มิถุนายน 2545 : ครม.ผ่าน พ.ร.บ. เอฟบีไอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนคดีพิเศษ หรือ เอฟบีไอ สังกัดกระทรวงยุติธรรม เตรียมส่งให้สภาพิจารณาต่อไป สภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2546 วาระแรกแล้ว นอกจากนี้ยังให้ความเห็นชอบพระราชกำหนด (พ.ร.ก) 3 ฉบับ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ส.ว.นครศรีธรรมราช นายทวี แก้วคง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ เตรียมเลือกตั้งใหม่ 4 สิงหาคมนี้ ส่วนผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ประกาศผลอย่างเป็นทางการ และเลือกประธานสภากทม. แล้ว ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เอฟบีไอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหน่วยสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และมอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปปรับปรุงถ้อยคำ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา หลักการของร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษนั้นจะมีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมา สังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาคดีพิเศษที่มีความสลับซับซ้อน ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในการสอบสวน โดยทำหน้าที่คล้ายตำรวจ แต่ไม่มีเครื่องแบบและยศ สามารถพกปืนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่กำลัง อยู่ในขั้นการพิจารณาของสภาฯ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและรองรับการสอบสวนจำแนกคดีพิเศษ โดยมี ร่าง พ.ร.บ.แนบท้ายจำนวน 27 ฉบับ หากกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดตั้งเสร็จทันภายในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมการจัดตั้งกระทรวงใหม่ จะสามารถพิจารณาคดีแรกได้ ภายใน 180 วัน หลังจากที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ อนึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นำโดย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการ สตช. ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเป็นการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ในการสอบสวนคดีพิเศษมากเกินไป และอาจทำให้เกิดความสับสนและไม่สะดวกแก่ประชาชน โดยได้จัดการประชุมระดมความคิดเห็นข้าราชการตำรวจเพื่อสรุปประเด็นความเห็น ตามที่ ครม.มีมติให้ สตช. แสดงความคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วนำเสนอและชี้แจงต่อ ครม.และสำนักงานกฤษฎีกาต่อไป สภาผ่านงบฯ ปี 46 วาระแรก การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้พิจารณาผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2546 เป็นวาระแรก ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว รัฐบาลได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้ทั้งสิ้น 999,900 ล้านบาท ลดลงจากปี 2545 จำนวน 23,100 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 โดยยังต้องดำเนินมาตรการงบประมาณขาดดุลจำนวน 174,900 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ซึ่งเป็นการขาดดุลที่ต่ำกว่างบประมาณปี 2545 โดยมีงบประมาณที่ตั้งไว้ 3 งบฯ ซึ่งฝ่ายค้านได้ตั้งข้อสังเกตไว้คือ 1) งบฯ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 16,600 ล้านบาท 2) งบฯ อุดหนุนหน่วยงานปกครองท้องถิ่น 24,000 ล้านบาท 3) งบฯ ปรับปรุงโครงสร้างระบบราชการ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีรายละเอียดของโครงการว่าจะนำเงินไปทำอะไร และไม่มีความชัดเจนในส่วนรายละเอียดของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส ทั้งนี้ หลังจากผ่านการพิจารณาวาระแรกแล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จำนวน 63 คน จากคณะรัฐมนตรี 15 คน พรรคไทยรักไทย 28 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน พรรคชาติไทย 4 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน และพรรคเล็กๆ ที่เหลืออีก 1 คน สภาเห็นชอบ พ.ร.ก. 3 ฉบับ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก) ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีจำนวน 3 ฉบับ เพื่อเป็นแนวทางในการชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยแต่ละฉบับมีสาระสำคัญคือ 1. ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ.2545 วงเงิน 7.8 แสนล้านบาท ด้วยการออกพันธบัตรและให้โอนเงินจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปีของฝ่ายออกบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาชำระคืนเงินต้น และชำระคืนเงินต้นพันธบัตรกองทุนฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 1.12 แสนล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยให้ชำระจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยลงมติด้วยคะแนนเสียง 328 ต่อ 0 งดออกเสียง 109 2. ร่าง พ.ร.ก.โอนสินทรัพย์บางส่วนในบัญชีสำรองพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา พ.ศ.2545 เพื่อโอนเงิน 1.65 แสนล้านบาท จากบัญชีสำรองพิเศษของฝ่ายออกบัตร ธปท. ให้แก่บัญชีของฝ่ายการธนาคาร ธปท. เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสม และให้มีฐานะมั่นคงเพียงพอที่จะดำเนินนโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพต่อไป โดยลงมติด้วยคะแนนเสียง 331 ต่อ 1 งดออกเสียง 111 3. ร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 เพื่อให้ ธปท.สามารถโอนสินทรัพย์จากบัญชีสำรองพิเศษขึ้นมาเป็นทุนสำรองเงินตราเพื่อหนุนหลังธนบัตรออกใช้ โดยลงมติด้วยคะแนนเสียง 337 ต่อ 9 งดออกเสียง 105 ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียง พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ผู้ที่งดออกเสียงส่วนใหญ่จะเป็นพรรคฝ่ายค้านแทบทั้งสิ้น ส.ว. “ทวี แก้วคง” เสียชีวิต เลือกตั้งซ่อม 4 ส.ค. นายทวี แก้วคง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงกำหนดให้ วันที่ 4 สิงหาคมนี้ เป็นวันเลือกตั้งซ่อม และวันที่ 27-28 กรกฎาคม เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า โดย กกต.จะเปิดรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8-12 กรกฎาคม ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ กกต. ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ผลเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข. ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่ามีผู้สมัครจากพรรคต่างๆ ได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ก.จำนวน 61 คน จาก 61 เขต คือจากพรรคประชาธิปัตย์ 28 คน ไทยรักไทย 25 คน ชาติไทย 2 คน ประชากรไทย 2 คน ชาติพัฒนา 1 คน กลุ่มมดงาน 2 คน และผู้สมัครอิสระ 1 คน โดยผู้ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ก. ครั้งนี้ มี ส.ก.เก่า 47 คน ใหม่ 14 คน ส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ก. มีจำนวน 1,391,504 คน หรือ 35.51% จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 3,918,639 คน ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) จาก 36 เขต จำนวน 259 คน พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง คือ ประชาธิปัตย์ได้ 152 คน ไทยรักไทย 88 คน ประชากรไทย 11 คน และกลุ่มมดงาน 8 คน มี ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ข. จำนวน 974,112 คน คิดเป็น 36.44% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 2,673,689 คน อนึ่ง หลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ได้มีการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) นัดแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเลือกประธานและรองประธานสภา กทม. ผลปรากฏว่า นายสามารถ มะลูลีม ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ส่วนรองประธานคนที่ 1 คือ นายสมชาย เอี่ยมมงคลสกุล ส.ก.กลุ่มมดงาน และรองประธานคนที่ 2 คือ นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ก.พรรคประชากรไทย