน็ต 5 ระดับสูง กทม. บกพร่องกรณี อี-ออคชั่น ผลการตรวจสอบกรณีทุจริตที่มีพลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ เป็นประธาน พบว่า มีผู้บกพร่องและเกี่ยวข้องจริง 5 ราย เป็นผู้บริหารระดับสูงของ กทม. ซึ่งมีตำแหน่งเป็นปลัด กทม. รองผู้ว่าฯ ผู้อำนวยการฝ่ายโยธา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย และวิศวกรระดับซี 8 ผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้สั่งพักงานรองผู้ว่าฯ ฝ่ายโยธาหลังจากที่มีการร้องเรียนว่า การประมูลแบบอี-ออคชั่นใน 16 โครงการเมกะโปรเจ็คมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับเหมาบางราย และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีพลตำรวจเอกประทิน เป็นประธาน นอกจากนี้นายอภิรักษ์ ยังได้สั่งชะลอโครงการทั้งหมด 125 โครงการของ กทม. เพื่อทบทวนและปรับปรุงระบบการดำเนินงานใหม่ ปัญหาทุจริตใน กทม. ทำให้ 4 รองผู้ว่าฯ และ 9 ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ปรับทีมงานผู้บริหาร กทม. ใหม่