จากสถาบันนโยบายศึกษา
โครงกระดูกประชาธิปไตย

      เลือกตั้งผ่านไปแล้ว รัฐบาลก็ตั้งเรียบร้อยแล้ว และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้วด้วยเช่นกัน

      แต่บรรยากาศการเมืองประชาธิปไตยยังไม่เกิด แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านพิธีกรรมประชาธิปไตยอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการมีวิวาทะระหว่างนักการเมืองทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นพฤติกรรมของนักการเมืองแบบเดิมๆ ที่สังคมไทยเบื่อหน่าย

      รัฐสภาเป็นที่ประชุมของนักการเมืองผู้รู้ ผู้ทรงเกียรติ ที่ประชาชนหมายมั่นปั้นแต่งให้มาทำงานเพื่อรักษาประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชน ของชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว ส่วนพรรค แต่อย่างใด

      การประชุมรัฐสภาที่ผ่านไปไม่นาน กลับไม่มีเนื้อหาที่เน้นประโยชน์ของประชาชนที่หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของนักการเมือง ที่ประชุมรัฐสภากลายเป็นเวทีของการแสดงออกในโมหะจริต ที่มีความไม่ชอบเป็นส่วนตัว จนส่อพฤติกรรมที่นักการเมืองไทยจำนวนหนึ่งแยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นเรื่องส่วนรวม ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ และอะไรที่เป็นเรื่องความไม่พอใจกันส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับที่ประชุมรัฐสภาซึ่งต้องการสังสรรค์แนวคิดดีๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน

      ความขัดแย้งและความสูญเสียทางการเมืองที่ผ่านมาร่วม 2 ทศวรรษ ไม่ได้ให้บทเรียนอะไรเลยกับนักการเมืองไทย สภาพที่เห็นอยู่ก็เหมือนตกอยู่ภายใต้ “โครงกระดูกประชาธิปไตย” ที่คุ้นชินอยู่กับการเลือกตั้งและการจัดสรรอำนาจตามระบบ ยังไม่มีสภาพปฏิรูปในตัวนักการเมืองไทย เรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองจึงไม่ปรากฏเห็นในการประชุมรัฐสภาในครั้งที่ผ่านมา เพราะนักการเมืองยังใส่ใจต่อปัญหาประเทศน้อยกว่าประโยชน์ของตนเอง

      เราจึงเห็นภาพการแข่งขันเอาชนะกันด้วยกิริยาและวิวาทะแบบสุดโต่ง แทนที่จะแสดงออกซึ่งความขัดแย้งอย่างอารยะด้วยวิธีคิดและการแสดงออกที่ต่างก็อยากจะแสวงหาความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม จากการที่นักการเมืองทุกคนต่างก็อยู่ในประชาคมเดียวกันคือ รัฐสภา ที่ที่สมาชิกผู้ทรงเกียรติควรเดินทางสายกลางระหว่างการแข่งขันทางความคิด กับความร่วมมือกัน เพราะประชาธิปไตย คือ ทางสายกลาง ที่ต้องการทุกๆ ความคิดที่แตกต่างมาประชันกันให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศชาติ

      ผู้คนติดตามดูผู้แทนฯ ของตัวทางโทรทัศน์และ social media ได้เห็นตัวอย่างของความประพฤติและการแสดงออกแล้ว มีเสียงรำคาญ บ่นเบื่อหน่ายมากกว่าชื่นชม

      สังคมไทยอยากเดินไปในเส้นทางประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่เพียงรูปแบบ แต่อยากได้เนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า

      มิเช่นนั้น ประชาธิปไตย ก็เป็นแต่เพียงโครงกระดูกที่รอการผุกร่อน

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
ผู้อำนวยการ สถาบันนโยบายศึกษา



From : http://www.fpps.or.th