กันยายน 2546 : ห้าม “รักเกียรติ” เล่นการเมือง 5 ปีพร้อมยึดทรัพย์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นเงิน 233.88 ล้านบาท ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติห้ามนายรักเกียรติ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ส่วนสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยตรง วุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ครู และสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีรายงานผลความรุนแรงอันเนื่องมาจากโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย นอกจากนี้ กกต. สั่งให้วันที่ 12 ตุลาคมนี้ เป็นวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 3 จ.นนทบุรี แทนนายสำเร็จ อัจฉริยะประสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคชาติพัฒนา ที่เสียชีวิต ยึดทรัพย์ “รักเกียรติ” และให้เว้นวรรคการเมือง 5 ปี เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นเงินจำนวน 233.88 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิดว่าร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งหากเงินในบัญชีของนายรักเกียรติเหลือไม่ครบตามจำนวนดังกล่าว จะให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินของนายรักเกียรติภายใน 10 ปี ทั้งนี้ คดีดังกล่าวถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีคำพิพากษายึดทรัพย์นักการเมืองเป็นคนแรกนับจากมีศาลนี้ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติเอกฉันท์ 15 เสียง วินิจฉัยชี้ขาดว่า นายรักเกียรติ จงใจยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ มีผลให้นายรักเกียรติห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2543 เป็นต้นไป ตามมาตรา 295 ของรัฐธรรมนูญ อนึ่ง นายรักเกียรติ ยังตกเป็นจำเลยฐานเรียกรับสินบนจำนวน 5 ล้านบาท จากบริษัทไทยนครพัฒนา จำกัด และบริษัท ที เอ็น พี เฮลท์ แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้จำหน่ายยา และเวชภัณฑ์ให้กับสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลของรัฐในราคาสูงกว่าปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดและมีโทษถึงจำคุก นายรักเกียรติจะถูกส่งตัวไปจำคุกทันที ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ เช่นเดียวกับนายจิรายุ จรัสเสถียร อดีตที่ปรึกษา นายรักเกียรติที่ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี สภาผ่าน กม.เลือกตั้งนายก อบจ.โดยตรง สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 395 เสียง โดยร่างดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือกำหนดให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มาจากการเลือกตั้งโดยตรง จากเดิมที่นายก อบจ.มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. จะต้องอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และห้ามเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น นอกจากนี้ได้เพิ่มลักษณะต้องห้าม คือ ผู้ที่พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการหรือที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ถึง 5 ปี มาสมัครเป็นนายก อบจ. ทั้งนี้ ร่างดังกล่าวจะเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป วุฒิสภาเห็นชอบ กม.ครู เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่แนบท้ายบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครู ฉบับที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการร่วมสองสภาตามที่วุฒิสภาเสนอ ด้วยคะแนน 141 ต่อ 4 เสียง แม้ก่อนหน้านี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีมติยับยั้งร่างดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 175 แต่เนื่องจากสภาผู้แทนฯ ต้องรอให้วุฒิสภาลงมติก่อนว่าเห็นอย่างไร ตามกระบวนการตราพระราชบัญญัติ และตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการพิจารณาจะต้องให้เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งสองสภา จึงจะสามารถหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯ ขึ้นมายืนยันเป็นกฎหมายได้ ทั้งนี้ ภายหลังที่วุฒิสภาลงมติดังกล่าว สภาผู้แทนฯ จะเตรียมเสนอญัตติให้ที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ลงมติยืนยันตามร่างเดิมต่อไป อนึ่ง เหตุผลที่สภาฯ มีมติให้ยับยั้งร่างดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าเป็นการทำเกินหน้าที่ และอาจมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินที่ถือว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารต้องตัดสินใจ สภาส่งตีความอำนาจกรรมการสิทธิฯ กรณีท่อก๊าซ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 280 ต่อ 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง ให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงอันเนื่องมาจากการคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและสร้างโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียต่อรัฐบาล ที่ระบุให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงคัดค้านโครงการฯ และชดใช้ค่าเสียหายภายใน 30 วัน โดยเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม คณะกรรมการสิทธิฯ จึงไม่สามารถหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาและสรุปผลการตรวจสอบได้ ทั้งนี้เพราะอาจเป็นการชี้นำหรือล่วงละเมิดอำนาจศาลห จึงเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิฯ ดังกล่าว เลือกตั้งซ่อม ส.ส.นนทบุรี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันที่ 12 ตุลาคมนี้ เป็นวันเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จ.นนทบุรี และวันที่ 4-5 ตุลาคม เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า แทนนายสำเร็จ อัจฉริยะประสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคชาติพัฒนา ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119(2) ที่กำหนดให้ต้องเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง ทั้งนี้ กกต.จะเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 21-25 กันยายนนี้ นอกจากนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในการเลือกตั้งประมาณ 5 ล้านบาท และมีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 60%