มีนาคม 2547 : ซัดทอดนักการเมืองเกี่ยวไฟใต้ 2 ส.ส. 1 ส.ว. ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการก่อเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครม.อนุมัติงบทำบัตรประชาชนอิเลคทรอนิกส์ หรือสมาร์ทการ์ด สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบรายงานผลการศึกษาเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย นอกจากนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 10 รัฐมนตรี สรุปจำนวนผู้ลงทะเบียนคนจนมี 8 ล้านคน ครม.เห็นชอบขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเห็นชอบหลักการให้ลดภาษีผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมือง ส่วน พ.ร.บ. ความคุ้มครองเด็กมีผลบังคับใช้แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้แก้ไขร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยราชภัฏ ให้ถูกต้องก่อนทูลเกล้าฯ และผลการเลือกตั้งนายก อบจ. และเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม อย่างไม่เป็นทางการ ซัดทอด 3 นักการเมืองก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้ นายเด่น โต๊ะมีนา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.ปัตตานี นายนัจมุดดีน อูมา และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.นราธิวาส พรรคไทยรักไทย ถูก 1 ใน 8 ผู้ต้องหาคดีปล้นอาวุธปืนค่ายทหาร จ.นราธิวาส ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง บงการการปล้นครั้งนี้ และโยงใยกับขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกหมายจับนักการเมืองทั้งสามแล้ว ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ได้ให้เอกสิทธิ์แก่ ส.ส.และ ส.ว. ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา โดยระบุว่าระหว่างสมัยประชุมห้ามมิให้จับกุม คุมขัง หรือเรียกตัวไปสอบสวน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก กรณีสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากวันที่ 4 มกราคมและวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา มีการเผาโรงเรียน บุกปล้นปืนในค่ายทหารและยิงทหาร ตำรวจ ไล่ฆ่าฟันพระภิกษุ สามเณร ไปจนถึงประชาชนทั่วไปไม่เว้นแต่ละวัน และมีการก่อเหตุวางเพลิงอีก 36 จุด ทำให้รัฐบาลต้องประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดดังกล่าว และอนุมัติงบประมาณ จำนวน 12,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ยังปรับตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาออกจากตำแหน่ง คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม อีกทั้งยังสั่งย้าย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ ให้ไปช่วยราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัญหาความรุนแรงดังกล่าวรัฐบาลคาดว่าน่าจะมาจาก 3 ประเด็น คือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ปัญหาการก่อการร้าย เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ในพื้นที่ ทั้งเรื่องยาเสพติด ค้าของเถื่อน สมาร์ทการ์ด เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณโครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ หรือสมาร์ทการ์ด เป็นเงินจำนวน 7,190 ล้านบาท เพื่อผลิตและบริหารบัตรให้เริ่มใช้ได้ภายในปีนี้ และทยอยทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2549 รวม 64 ล้านใบ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของประชาชนจากกระทรวงต่างๆ ได้ บัตรสมาร์ทการ์ดจะเป็นบัตรที่มีข้อมูลพื้นฐานเช่นเดียวกับบัตรประชาชนทั่วไป แต่จะเพิ่มข้อมูลอื่นๆ เช่น รายได้ สุขภาพ ภาษี ประกันสังคม เป็นต้น โดยข้อมูลจะไม่เก็บไว้ในบัตร แต่จะเก็บในฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน เมื่อไปติดต่อกับหน่วยงานนั้นๆ จึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ โดยได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวก่อน ทั้งนี้ หลายฝ่ายได้เรียกร้องให้ชะลอโครงการไว้ก่อนเนื่องจากการจัดวางระบบเทคโนโลยียังไม่มีความพร้อม แต่ละกระทรวงยังขาดความพร้อมในการเชื่อมโยงระบบ ด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บัตรก็ยังไม่มีกฎหมายใดออกมารองรับ และยังอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล นอกจากนี้ในด้านการเปิดประมูลจัดทำบัตรมีความไม่โปร่งใส และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดทำ เพราะบัตรเดิมชนิดแถบแม่เหล็กก็ยังใช้ไม่ทั่วประเทศ สภาเห็นชอบรายงานกาสิโนถูก กม. เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับรายงานผลการศึกษาเรื่องการเปิดกาสิโนในประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ที่พิจารณาและสรุปความเห็นว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย และได้ตั้งข้อสังเกตไว้เพื่อส่งเรื่องให้รัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ข้อสรุปผลดีของ กมธ. ได้แก่ 1) สามารถสร้างงาน สร้างรายได้เข้าประเทศจากการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตั้งบ่อน 2) เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว 3) ลดภาระเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามบ่อนการพนันเถื่อน 4) ลดปัญหามาเฟียและปัญหาสังคมอื่นๆ เพราะรัฐสามารถควบคุมธุรกิจดังกล่าวได้ ส่วนผลเสีย ได้แก่ 1) หากไม่มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดและโปร่งใสอาจเกิดปัญหาสังคม 2) เป็นตัวเร่งสร้างนิสัยมัวเมาในอบายมุขแก่เยาวชนของชาติ จึงควรกำหนดอายุผู้ใช้บริการ และต้องมีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน สำหรับข้อสังเกตของ กมธ.ได้แก่ 1) รัฐต้องสร้างความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบ่อนการพนันกับสถานกาสิโน ซึ่งสถานกาสิโนจะเป็นสถานให้ความบันเทิง พักผ่อน ศูนย์การค้า รวมอยู่ด้วยกันอย่างครบวงจร 2) เพื่อการควบคุมที่รัดกุม รัฐต้องมีหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ เป็นต้น โปรดเกล้าฯ 10 รมต. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี 12 ตำแหน่ง และแต่งตั้งรัฐมนตรี 10 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครั้งที่ 8 คือ 1) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พ้นจากตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ไปเป็น รมว.คลัง 2) นายสุวิทย์ คุณกิตติ พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ไปเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3) นายโภคิน พลกุล พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ไปเป็น รมว.มหาดไทย 4) พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา พ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี 5) ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ พ้นจากตำแหน่ง รมว.คลัง ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี 6) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พ้นจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี 7) พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร พ้นจากตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปเป็น รมว.กลาโหม 8) นางสิริกร มณีรินทร์ พ้นจากตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ ไปเป็น รมช.สาธารณสุข 9) นายกร ทัพพะรังสี แต่งตั้งเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10) นายสุธรรม แสงประทุม เป็น รมช.ศึกษาธิการ 11) นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ พ้นจากตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 12) พล.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ พ้นจากตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ สรุปจดทะเบียนคนจน 8.7 ล้านคน สรุปจำนวนผู้มาลงทะเบียนคนยากจน ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนของประชาชนให้หมดไปภายใน 6 ปี ซึ่งเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2547 ที่จากเดิมให้สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม มีจำนวนทั้งสิ้นทั่วประเทศ 8,771,815 คน ยอดรวมปัญหากว่า 11 ล้านปัญหา ปัญหาที่พบมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ปัญหาหนี้สิ้นภาคประชาชนกว่า 5 ล้านราย ปัญหาที่ดินทำกินกว่า 4 ล้านราย และปัญหาไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 2 ล้านราย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่ารัฐบาลมีแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ ปัญหาหนี้สิน จะย้ายหนี้นอกระบบเข้าสู่สถาบันการเงินเพื่อยืดระยะการชำระหนี้ และดอกเบี้ยถูกลง ปัญหาที่ดินทำกินจะจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนที่อยากเป็นเกษตรกร ส่วนปัญหาที่อยู่อาศัย จะจัดทำโครงการบ้านมั่นคง หรือบ้านที่ประชาชนอยู่ในแหล่งชุมชนจะทำให้ถูกสุขอนามัย และให้มีสิทธิเป็นเจ้าของได้ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวคาดว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 4 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ย 50,000 บาทต่อคน ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการใหม่ทั้งระบบตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ปรับอัตราเงินเดือนพื้นฐานข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองและข้าราชการการเมือง (ยกเว้น ส.ส. และ ส.ว.) และลูกจ้างส่วนราชการ ขึ้นร้อยละ 3 เท่ากันทุกอัตรา นอกจากนี้ ข้าราชการพลเรือนระดับ ซี 1-7 หรือเทียบเท่าจะได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าอัตราปรับใหม่ขึ้นอีก 2 ขั้น คือ 8% จึงทำให้ขึ้นเป็น 3%+8% ส่วนข้าราชการระดับซี 8 ขึ้นไปจะได้รับเงินประจำตำแหน่งมากกว่าเดิม 1 เท่า โดยจะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 33,340 ล้านบาท บังคับใช้ กม.คุ้มครองเด็ก พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา หลังผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและประกาศเป็นกฎหมาย โดยพ.ร.บ.ดังกล่าวมีหลักการและสาระสำคัญคือ เพื่อให้การสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความประพฤติของเด็ก รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก และวิธีปฏิบัติต่อเด็กและการบริหารงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ซึ่งได้แก่ ห้ามขายสุราหรือบุหรี่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และห้ามเด็กเสพสุรา บุหรี่ และห้ามเข้าสถานที่เฉพาะเพื่อการจำหน่าย หรือเสพสุราหรือบุหรี่ เป็นต้น ผู้ปกครองหรือบุคคลใดที่มีพฤติกรรมว่ามีส่วนยินยอม รู้เห็นเป็นใจ หรือสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดอื่นๆ ตามกฎหมายดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาล รธน. ชี้แก้ กม.ราชภัฏได้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติด้วยคะแนน 10 ต่อ 1 เห็นว่ารัฐสภาสามารถนำร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ กลับคืนมาปรับปรุงแก้ไขได้เฉพาะส่วนที่ไม่สอดคล้องนั้นให้ถูกต้องสมบูรณ์ ก่อนส่งให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้ กรณีที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 266 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ในการตราร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อความที่ขัดแย้งกัน ซึ่งมีความจำเป็นต้องชี้ขาดว่าสามารถนำร่างฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ โดยที่ข้อความยังผิดพลาดอยู่ได้หรือไม่ และมีแนวทางแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาจะส่งเรื่องให้วุฒิสภาดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป ลดภาษีบริจาคเงินพรรคการเมือง คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีการบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมือง) ออกตามมาตรา 47 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ที่มีสาระสำคัญคือ บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่พรรคการเมือง จะนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองจะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อไป ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.โดยตรง ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยตรง และสมาชิกสภา อบจ. อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกจำนวน 47 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 13 คน พรรคชาติไทยได้ 13 คน พรรคชาติพัฒนาได้ 2 คน และผู้สมัครอิสระได้ 7 คน ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจะรับรองผลอย่างเป็นทางการต่อไป โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 60 ทรท.ชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม ผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 3 จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 20มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ได้รับคะแนนสูงสุดคือ 47,720 คะแนน รองลงมาคือ นายปิติพงษ์ ไทยโพธิ์ศรี ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 21,563 คะแนน โดยการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 71.81%