สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

เลือกตั้งทั้งที ไปให้ถึงความสามัคคี

      ใกล้ถึงวันเลือกตั้งแล้ว อีกไม่นานก็ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ หลังจากว่างเว้นมานานถึง 7 ปี เราจึงได้เห็นบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก นอกจากการขายวาทกรรมทางการเมืองแล้ว ก็มีป้ายหาเสียงของทุกพรรคประดับประดา ประชันสีสันกันให้น่าลุ้น

      การหาเสียงมีในหลากหลายรูปแบบทั้งแบบเดิมๆ คือ เดินทักทาย แนะนำตัว ขึ้นเวทีปราศรัย ออกรายการทีวี และยังออกสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ตทุกรูปแบบอีก จึงไม่มีการเลือกตั้งครั้งไหนที่จะเชื่อมคนกับพรรคการเมืองได้ใกล้ชิดกันมากเท่านี้

      แน่นอนว่าการหาเสียงทุกช่องทาง และทุกรูปแบบ แต่ละพรรคต่างมุ่งหวังชิงคะแนนเสียงและหาทางสร้างโอกาสที่จะได้เปรียบคู่แข่งทางการเมือง การเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่มีอยู่อย่างหลากหลาย จึงเป็นเทคนิคสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยแรกรุ่นที่จะมีสิทธิโหวตครั้งแรก กลุ่มผู้หญิง กลุ่มคนสูงอายุ ฯลฯ การสร้างคะแนนนิยมนอกจากขายความสดใหม่และความเก๋าของนักการเมืองแล้ว ก็ยังมีการประดิษฐ์ภาษาการหาคะแนนนิยมให้จดจำ ดังที่เรียกว่า วาทกรรมทางการเมือง เป็นสีสันที่เร้าใจกับการสร้างความนิยมที่ต่างกลุ่มก็ต่างความนิยมอย่างหลากหลาย

      อย่างไรก็ตาม การหาเสียงที่ปรากฏแก่สังคม พรรคการเมืองส่วนมากยังมีลักษณะการหาเสียงแบบเดิม คือ มุ่งโจมตีพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งด้วยวาทกรรมและท่าทีที่ไม่สร้างสรรค์ มากกว่าจะแนะนำนโยบายที่เป็นรูปธรรม และแนวทางปฏิบัติที่เป็นไปได้และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อที่ประชาชนจะได้รู้ และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจก่อนการลงคะแนนเสียง มิหนำซ้ำหลายๆ พรรคก็โฆษณาหาเสียงในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะที่จะเป็นปัญหากับงบประมาณของชาติแบบเกินจริงและยากที่จะปฏิบัติได้ชนิดที่มีโครงการลด-แลก-แจก-แถมกันทุกพรรค ดังที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกมาส่งสัญญาณเตือนพรรคการเมืองต่างๆ ว่า น่าจะเป็นเรื่องยากที่แต่ละพรรคการเมืองจะทำได้ เพราะต้องใช้งบประมาณสูงเกินตัว พร้อมแนะนำให้ประชาชนพิจารณาข้อเสนอของพรรคต่างๆ อย่างรอบคอบ ต้องดูนโยบายที่ทำได้จริง เป็นประโยชน์ในระยะยาว ใช้เงินเหมาะสมกับประโยชน์ที่เกิดขึ้น เพราะหากแจกมากเกินไป ก็อาจจะกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลได้

       สนามเลือกตั้ง คือ ที่แข่งขันของพรรคการเมืองที่ขันอาสาและเสียสละมาสร้างประโยชน์เพื่อประเทศ ทุกพรรคการเมืองจึงต้องมีบทบาทริเริ่มนวัตกรรมทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่ม และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของสังคม พรรคการเมืองจึงมีบทบาทเป็นศูนย์รวมของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอีกด้วย

      ทุกพรรคการเมืองจึงต้องดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างมีวัฒนธรรม ให้เป็นการแสดงออกอย่างสุภาพชน และสร้างสรรค์ ให้ประชาชนรู้สึกเข้าถึงอนาคต ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งว่า เราจะมีบรรยากาศที่ไปลงคะแนนเสียงอย่างมีความสุข ที่มีข้อมูล ชุดความรู้ที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ และผลลัพธ์สุดท้าย คือ ประเทศได้พลังจากความสามัคคีที่ประชาชนออกไปแสดงการมีส่วนร่วมทางการเมืองครั้งนี้อย่างคึกคัก

      นี่จึงเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ยึดโยงอยู่กับประโยชน์สาธารณะ เป็นคุณค่าและคุณธรรมที่อยู่เหนือความเป็นปัจเจกและพรรคการเมือง

      เป็นวัฒนธรรมที่สร้างความสามัคคีในชาติ และเป็นพลังที่ก้าวหน้าที่ทุกคนต้องร่วมกันสร้าง และอย่าให้ด้านที่ล้าหลัง ความรุนแรง ความแตกแยกและไร้ประโยชน์ มาบั่นทอนอนาคตประชาธิปไตยของสังคมไทย

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
ผู้อำนวยการ สถาบันนโยบายศึกษา

From : http://www.fpps.or.th